17 มิถุนายน 2548 11:36 น.

พ่อครับ ผมขอโทษ

มารแมงมุม

พ่อครับ...ผมขอโทษ

ผมจำได้ว่าผมมาถึง บ้าน  เมื่อปลายเดือนเมษา เดือนที่ร้อนที่สุดของปี  วันนั้นผมนั่งรถทางไกลช่วงสิบปีให้หลังมานี้   เพราะผมไม่เคยออกนอกกรุงเทพไปอีกเลย  ผมยังมีอาการสะลืมสะลือเพราะไม่หมดฤทธิ์ยาจากสถานบำบัด  หลังจาก ติดยา  แล้วหมอให้ยากล่อมประสาทผม  ซึ่งมันเป็นวิธีการรักษาติดยาเสพติด  ซึ่งผมเคยชินกับมันดี  เพราะผมมีวิถีชีวิตที่วนเวียนเข้าๆ ออกๆ  ระหว่างบ้านกับสถานบำบัดมาบ่อยครั้ง  หากไม่นับรวมอีกที่หนึ่งซึ่งผมได้โคจรไปอยู่มาแล้วสองครั้งๆ  ละหกเดือนบ้าง  เก้าเดือนบ้าง  ที่นั้นคือคุกหรือเรียกให้ไพเราะหน่อยก็คือเรือนจำ 

พ่อนั่งรถมากับผมด้วย   พ่อไม่ร่ำรวยอะไรจากเงินเดือนทหารถึงจะเป็นระดับผู้พัน  แต่พ่อก็มีลูกถึงสามคน มีผมและน้องๆ  อีกสองที่กำลังเล่าเรียนและใช้เงินกันเก่ง  ผมรู้ว่าพ่อลาหยุดงานมาหลายวันแล้วเพื่อเตรียมส่งผมไว้ที่ บ้าน นี้ พ่อมีความเชื่อมั่นว่าผมจะมีอาการดีขึ้นถ้าได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจหลังจากติดยาแล้ว

บ้าน  นี้เป็นความหวังใหม่และความหวังครั้งสุดท้ายของพ่อ    เมื่อคืนก่อนจะเดินทางพ่อไปเยี่ยมผมที่สถานบำบัด  พ่อคุยกับผมอยู่นาน

พ่อพูดถึง บ้าน  ที่ผมจะต้องไปอยู่ซึ่งผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักผมอือออตามพ่อไปอย่างนั้นเอง  เพราะผมกลัวพ่อจะเสียใจ  มีเรื่องมากมายที่พ่อเสียใจเพราะผมมาแล้ว

ผมไม่อยากทำให้พ่อผิดหวัง  เพราะผมทำมามากแล้ว  ครั้งนี้ผมเห็นความหวังที่หลงเหลืออยู่บ้างในดวงตาของพ่อ   นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยอมทุกอย่าง  เพราะผมรู้ว่าพ่อหวังดีกับผมเสมอ   ไม่ว่าผมจะระยำแค่ไหน  พ่อก็ยังเป็นพ่อของผม

ในรถที่ผมเดินทางมานอกจากพ่อแล้วยังมีเจ้าหน้าที่ของ บ้าน  อีกคนหนึ่ง  ผมจำไม่ได้ว่าพ่อกับเขาคุยกันเรื่องอะไร  แต่ผมยึดเขาเป็นตัวแบบทันทีที่รู้ว่าเขาเคยมีอดีตเช่นเดียวกับผม  และเดี๋ยวนี้เขาเป็นคนใหม่  เขาไม่ใช้ยาอีกแล้ว  เขามีหน้าที่การงานประจำ  มีครอบครัวเล็กๆอบอุ่นด้วยเมียสาวและลูกชายอีกหนึ่งคน

ผมฝันถึงชีวิตใหม่ของผมที่จะเป็นอย่างเขาบ้าง   ผมเพิ่งจะอายุยี่สิบสาม  ผมยังมีโอกาสอีกยาวไกล   แม้ในอดีตผมจะเสียเวลาไปกับการใช้ยาถึงแปดปี  ผมใช้ยาเมื่ออายุสิบห้า  เริ่มตั้งแต่บุหรี่  แล้วยัดไส้กัญชา   ยาเม็ด  ผงขาวทั้งสูบและสุดท้ายคือฉีด  ผมเอามันทุกอย่าง ผมเคยไปรักษาตัวหลายหน  แต่เมื่อเลิกรักษาแล้ว  ผมกับกลับมาใช้ยาอีกต่อไป เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

