ถ้าเขียนคำว่าหนาว ด้วยปากกา มือคงพาอักษรไหวสั่น ถ้าเขียนภาพหมอกขาวด้วยพู่กัน คงจะบังสีสันอันสดใส
จะถ่ายภาพให้รู้ว่าหนาว มีไอหมอกขาว พริ้วผ่าว จับใจ แม้ว่าจะปรับแต่งภาพเพียงใด ก็คงได้แค่ภาพจางจาง
อยากส่งความรู้สึกถึงเธอ ในวันที่เจอแต่ความเหินห่าง จะบอกอย่างไรว่าใจอ้างว้าง เมื่ิอยืนท่ามกลางหมอกหนาว ขาวโพลน
(ม้าก้านกล้วย)
I’m only one person
In a large world whole
So quite silent although lonely
But not alone
Sun light are shine cloud in the sky
And wind were blown
Blow out of love
Make empty my heart
Be made my zone
A large world whole
Lonesome whereas I’m not alone
sedentary still in the shine were shone
แม้เหลือหนึ่งคนบนโลกกว้าง
แค่อ้างว้างแต่ไม่เหงาเข้าใจไหม
แม้โดดเดี่ยวไร้คู่ รู้แก่ใจ
แต่ก็ไม่เดียวดายเท่าไรเลย
มีสายลม พรมพลิ้ว เป็นเช่นเพื่อน
กวาดใบเกลื่อนฟ้า เพื่อผ่าเผย
มีแสงแดดแผดกล้า มาชื่นเชย
เหมือนดังเคยเมื่อตอน . . ก่อนมีรัก
แสงแดดส่องสว่างกลางใจช้ำ
เพื่อชี้นำ ทานทน คนอกหัก
ลมก็โบก โบยแกว่ง แรงยิ่งนัก
พัดพารัก ร้ายไป จากใจแล้ว
แค่อีกหนึ่งเรื่องร้ายผ่านกรายมา เหมือนเวลาเดินหน้าถลาลื่น แทบซวนเซซูบซมล้มทั้งยืน จนจะฝืนยั้งไว้ ไม่อยู่แล้ว หากเธอพลาดล้มลงคงจะเจ็บ ในหนาวเหน็บขอแค่ เธอแน่แน่ว ในมืดมน ใจเย็น คงเห็นแนว เป็นดวงแก้ว สว่างฉาย ปลายอุโมงค์ หากเธอเหลียวหาใครไหนมิเห็น ทางที่เป็น ทุ่งร้าง เลือนรางโล่ง สายสัมพันธ์หายไปไร้เชื่อมโยง โลกเหมือนโรง ละครร้างอ้างว้างจัง แค่เธอหยุด หลับตา สักคราหนึ่ง แล้วคิดถึง เพื่อนสักคน แต่หนหลัง เคยเริงร่า ล้อเล่น เป็นพลัง เพื่อนที่ยัง ส่งใจ ให้เสมอ เคยก้าวเดินร่วมกันวันมืดหม่น เคยหลบฝน ร่ายลำนำ เคยพร่ำเพ้อ ที่เคยผ่าน ยากกว่านี้ แค่มีเธอ ที่เคยเจอ ก็ผ่านพ้น ทุกหนทาง แล้วจะยากอะไรถ้าไปต่อ แม้จะท้อ ขออย่าคอย จนถอยห่าง เอาอดีต มาครุ่นคิด ลิขิตวาง คนที่ห่าง ยังส่งใจ ห่วงใยเธอ (ม้าก้านกล้วย)
เจ้าตัดสินใจ จะไปแล้ว พระพายแผ่วหอบฝันวันข้างหน้า ประคองสองปีกร่อน ฟ้อนฟ้า ประกายตา จ้าทอ ล้อตะวัน เจ้าจากจรถิ่นเก่าที่เนานิตย์ เพื่อไปตามชีวิตลิขิตฝัน มิเหลียวหลัง แล ลง ตรงแหล่งนั้น เพราะว่ามัน มีอดีต อันซีดจาง ปีกเจ้ากล้า ขาเจ้าแข็ง มีแรงโผ เพราะเจ้าโต จากใด เตือนใจบ้าง ก่อนเติบโตขึ้นมา หาหนทาง กี่มิตรที่เมินหมาง ลงกลางครัน ยามเยาว์เจ้าอยู่ ในหมู่มิตร ร่วมสนิทเริงสนานสมานฉันท์ สัญญาร่วมสร้างไว้ กับใครกัน ในคืนวันที่มีเรา เมื่อเก่ากาล ยินดีที่เจ้ามีฝันอันเลิศหรู จะรอดูความยิ่งใหญ่เมื่อวัยผ่าน คงได้พบ หวังงามตามต้องการ ได้แต่วาน ลมวอน ก่อนจากกัน แม้ที่ใหม่ ไกลนัก มีรักแท้ ร่มเงาแผ่ เผื่อให้ ได้สุขสันต์ จะปักหลักพักกาย คลายจาบัลย์ ณ แห่งนั้น ตลอดไป ตามใจเธอ แต่ถ้าหากกลับกลายมิได้สม กับต้องขมใจขื่นฝืนเสมอ หวังที่วาดไว้นั้น คือฝันเพ้อ ก็แค่เธอ ยอมรับ แล้วกลับมา ตรงนี้ ยังมี ที่ให้เจ้า เพื่อนเก่า ทุกยาม คอยถามหา คอยซับ เหงื่อหยดซ้ำ หยาดน้ำตา แค่กลับมา ที่เก่า เท่านั้นเอง
เธอคือ หนึ่งแห่งวาบความหวังครั้งที่ท้อ มีเธอรออยู่อีกปลายสายใยนั่น แม้อยู่ในเดือนดับนับอนันต์ แต่ยังมั่นมุ่งไป สู่ปลายทาง เธอสัญญาว่าจะรอ ขอแค่นี้ ไม่ว่ากี่ขวากคม จะล้มขวาง ไม่หวั่นเงาเงื่อมง้ำที่อำพราง จะผ่ากลางอุปสรรค จักต้องไป ลำบากนักพักกาย พอคลายล้า ก็มุ่งหน้าฝ่าฟันเพื่อวันใหม่ มีจุดหมายแหล่งหลักเพื่อพักใจ เธอคือไฟ สุมพลัง ยังโชติโชน แพ้บ้าง พลั้งพลาด อาจบังเกิด แต่เชื่อเถิด จะผงาด จะผาดโผน เหมือนแสงดาว ส่องไสว อันไกลโพ้น ช่างอ่อนโยน กับหัวใจ ผู้ใกล้แพ้ ร้อยล้ม ร้อยลุกขึ้น เพื่อยืนหยัด ร้อยพลัด ร้อยพราก ลำบากแน่ ถ้าใจหนึ่ง ดวงนั้น จะผันแปร ก็คงแค่ พ่ายไป ในเส้นทาง เพราะมีเธอ อยู่ใน ปลายความหวัง ฉันจึงยัง สู้ต่อ ขออย่าหมาง แม้ยังไกลเกินจริง ยิ่งเลือนลาง แค่เราห่าง ใช่เราร้าง ลงกลางครัน ขอเพียงเธอรั้งรอ ขอแค่นี้ อีกไม่กี่ นาที เท่าที่ฝัน ใกล้ปลายทางแห่งเรา เข้าทุกวัน เพื่อพบกัน เพื่อเคียงครอง เราสองคน (ม้าก้านกล้วย)