3 กุมภาพันธ์ 2552 20:48 น.
มาเรียณัฐ
ไม่เคยคิดและล่วงรู้มาก่อน
โชคชะตาย้อนยอกให้ได้พบ
ทั้งที่ไม่เคยประสบ
และมาคบกับคนที่หลายใจ
คนที่รักเขารักมากแค่ไหนใจก็รู้
เขาอุ้มชูดูแลเป็นไหนไหน
ใจต่างหากมาหลงรักคนที่เราไม่เข้าใจ
เขาทำอะไรก็ยอมแทบทุกที
คนหนาคนแปลกแยกไม่ถูก
มีใครปลูกรักด้วยดูแลแคร์เรานี่
ใจเจ้ากรรมถลำไม่รักพี่
กลับผูกดวงฤดีไว้ที่คุณ
จะโกหก..จะหลอก..จะบอกแบบไหน
ยอมเชื่อใจเชื่อเธอทั้งใจวุ่น
เพียงไม่พูดไม่เพ้อไม่พร่ำคำรุน
ทำเป็นเชื่อเจือจุนจนคุ้นเคย
ความแตกต่างระหว่างเราน่าเศร้านัก
ฉันมีคนที่รักอยู่แสนไกลใส่ใจไม่นิ่งเฉย
ทุก..ทุกวันโทรมาถาม..อย่างที่เคย
สบายดีหรือเปล่าเอยคิดถึงจัง
แต่ใจกลับแปลกแยกไม่ออก
พบเธอบอกแรกรักสดใสใจฝัง
แต่ตอนนี้เธอยิ่งเปลี่ยนไปไม่จริงจัง
ได้แต่นั่งรอ...รอ..เธอโทรมา...
เปรียบชีวิต..ที่ต่างแตก
พบครั้งแรกเธอเอาใจใส่สรรหา
ผ่านไปแล้ว..ล่วงและเวลา
จึงรู้ว่า...เจ็บเพราะใจไม่รักดี...
2 กุมภาพันธ์ 2552 21:00 น.
มาเรียณัฐ
เหนื่อยหล้าอาการสาหัส
ไม่รู้จะจัดการอย่างไรให้สาสม
ต้องเจ็บต้องทุกข์ระทม
ความขื่นขมเต็มอยู่ในใจ
หมดแรงหมดแรงเหนื่อยหน่าย
ปวดใจปวดร้าวจะทำไฉน
ต้องทนต้องทุกข์เพราะเธออีกนานเท่าใด
ในเมื่อหัวใจมันรักเธอ
ป่วยกายไม่เท่าไรหรอกบอกให้รู้
ป่วยใจนี่ซิสู้ไม่ไหว..เหมือนคนเพ้อเจ้อ
หมดแรงแล้วปัญหาที่มาเจอ
เป็นเพราะเธอ...คนดีที่ทำ..
รอสักวันหนึ่งจะหมดแรงกาย
รอสักวันหนึ่งจะหมดแรงใจที่ถลำ
รอว่าวันหนึ่งวันนั้นฉันได้แต่จดจำ
แล้วกล้าก้าวล้ำออกไปจากใจเธอ....
29 มกราคม 2552 22:16 น.
มาเรียณัฐ
น้ำคำเชื่อไม่ได้
เชื่อไม่ได้จริง จริง..
นับวันก็ยิ่งเปลี่ยนแปลง
ทำเอาอะไรไม่ได้
มีแต่ความเจ็บใจที่อยู่กับตัวเอง
อยู่กับตัวเองดีกว่า...อย่ารับฟังคำใด ใดอีกเลย
อยู่กับตัวเองอย่างไม่ผูกใจไว้กับใคร
มันสบายใจดีกว่า
ที่จะต้องรับฟังแล้วก็ไม่มีน้ำคำที่เชื่อถือได้
เจ็บให้พอ
ทนให้ได้
จบ...อยู่ที่ใจเรา
อยู่กับตัวเอง....
(เขียนกลอนเปล่าที่เป็นจริง)
27 มกราคม 2552 23:07 น.
มาเรียณัฐ
เลิกงานกลับบ้านนั่งพัก
ไม่นานนักใจให้หวนคิดถึง
อดีตในวัยเด็กเป็นนักเรียนเคยรำพึง
ว่าวันหนึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีงาน
ตั้งใจพากเพียรเรียนหนังสือ
จนได้ชื่อเด็กเรียนเพียรเล่าขาน
เป็นตัวอย่างที่ดีทั้งเรียนและเบิกบาน
เพื่อนเพื่อนขานนามให้ขวัญใจเรา
เรียนจบทำงานทุกอย่างเปลี่ยน
ต้องพากเพียรตั้งใจให้งานเล่า
บางครั้งเครียดบางครั้งทนไม่เบา
ต้องทำทั้งที่เราขัดใจตน
เปรียบการเรียนตอนเป็นเด็ก
ไม่ต้องเช็คตารางงานจนหมองหม่น
มีเวลาทำอะไรตามใจตน
เลิกเรียนก็ร่นปนเพื่อนสนุกกัน
ออกกำลังกายตอนเย็นแสนสนุก
ไม่ต้องทุกข์ต้องเครียดอย่างนั้น
ถึงเวลาขอตังส์แม่แค่ไปเรียนสุขสรรค์
มาวันนี้ต้องรับผิดชอบงานกัน
ไม่สนุกเหมือนคืนวันวัยเรียน
บางวันยุ่งยุ่งจนปวดหัว
บางคนบ่นกลัวเจ้านายเพี้ยน
ออกปากวัยเรียนดีกว่า...วัยงานปานหน้ามือ
26 มกราคม 2552 12:26 น.
มาเรียณัฐ
กาลเวลาเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง
อย่างยอดหญิงอย่างฉันนั้นหนา
แอบแอบร้องไห้เสียใจเรื่อยเรื่อยมา
เป็นเพราะว่ารักคนผิดคิดมาลวง
เคยทำร้ายตนเองกี่หนแล้ว
แต่ไม่แคล้วมีใครหมายชิงช่วง
มาช่วยเหลือให้ข้อคิดจิตผ่องแผ้ว
แม่เราแล้วคนรักหนักกว่าใคร
ผูกใจไว้ทำไมกับคนสิ้นคิด
เราไม่ผิดคิดทำร้ายทำร้ายใครไหน
รังแต่ทำให้กายและใจ
เจ็บซ้ำข้ำกว่าใครคนที่ทำ
เขาไม่สนเขาไม่แคร์แยแสหรอก
ใครจะช้ำจะชอกจะบอกไม่สนร่ำ
ปล่อยให้เจ็บเจ็บไปตามเวรกรรม
เขาคงขำน่าดูที่คิดสั้นด้วยฉันเอง
ต่อแต่นี้มีแม่คอยเตือนเสมือนรัก
ดวงใจจักไม่ทำซ้ำ...ย้ำเป็นเปล่ง
และดูแลตนจนได้ใจนักเลง
ไม่ใช่เก่งแต่เรียนรู้จะอยู่มัน
ใครทำช้ำสุดแสน
คงได้รับผลตอบแทนแสนขัน
ทุกข์ระทมขื่นขมอาจมนั้น
ต้องสักวันสนองคืนชื่นใจเธอ
ยามเธอรักแสนดีนะพี่ชาย
แต่ยามเธอร้ายเธอไม่สนคนเหม่อเหม่อ
เคยคิดไหมใครกันทำฉันฝันละเมอ
เคยไหมที่ต้องเจอ...ใจจะขาดรอน...