27 สิงหาคม 2546 14:43 น.
มู่หลาน
ไผ่ ตอนที่ 1
เสียงกอไผ่เสียดสี ยามที่ต้องลม ฟังแล้วมันช่างเสียดแทงหัวใจไอ้หนุ่มบ้านนอกอย่างเขาเหลือเกิน ถึงเวลาจะล่วงเลยไปแล้ว 2 ปี แต่ความเจ็บปวด มันยังคงฝั่งรากลึกอยู่ในหัวใจ จนไม่มีทางจะเยียวยาได้แล้ว เม็ดฝนกำลังเริ่มโรยตัวลงสู่กอไผ่ ยิ่งสร้างความหนาวเหน็บในหัวใจยิ่งขึ้น แล้วภาพเก่าๆก็ปรากฏอย่างแจ่มชัด เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันที่ผ่านมา
ไผ่ รอเดี๋ยวนะ ผีเสื้อตัวนี้สวยมากเลย ปากพูดพร้อมกับสวิงในมือที่ไล่ตะครุบผีเสื้อเป็นพัลวัน
ปล่อยมันไปเถอะจ้อย ให้มันบินอยู่กับกอไผ่นะดีแล้ว เราชอบเห็นเวลามันบิน
เด็กหนุ่มหยุดวิ่ง พร้อมหันไปมองหน้าสาวน้อย ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไร รู้แต่ว่าสิ่งใด ที่เป็นความต้องการของเธอ เขาพร้อมและยินดีทำให้เสมอ
ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มส่องสว่างไปทั่วทุ่งไผ่ มันกำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ
เดี๋ยวค่อยกลับนะไผ่ ขอเราดูพระอาทิตย์ตกก่อน
ฮืม เราก็ชอบนะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ เราจะมีโอกาสจะได้ดูพระอาทิตย์ตกอีกไหม
ทำไมล่ะ ชายหนุ่มละสายตาจาก แสงสีส้ม หันมามองหน้าสาวน้อยทันที
แม่จะส่งเราไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้า
พ่อของเธอเป็นนายอำเภอเล็กๆในจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนแม่ของเธอเป็นครูสอนหนังสือในตัวเมือง เธอเคยเล่าให้ฟังว่า แม่ของเธอต้องการให้เธอเป็นนักพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้นเมื่อจบ ม.6 เธอจึงต้องเดินทางเข้าสู่กรุงเทพ เพื่อสอบแข่งขันเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยตามที่แม่ของเธอใฝ่ฝันไว้ ส่วนเขาเป็นเพียงลูกชาวบ้านจนๆคนหนึ่ง พ่อทำสวนไผ่ ส่วนแม่ก็รับจ้างรีดผ้าไปวันๆ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการเก็บหน่อไม้ไปขาย ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายพอที่จะส่งให้ชายหนุ่มเรียนได้สูงถึงขั้นมหาวิทยาลัย ดังนั้นความฝันที่เขาเคยบอกไว้กับสาวน้อย ที่นั่งข้างๆ จึงเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆ ที่มันไม่มีวันเป็นจริงได้
เสียงลมพัดเข้ามาทำลายความเงียบ เสียงไผ่ที่เสียดสีกัน คล้ายกับสัญญาณบอกลา ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าไม่นาน
เราจะไปพรุ่งนี้แล้วนะ
ทำไมเร็วนักล่ะ ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่น้อย
โชคดีแล้วกัน เราคงไม่ได้ไปส่งหรอกนะ พรุ่งนี้เราต้องเข้าไปตัดหน่อไม้ในป่ากับพ่อ
ไปส่งเราหน่อยไม่ได้เหรอ อีกหลายปีนะ กว่าเราจะกลับมานั่งดูพระอาทิตย์ตกกับนายอีก
ใครเลยจะรู้ว่า ในใจลึกๆ เขาแอบชอบผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหน แต่มันเป็นเพียงความในใจ
ที่เขาไม่กล้าจะพูดมันออกมา
ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเธอก็ต้องไปอยู่ดี เราจะไปส่งหรือไม่ส่งก็ไม่สำคัญไม่ใช่เหรอ
ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เธอพูดจบก็กระโดดลงจากแคร่ แล้ววิ่งกลับไป
ขากำลังจะวิ่งตามไป เพื่ออธิบายสิ่งที่ค้างคาในใจ แต่แล้วความรู้สึก มันกับสั่งให้นั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เธอเข้าใจผิดๆดีแล้ว ชีวิตของเธอจะสวยงามกว่านี้ เขาไม่อยากจะรั้งเธอไว้ด้วยคำว่า รัก ปล่อยให้เธอไปเจอกับคนที่มีฐานะที่คู่ควรกับเธอคงจะดีกว่า ถึงแม้จะรักแค่ไหน แต่ก็ต้องตัดใจ
อะไรที่เป็นความสุขของเธอ ฉันทำให้ได้เสมอ แม้เธอจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำให้เธอได้