20 มีนาคม 2552 02:48 น.
ม่านดอย
ม่านชีวิต.......เจ้านางเมืองในหมอก
กาลเวลาผ่านไปหวนให้คิด
ถึงขีวิตของเจ้าเฝ้าสับสน
ทุกย่างก้าวเดินทางช่างมืดมน
เกิดเป็นคนดีตรงไหนใจรำพัน
ตั้งแต่เกิดกายมาใครว่าสุข
มีแต่ทุกข์ฤทัยใหญ่มหันต์
ความร้อนเร่าเผาใจไม่เว้นวัน
ช่างน่าขันจริงหนาม่านฟ้าดอย
ชายใดเจอเพ้อครวญถึงนวลน้อง
ต่างหมายปองคนงามตามเอื้อมสอย
เจ้าม่านเอื้องเมืองหมอกดอกสามปอย
แต่เจ้าน้อยกลับหมองหม่นเพราะคนลวง
ต้องทนทุกข์ทรมานเนิ่นนานนัก
ด้วยพิษรักรันทดกำสรดสรวง
ความทุกข์โศกรุมเร้าเผาอกกลวง
สุดช้ำทรวงม่านฟ้าปางลาตาย
ยังมีบุญหนุนนำพบธรรมมะ
พอลดละทุกข์ใจให้เหือดหาย
แต่ไม่นานนั้นกรรมมากร้ำกราย
แสนวุ่นวายความรักหนักอีกครา
อยากจะหลีกเร้นกายหายหน้าหนี
บวชเป็นชีสถิตถ้ำตามภูผา
เจริญธรรมนำสว่างทางปัญญา
ชั่วชีวาคงสุขพ้นทุกข์กรรม
19 มีนาคม 2552 01:17 น.
ม่านดอย
จินตนาการ........วิมานรัก
เธอและฉันพบกันสายเสียแล้ว
ไร้วี่แววสมจินต์สิ้นความหวัง
ต้องกล้ำกลืนฝืนตรมขมประดัง
หมดพลังรั้งใจให้กลับคืน
ดวงหทัยไยเล่าเจ้าดื้อนัก
สุดจะหักอาลัยข่มใจฝืน
แสนชอกช้ำวิตกอกพังครืน
ต้องสะอืนอดสูรู้ความจริง
กามเทพเจ้าขาเมตตาหน่อย
ศรรักลอยรุมเร้าเข้ามาสิง
ทั้งที่รู้คู่เขาเเคล้าแอบอิง
ยังประวิงเพ้อฝันทุกวันวาร
ดูดวงดาวพราวพร่างกลางท้องฟ้า
หมู่ดาราใสสุกทุกสถาน
ยืนอยู่เดียวเปลี่ยวใจไร้วิญญาณ
สร้างวิมานเลื่อนลอยคอยคนไกล
19 มีนาคม 2552 00:37 น.
ม่านดอย
คิดถึงเขา.......ก็เหงาเหมือนเดิม
คิดถึงเธอทุกคราน้ำตาหลั่ง
คิดถึงครั้งสองเราเย้าสุขสันต์
คิดถึงคำเว้าวอนอ้อนรำพัน
คิดถึงวันสุดซึ้งตรึงอารมณ์
คิดถึงถ้อยวจีที่พร่ำเอ่ย
คิดถึงเคยร่วมเรียงเคียงสุขสม
คิดถึงความละมุนกรุ่นคารม
คิดถึงลมปากหวานซ่านทรวงใน
คิดถึงบทกวีที่พร่ำพรอด
คิดถึงยอดชีวีพี่อยู่ไหน
คิดถึงมากยากจักหักฤทัย
คิดถึงใจจะขาดแล้วพี่ยา
คิดถึงพี่ที่นำฟังธรรมมะ
คิดถึงนะคนดีที่รักจ๋า
คิดถึงบุญหนุนนำทำกันมา
คิดถึงตาคมซึ้งจึงคร่ำครวญ
คิดถึงครูผู้สอนกลอนบทโศก
คิดถึงโชคชะตาพาผันผวน
คิดถึงคนเคยชมโฉมเย้ายวน
คิดถึงนวลน้องไหมคนไกลเอย
คิดถึงคืนน้องเหงาพี่เฝ้าห่วง
คิดถึงห้วงความฝันหวั่นอกเอ๋ย
คิดถึงรักของเราเศร้าจังเลย
