25 พฤษภาคม 2549 20:48 น.
มือ ไหม้พาย
ต้นไม้ต้นนี้มีอายุ
บางใบปรุแดดสอดส่องเป็นสาย
ยังดอกผลพร้อมเพรียงอยู่เรียงราย
กิ่งก้านแผ่ขยายให้ร่มเงา
ผู้ผ่านทางเหนื่อยหน่ายว่างได้พัก
สัมภาระหน่วงหนักคือความเขลา
แบกมาจนครอบครองเป็นของเรา
แท้มันต้องเปื่อยเน่าเข้าสักวัน
รากยึดโลกอย่างไรยึดไม่อยู่
ยึดตัวกูของกูก็โศกศัลย์
อนัตตาประหารอัตตาพลัน
ความมืดนั้นกลับสว่างกระจ่างใจ
ต้นไม้ต้นนี้ชื่อพุทธทาส
มีธรรมเป็นธรรมชาติสะอาดใส
อันมนุษย์มีจน ล้วนต้นไม้
มีวันร่วงโรยใบได้เช่นกัน
สอนโดยไม่สอนว่าทุกสิ่ง
มิอาจนิ่งอยู่ได้ ในความผัน
แต่หลักธรรม-ความดี เคยมีนั้น
จะอยู่เป็นนิรันดร์ ไม่ผันเลย
พุทธทาสยังอยู่ไปไม่มีตาย
รู้รับใช้เพื่อนมนุษย์ ไม่หยุดเฉย
ด้วยธรรมโฆษณ์ ที่วางไว้อย่างเคย
โอ้ เพื่อนเอ๋ย เห็นไหมอะไรตาย
-----------------------
๑๐๐ ปี พุทธทาสภิกขุ
- พุทธทาสจักอยู่ไปไม่มีตาย -
-----------------------
24 พฤษภาคม 2549 11:22 น.
มือ ไหม้พาย
-๑-
เขาคือเด็กช่างฝันนักปั้นเรื่อง
เป็นนิทานฝันเฟื่องเรื่องขำ-เขลา
เหมือนประพันธ์นิยายของวัยเยาว์
มีตุ๊กตาตัวเน่าแสดงนำ
เมื่องานวัดจัดฉายมหรสพ
เพลงลูกทุ่งดังกลบเพลงพลบค่ำ
หนังกลางแปลง "แผลเก่า" ถูกเล่าซ้ำ
เด็กน้อยตาดำดำตื้นตันใจ
ว่า "แสนแสบ" คือคลองของตัวข้า
ว่าฝูงควายฝูงปลา มือคว้าได้
ว่า "อีเรียม" นั้นดวงหน้างามกว่าใคร
และจอหนังข้างใน ยังฉายวน
เขาคือเด็กผู้ฝันจะปั้นเรื่อง
เขียนนิยายต่อเนื่องเรื่องเข้มข้น
รวมเหตุการณ์ความเป็นอยู่ของผู้คน
ประกอบปนให้เรื่องนี้มีชีวิต
จึงจับเพื่อนมาเล่นเป็นตัวเอก
เขาสั่งคัตสั่งเทคใครเล่นผิด
มีผู้ชมนั่งดูอยู่น้อยนิด
แต่หัวใจมวลมิตรล้วนเบิกบาน
-๒-
เขาคือหนุ่มช่างฝันของวัยใหม่
เติบโตกับยุคสมัยห่างวัยหวาน
แต่เสียง "ขวัญเรียม" ดั่งแว่วกังวาน
เรียกให้เราวกผ่านเส้นทางเดิม
โรงหนังอยู่ในห้างสรรพสินค้า
ไร้เก้าอี้คร่ำคร่ามาวางเสริม
ภาพชัดใสฉายนิ่งยิ่งเคลิบเคลิ้ม
เหมือนความสุขถูกเติมจนเต็มใจ
จึงความฝันถูกปลุกให้ลุกตื่น
จึงหวนคืนความหวัง สร้างหนังใหม่
ทั้งแนวฮิป แนวอาร์ต ถูกวาดไว้
แต่ดูเหมือนเดินไปไม่ถูกทาง
ดู "แผลเก่า" อีกครั้งนั่งร้องไห้
เห็นเด็กโง่ผู้หลงในโลกใบกว้าง
ที่ยิ่งหายิ่งค้นก็ยิ่งคว้าง
จนกระจ่างเมื่อเห็นความเป็นไทย
-๓-
ดู "แผลเก่า" อีกครั้งยังคิดถึง
เรื่องราวซึ่งติดขัดกลับชัดใส
คือหนังที่เล่นค้างอยู่กลางใจ
และฉายวนอยู่ในใจดวงนั้น
ใครคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่กลางใจ
เชิด ทรงศรี อยู่ในใจดวงนั้น
------------------------------
แด่...เชิด ทรงศรี
ชายผู้จากไปด้วยวัย ๒๘ ปี
------------------------------
21 พฤษภาคม 2549 11:13 น.