บ้าน  ที่ผมจะมาอยู่เป็นบ้านนอกเขตเมือง  ไกลจากกรุงเทพมากโขที่ที่แม่บอกผมว่าผมจะหนีกลับไม่ได้ง่ายนัก  แม่ไม่อยากเห็นหน้าผมอีก  แม่พูดอย่างนี้ใส่หน้าผม  แม่ไม่ชอบผม  ไม่เคยชอบ  ยิ่งผมใช้ยาแม่ยิ่งเกลียดชังผมทวีคูณ  ผมเคยน้อยใจแม่ และนั่นทำให้แม่กับผมหันหลังให้กันโดยสิ้นเชิง  แม่มีโลกของแม่  ผมก็มีโลกของผมเหมือนกัน
	
แต่พ่อยังเป็นคนเชื่อมโยงผมเอาไว้กับบ้าน  พ่อไม่เคยทอดทิ้งผมเลยไม่ว่าผมจะทำตัวเลวสักแค่ไหนก็ตามที  

วันนั้นพ่ออยู่กับผมนานทีเดียวก่อนจะกลับไป  พ่อมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งทิ้งไว้ให้ผม  ให้ผมได้เขียนบันทึกประจำวัน  พ่อบอกว่าแล้วพ่อจะขออ่าน  พ่ออยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมคำพูดของพ่อทำให้ผมน้ำตาซึม  แต่ผมรู้ว่าผมเป็นผู้ชายจะร้องไห้ง่ายๆ  นั้นมันเป็นเรื่องไม่เหมาะนัก

พ่อสัญญาว่าจะมาเยี่ยมผมเมื่อถึงกำหนดเวลาที่ บ้าน   กำหนดเอาไว้   ผมเริ่มนับวันรอพ่อ  สิ่งที่ผมจดจำได้แม่ยำนักก่อนพ่อจะกลับไปก็คือแววตาห่วงใยเหมือนพ่อจะไม่แน่ใจว่าผมจะอยู่ได้นานนั่นทำให้ผมฮึดสู้บอกว่าอย่างน้อยครั้งนี้ผมจะทำเพื่อพ่อให้ได้

ผมอยู่ที่ บ้าน  ในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง  ผมมีเพื่อนๆ ที่เรียกเป็นครอบครัวเดียวกันอีกหลายสิบคน  ทุกคนเคยใช้ยา แต่ที่นี่ไม่มียา   เป็นเขตปลอดยา   แม้กระทั่งยาแก้ปวดเล็กๆ น้อยๆ   ก็ยังไม่มีให้  เมื่อปวดหัวปวดท้องการเรียกหายามากินเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

ผมมีหน้าที่ที่ต้องทำ ที่ บ้าน  นี้จะแบ่งกันเป็นทีมๆ  มีทีมทำความสะอาด ทีมครัว ทีมฟาร์ม  ทีมติดต่อประสานงาน  ทุกทีมทำหน้าที่ของตัว ฝึกคนให้มีความรับผิดชอบ

และผมก็ได้รับการฟื้นฟูจิตใจตามรูปแบบที่มีอยู่  ได้รับการฝึกให้มีระเบียบวินัย  กล้าหาญที่จะระบายความรูสึก  แสดงความเห็นของตัวเองออกมา  ช่วงแรกมันทรมานผมมาก  เพราะโปรแกรมต่างๆ  ในการฟื้นฟูค่อนข้างหนักและเข้มงวด  มีแรงกดดันโถมทับลงมามากมายผมปรับตัวเองไม่ได้  ผมยอมรับไม่ได้   ผมอยากกลับบ้าน  ผมร่ำร้องคำกลับบ้านซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเด็กๆ ที่เอาแต่ใจตัวเองเจ้าหน้าที่พูดกับผมปลอบโยนจนความรู้สึกลดลงไปได้เมื่อเวลาผ่านไปได้สี่สัปดาห์ผมเริ่มปรับตัวเข้ากับระบบของ บ้าน  ได้และไม่ร้องเป็นเด็กๆ อีก

ที่นี่ไม่ใช่คุก  
ไม่ใช่สถานกักกัน  
ไม่มีริ้วลวดหนาม  
ไม่มีกำแพง

ผมได้เห็นคนที่อยากกลับบ้านมากๆ  เดินออกไปเฉยๆ  นั้นแปลว่าการฟื้นฟูได้ล้มเหลวลงสำหรับคนคนนั้นแล้ว  เขาจะเดินออกไปเพื่อเสพยาอีก  เขาได้เสียเวลาไปเปล่าๆ  อีกจนได้  นั่นเป็นตัวอย่างที่ผมได้เรียนรู้และทำให้ผมอดทนยิ่งขึ้น