คิดถึงเอยคิดถึงจึงครวญมา
คิดถึงพี่แทบบ้าพาอดสู
คิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อเถิดหนา
คดถึงจนร้าวรอนอ่อนอุรา
คิดถึงคราร้างไกลใจอาดูร
คิดถึงใครคนนั้นเฝ้าฝันถึง
คิดถึงซึ่งไมตรีมิมีสูญ
คิดถึงคุณความดีที่เกื้อกูล
คิดถึงมูลความหลังแทบคลั่งตาย
คิดถึงจริงคิดถึงจังนั่งนอนทุกข์
คิดถึงสุขเคยได้ใจสลาย
คิดถึงเขาข้างเดียวเปลี่ยวใจกาย
คิดถึงหมายปรองดองกลับหมองตรม
คิดถึงทุกเช้าค่ำย่ำยามดึก
คิดถึงศึกในอกนรกถม
คิดถึงรอยรักร้าวเศร้าระทม
คิดถึงคมฝีปากยากจะลืม
คิดถึงว่าวันไหนจักได้พบ
คิดถึงภพเท่าใดได้ด่ำดื่ม
คิดถึงว่าชาติต่อไปจักไม่ลืม
คิดถึงอืมคิดถึงจึงสัญญา
คิดถึงเพลงพี่ร้องน้องเคลิ้มฝัน
คิดถึงจันทร์คืนแรมแซมเวหา
คิดถึงนอนรำพึงถึงพี่ยา
คิดถึงคราน้องงอนพี่อ้อนครวญ
คิดถึงคนอยู่ไกลปลายขอบฟ้า
คิดถึงรักของข้าพากำสรวล
คิดถึงเขาเศร้าใจให้รัญจวน
คิดถึงล้วนทุกอย่างเหมือนดั่งเงา
คิดถึงภาพความหลังนั่งหน้าเน็ท
คิดถึงเหตุพบกันฉันและเขา
คิดถึงว่าหนทางระหว่างเรา
คงจบลงว่างเปล่าเหงาเหมือนเดิม
9 มีนาคม 2552 22:34 น.
ม่านดอย
เสียงปลุก
เสียงระฆังกังวานสะท้านป่า
ถึงเวลาปฏิบัติทำวัตรเช้า
อย่าเซื่องซึมลืมตาขึ้นตื่นเถอะเรา
รีบเร่งเข้าอาบน้ำชำระกาย
สวมเสื้อขาวพราวตาผ้าถุงนั่น
สไบอันบางเบาเข้าที่หมาย
แล้วสำรวมวาจาใจพร้อมทั้งกาย
เดินเยื้องกรายอย่างสง่าเข้าหาลาน(ธรรม)
แม่ชีพรามห์งามหนอนั่งรออยู่
พินิจดูพาให้ใจสุขศานต์
หาที่นั่งเหมาะสมก้มกราบกราน
พระประธานสามครั้งตั้งนะโม
ถึงเวลาพระสงฆ์ลงธรรมมาสน์
เสียงอาราธนาพาสุขโข
พระสงฆ์รับกล่าวคำนำพุทโธ
พุทธโอวาทพระองค์ปลงอนิจจัง
5 มีนาคม 2552 12:07 น.
ม่านดอย
มองนภาคราใดหหวลให้คิด
ถึงมิ่งมิตรแดนไกลใจสลาย
นั่งวิตกอกระกำช้ำใจกาย
อยู่เดียวดายอ้างว้างกลางดงดอย
โถคนไกลไยทำยำยีเล่า
รู้หรือเปล่าเศร้าใจให้เหงาหงอย
ฟังคารมตรมช้ำน้ำตาปรอย
ด้วยน้ำถ้อยวจีที่เสียดแทง
แต่ก่อนเล่าเว้าวอนอ้อนออดนัก
ว่าสมัครห่วงใยไม่หน่ายแหนง
เดี๋ยวนี้ไซร้วาจามาเปลี่ยนแปลง
สุดแสลงฤทัยให้ร้าวรอน
อักษราหวานปลื้มลืมแล้วหรือ
เหตุใดฤๅพี่ยามาบั่นถอน
ตัดสัมพันธ์สิ้นเยื่อใยไร้อาวรณ์
ทุกคืนนอนใจแทบขาดปาดน้ำตา