มือ ไหม้พาย
-๑-
ไฟใดจะร้อนเท่า
ไฟที่เผาอยู่กลางใจ
หนึ่งเปลวจึงลามไป
จนมอดไหม้ทั้งมณฑล
แผลใดจะบาดลึก
กว่าสำนึกอันปี่ป่น
เมื่อคนมาฆ่าคน
ท้นคำถามความชอบธรรม?
-๒-
คือฝนอันชำแรก
แทรกดินทราย ระสายระส่ำ
แปรราบ -เป็นรางลำ
เกิดบ่อน้ำขึ้นบ่อใหม่
เอ่อล้นเต็มลำธาร
จากละหานเป็นบึงใหญ่
วักน้ำขึ้นมาใช้
จึงได้เห็นเป็น น้ำมัน
ที่พร้อมจะติดไฟ
พร้อมจะไหม้ได้โดยพลัน
จิตใจใครไหวสั่น
จิตใจนั้นคือเชื้อเพลิง
คือฝนอันชำแรก
จนร้าวแหลกแตกกระเจิง
จนร้างจนว้างเวิ้ง
เป็นป่าช้ากลางกมล
'ใต้'เท้ามีดอกไม้
'ใต้'หัวใจมีรักล้น
'ใต้'เลือดที่ไหลข้น
ประกอบปนด้วยน้ำตา
'ใต้'ตะวันมีชีวิต
'ใต้'ความคิดมีอิสรา
'ใต้'ความแค้นที่ค้างคา
มีคำว่าให้อภัย
-๓-
ฝนร้ายเดือนพฤษภา
จะติดตาจะฝังใจ
คนไทยฆ่าคนไทย
จึงร้องไห้ทั้งแผ่นดิน!
-----------------------------------
ส่งใจไปใต้ -ขอให้ "ครูจูหลิง" หายดี
ขอให้ความเจ็บป่วยของแผ่นดินใต้หายดี
4 พฤษภาคม 2549 22:52 น.
มือ ไหม้พาย
ขอมอบดอกไม้ในสวน
นี้เพื่อมวลประชา
จงบานเถิดบานในใจช้าช้า
อย่างแกล้วกล้าแน่วแน่แม้ทางคด
กีตาร์ตัวเก่าเคยเล่าเรื่อง
ข่าวคราวของคนเมือง คนชนบท
ร้องบรรเลงเพลงฝัน เพลงรันทด
จารจรดถ้อยคำ สร้างตำนาน
แม้เสียงปืนคลุ้มคลั่งดั่งเพลงโศก
แต่เพลงรักของโลก รอขับขาน
ดนตรีคีตา ฅาราวาน
คือรักที่เบ่งบานเพื่อมวลชน.
กลางพายุคับแค้นการเข่นฆ่า
ยังมีคนลืมตากลางห่าฝน
ไฟแห่งทุกข์จะหลอมคนให้ค้นฅน
ไฟความคิดจะส่องหนบันดลทาง
หยดหนึ่งของต้นธารการต่อสู้
จะรินสู่กระแสใหม่ -สายธารกว้าง
ด้วยหน้าที่ระรี่ไหล ไม่เหือดจาง
โลกไม่ร้าง เพราะชีวิตเจ้ายังเดิน
รอยเท้าเพื่อชีวิต ไม่วรรคเว้น
โอ้ยอดรัก... ยังห่วงหา -ระหกระเหิน
ระเหินสู่กันดารยาตร ราษฎร์ดำเนิน
ร่วมเผชิญทุกข์ข้างประชาชน
แด่...เจ้าดอกไม้
ที่ยิ้มให้ คนเดินทาง ข้างถนน
แด่...เพื่อนผู้ร้อนหนาวจนก้าวพ้น
มา"ยิ้มกลางสายฝน" จนเต็มไท
ขอมอบดอกไม้ในสวน
ให้อบอวลแรงหวัง ทั้งยุคสมัย
รัก-พลัง: ถั่งโถมโหมแรงใจ
สุรชัย จันทิมาธร.
-------------------------------
แด่... สุรชัย จันทิมาธร
นักเขียน "รางวัลศรีบูรพา" ๒๕๔๙