ผมได้เล่นฟุตบอลที่ผมเคยชอบมากมาก่อน   ผมมีร่างกายแข็งแรงขึ้นผมวิ่งได้ระยะไกลขึ้น  วิ่งไล่ตามลูกได้ทันแล้ว ทีมของ บ้าน   ไปแข่งบอลชนะมาหลายหน  ผมผ่านเวลาสี่เดือนมาอย่างรวดเร็ว  เมื่อพ่อมาเยี่ยมผมตามคำร้องขอที่ผ่านขั้นตอนของผมแล้วผมเล่าให้พ่อฟังท่าทางพ่อดีใจมาก  และผมยังได้เรียนหนังสือ   มีการศึกษานอกโรงเรียนเข้ามาสอนหนังสือให้พวกสมาชิกของบ้าน   พวกเราได้ทิ้งการเรียนไปมัวเมากับยา  จนความรู้ไม่มีติดตัวกันมากนักแต่ยังไม่สายเกินไป

แล้ววันคืนอันโหดร้ายก็มาถึงผมเข้าจนได้  เมื่อมีการตื่นตัวเกี่ยวกับโรคร้ายที่ชื่อ เอดส์   บ้าน   ให้สมาชิกทุกคนได้รับการตรวจเลือด  แล้วผมเป็นคนหนึ่งที่มีเชื้อร้ายนั้น  เชื้อร้ายที่อยู่ในขั้น HIV  แล้วด้วย   ตอนผมรู้ผมตัวเบาโหวง  

ผมเป็นเอดส์  

ผมกลัวกลัวมาก แม่ชีบอกว่าจะสวดมนต์ให้ผม  อยากหัวเราะผมอยากทำแบบนั้นจริงๆด้วย  มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน  เอาคำสวดไปสู่กับโรคร้าย  แต่ผมรู้ว่าแม่ชีหวังดีจริงใจผมรับรู้อย่างเดียวว่าผมจะต้องตายแล้ว  ผมจะไม่มีชีวิตเหลืออยู่อีก  ที่เคยผยองว่าผมแน่พอจะใช้ยาโดยไม่เคย  น็อค  ไปเสียก่อนมันดูจะเหือดหายไปหมดแล้ว  ผมใช้ยามาแปดปี  ผมอยู่ได้โดยกระดูกไม่ผุ  สมองไม่เสื่อม  ตำรวจที่เคยจับผมเคยพูดใส่หน้าผมเอาไว้ว่า

ลื้อน่าจะตายได้แล้วนะ ฉีดขนาดนี้  กระดูกผุหมด

แต่ผมไม่ตายเพราะกระดูกผุ  ผมยังอยู่เพื่อจะมีวันนี้  วันที่ผมเป็นเอดส์

เจ้าหน้าที่เอาวีดีโอเกี่ยวกับโรคเอดส์มาฉายให้ดู  ผมนั่งดูเงียบๆ หน้าทีวี  ภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นของผมจับใจความไม่ได้มากนักนอกจากรู้ว่ามันเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง   มันติดต่อทางเลือด  ทางการสืบพันธุ์  และจากแม่ถึงลูกในครรภ์ รวมทั้งการใช้เข็มฉีดยา  ซึ่งผมอยู่ในประเด็นนี้ ตอนผมฉีดยาจำไม่ได้แล้วว่าผมมั่วเข็มแค่ไหนบัดนี้ผมรู้แต่ว่ากรรมได้ตามติดมาถึงผมแล้ว

อาการของผมยังไม่มากนัก  ผมอาจจะมีเวลาเหลืออีกสักห้าปีเป็นอย่างน้อยที่อาการจะพัฒนาเป็นเอดส์เต็มขั้นแต่อย่างไรเสียผมต้องตายแน่ๆ  สุขภาพจิตผมเริ่มแย่ลงผมกินไม่ได้  ผมคิดมาก  และผมอยากกลับบ้าน

กลางคืนผมนอนร้องไห้จนหลับไปทุกคืน   ผมไม่ได้คิดจะร้องแต่น้ำมันไหลออกมาเอง  ผมโทรไปหาพ่อเพื่อนสมาชิกบางคนไม่ยอมบอกครอบครัวเพราะกลัวถูกรังเกียจ  แต่ผมอยากจะบอกพ่อ  อยากให้รู้  ไม่ช้าก็เร็วพ่อต้องรู้จนได้  แล้วผมก็อยากจะกล้าหาญที่จะบอกกับพ่อเอง

ผมบอกให้พ่อมารับผมกลับบ้าน  ผมเก็บของเตรียมไว้  ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนยับยั้งผมได้อีกแล้ว  ผมอยากกลับไปอยู่กับพ่อสักพักหนึ่ง

เมื่อพ่อมาถึง  ภาพของพ่อที่ผมได้เห็นคือตาแก่คนหนึ่งที่ไหล่งองุ้ม  ในดวงตาของพ่อเป็นเงารื้น
พ่อร้องไห้  
นั่นทำให้ผมปล่อยโฮออกมาดังๆ  อย่างหมดอายเหมือนกัน

แล้วพ่อก็ปลอบให้ผมหยุดร้อง  พ่อบอกว่าจะหาเงินมารักษาผมเท่าไหร่เท่ากันแม้จะรู้ว่าพ่อหมดหวังแล้ว พ่อก็ยังไม่เลิกจะหวัง  พ่อเป็นคนเข้มแข็งเสมอ  แล้วผมอยากเป็นให้ได้เหมือนพ่อแม้จะสักกึ่งหนึ่ง

ผมอยากจะขอโทษพ่อชีวิตผมพ่อให้มา  แต่ผมไม่เคยตอบแทนให้พ่อชื่นใจเลย

ผมกลับบ้าน  ผมเจอแม่ซึ่งเปิดฉากด่าทอผม  แม่รู้เรื่องโรคร้ายจากพ่อแล้ว  พ่อคงจะบอกแม่  ผมจับได้ว่าแม่รังเกียจและกลัวผมควบคู่กันไป  แม่ยืนอยู่ห่างจากผมเป็นเมตรๆ  ทำเหมือนผมเป็นเชื้อโรคร้ายและแม่ยังกีดกันน้องๆ  สองคนให้ห่างผม

แล้วผมก็เลือกทางออกได้คนอย่างผมยังจะมีประโยชน์อะไรกันอีก

ผมเลือกที่จะตาย

ผมเลือกวิธีตายก่อน  ตอนแรกผมจะใช้ปืน  แต่ปืนของพ่อไม่ควรจะมามัวหมองเพราะผม  พ่ออาจจะปวดร้าวที่ผมใช้ปืนของพ่อเป็นเครื่องมือปลิดชีวิต   ผมเข้าไปในครัวมองหามีดสักเล่มหนึ่ง   ก่อนจะฉุกใจว่าเลือดของผมจะทำให้คนในบ้านเสี่ยงกับโรคร้ายของผมก็เป็นได้

ในที่สุดผมก็เลือกวิธีได้  ผมจะผูกคอตาย   ผมนึกถึงครั้งที่ผมเมายาแล้วเพี้ยน  ผมเคยผูกคอตายเล่นๆ  ผมเอาเชือกฟางมามัดคอโยงไว้กับขื่อบ้าน  แล้วมีมีดเล่มหนึ่งเตรียมไว้ข้างตัวคอยตัดเชือกเมื่อผมเห็นว่าผมประท้วงด้วยการฆ้าตัวตายแล้วไม่มีใครสนใจผม  ผมนึกถึงสิ่งที่ผมทำครั้งนั้นด้วยความหดหู่ใจ

คราวนี้ผมไม่เตรียมมีด  แต่ผมเตรียมเชือกที่แน่นเหนียวพอ เป็นเชือกที่ใช้ทำราวตากผ้าได้   ผมกลัวว่าไม่แน่นหนาพอผมเอาเชือกมาฟั่นรวมกันสองทบแล้วจึงลงมือทำบ่วง

ผมรอจนคนในบ้านออกไปกันหมดแล้ว  แม่เป็นคนสุดท้ายที่ออกไปจากบ้าน   ผมเรียกแม่แม่หันมามองผม  แววตายังชิงชังรังเกียจผม  แม่ดุว่าผมเรียกให้เป็นตัวซวย  จะทำให้แม่เสียไพ่วันนี้  ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับแม่หลังจากเรียกไปแล้ว จึงหลดเข้ามาในบ้าน

แล้วถึงนาทีที่ผมตัดสินใจได้เด็ดขาดสำนึกสุดท้ายที่ผมเตะเก้าอี้ที่ใช้ปีนผูกเชื้อออกไปแล้วก็คือความอึดอัด ผมนึกถึงแม่ว่าจะเล่นไพ่ได้ไหมวันนี้  ผมนึกถึงน้อง  คงจะไม่มีน้องคนไหน  ออกนอกลู่นอกทางแบบผม   นึกถึงพ่อ ผมอยากให้พ่ออโหสิให้กับผม  ผมรักพ่อรักมากที่สุด  รู้ว่าพ่อคงจะเสียใจ  แต่ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ  ผมไม่อาจจะรอเวลาให้โรคร้ายเล่นงานผมจนงอมไปเอง  หมดทางช่วยเหลือผมได้แล้วจะมีทางใดดีไปกว่าความตายอีกเล่า

ผมนึกถึงที่ผมเขียนในหน้าสุดท้ายของบันทึก  ผมเขียนถึงพ่อกระดาษหน้านั้นเปียกน้ำตาของผมเอง

ผมเขียนบอกว่าผมดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ  และถ้าได้เกิดใหม่จริงผมก็อยากเกิดเป็นลูกของพ่ออีกหนหนึ่ง  ผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้



พ่อครับ  ผมขอโทษด้วย!!
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมารแมงมุม
Lovings  มารแมงมุม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมารแมงมุม
Lovings  มารแมงมุม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมารแมงมุม
Lovings  มารแมงมุม เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงมารแมงมุม