22 พฤศจิกายน 2546 10:28 น.
มารแมงมุม
ฉันมิใช่ดอกฟ้าสุธาทิพย์
ใช่สูงลิบอยู่ไกลไยไหวหวั่น
เป็นดอกไม้ใต้หล้ากล้าตะวัน
อาบแสงจันทร์ห่มแสงดาวสาวแสนดี
ใช่เฉิดฉันงดงามวาบหวามจิต
มีชีวิตธรรมดาตามหน้าที่
เป็นหญิงหนึ่งพึงเป็นเช่นสตรี
มีศักดิ์ศรีที่หยิ่งพอทระนง
เป็นผู้หญิงธรรมดาที่กล้าหาญ
สู้กับงานสร้างชีวิตให้สูงส่ง
ความเป็นอยู่ทุกวันก็มั่นคง
ไม่ลุ่มหลงในอบายไม่ขายใจ
มีหัวใจดวงหนึ่งซึ่งแหนหวง
กลัวรักลวงมาหลอกชอกช้ำไหม้
จึงระวังรักษาตัวและหัวใจ
อยู่อย่างไร้เสน่หามานานวัน
มาวันนี้มาลัยรักมาทักถาม
มิอาจห้ามหัวใจให้ไหวหวั่น
แต่ก็ยั้งใจไว้ในบางครัน
แล้วก็กลั้นยับยั้งกลัวพลั้งตรม
ได้ผ่านหนาวยาวนานผ่านมามาก
จนไม่อยากพักกายาหาผ้าห่ม
แม้อยากได้ใครมาเยือนเป็นเพื่อนชม
เพราะกลัวข่มไม่ไหวกลัวใจปอง
มิอยากได้เงินทองของมีค่า
หวังเพียงว่าหัวใจไปเที่ยวท่อง
อยากได้ใจแลกใจไปครอบครอง
ละลิ่วล่องทะเลรักพักอารมณ์
16 พฤศจิกายน 2546 10:05 น.
มารแมงมุม
เป็นดอกหญ้าเนาพงในดงเปลี่ยว
พอแลเหลียวเห็นแต่เพื่อนเกลื่อนไสว
ภุมรา..มองไม่เห็น..เป็นเช่นไร
สายลมไกล..นิรนาม ถามข่าวมา
เจ้าบินไกลผ่านฟ้ากว้างกว่ากว้าง
มาถามทางเย้าหยอกเจ้าดอกหญ้า
หอบเอาความอบอุ่นกรุ่นวิญญา
ถามหน่อยหนาจะอยู่นานหรือผ่านไกล
เป็นดอกหญ้าแม้ยากไร้ใช่มัวหมอง
ทุ่งทิวทองดอกหญ้าแต้มแซมไสว
มีคุณค่าที่จะรับประดับใจ
แม้เก็บใส่แจกันพลันงดงาม
แต่อยากตามสายลมห่มข้ามฟ้า
เจ้าดอกหญ้าอยากเดินทาง..อย่างวาบหวาม
ในอ้อมแขนสายลมกอดอ้อนออดตาม
จะก้าวข้ามแดนดาวพราวพระจันทร์
และจะเกี่ยวตะวันฉายแตะสายรุ้ง
ในวันพรุ่งนิยามรักจะเฉิดฉัน
เจ้าสายลมโอบดอกหญ้าพร้อมฝ่าฟัน
ปลายทางฝันที่ขอบฟ้ามิลาเลือน
13 พฤศจิกายน 2546 15:15 น.
มารแมงมุม
เมื่อลมหนาวมาเยือนเพื่อนคนเก่า
พัดความเหงาติดตามมาถามหา
สวมใส่เสื้อหนานุ่มคลุมกายา
แต่ทว่าหัวใจ ห่ม ใดกัน
เขาว่าหากหนาวใจให้แนบเนื้อ
ใครจะเอื้อเจือจานร่วมสานฝัน
ได้แต่นั่งถอนใจไปวันวัน
จะเชื่อมั่นอย่างไรมีใครรอ
จะมีใครเมตตามาอิงแอบ
มาคอยแนบห่มใจให้บ้างหนอ
เพียงแค่คิดก็ช้ำน้ำตาคลอ
ไม่อยากขอวิงวอนเหมือนอ่อนแอ
เพียงแต่มีใครรับรู้กันอยู่บ้าง
รู้ว่าอ้างว้างเปลี่ยวเหมือนเรียวแข
ที่แขวนค้างกลางฟ้าห่างตาแล
คอยชะแง้รอตะวันผันมาเยือน
เมื่อลมหนาวมาเยือนเตือนอีกหน
ยังหมองหม่นหัวใจขาดไร้เพื่อน
ได้แต่วาดและหวังอย่างลางเลือน
แค่บอกเตือนว่าสาวหนาวอีกปี.
11 พฤศจิกายน 2546 19:57 น.
มารแมงมุม
คือกระดูกสันหลังคนทั้งชาติ
คำประกาศเอกลักษณ์และศักดิ์ศรี
ประกาศมานานเนิ่นเกินสิบปี
แต่วันนี้ชาวนา(ยังน้ำตานอง
ชีวิตเอยลำบากยากแร้นแค้น
ความทุกข์แน่นงันงกอกกลัดหนอง
หนี้สินนั้นมากมายจนก่ายกอง
จะร่ำร้องเรียกหาใคร ช่วยไม่มี
รวมตัวกันเข้ากรุงมุ่งให้ช่วย
ไม่อำนวยรัฐยังเมินเดินหน้าหนี
เรียกร้องไปเรียกร้องเหวย..เอ่ยพาที
เรียกนานปีไร้คนฟังน่าชังนัก
.
จำคืนกลับบ้านนาน้ำตาซ่าน
กลับมาบ้านลงทำกินอย่างสิ้นหลัก
ชีวิตนี้น่าอนาถอุบาทว์นัก
ใครไหนจักรับรู้สู้ต่อไป
จนยลยินกระแสพระราชดำรัส
ที่ทรงตรัสหนทางสร้างแก้ไข
ชีวิตที่พอเพียงเลี้ยงตัวไว้
ก็จึงได้ที่ซึ่งพึ่งพาแล้ว
กราบพระบาทพระองค์ผู้ทรงศักดิ์
ได้ตระหนักพระคุณกระหม่อมแก้ว
ร้องบอกได้ว่าชีวีนี้คลาดแคล้ว
ได้ผ่องแผ้วคลายทุกข์สุขมาเยือน
6 พฤศจิกายน 2546 01:21 น.
มารแมงมุม
ฝันจะสร้างทางสวยด้วยมือสาว
ในย่างก้าวแน่นหนักประจักษ์แจ่ม
หนึ่งสมองสี่ห้องใจสอดใส่แนม
ในคืนแรมก็กระจ่างเห็นทางเดิน
ไม่ทดท้อเพราะมีไฟในทรวงอก
ไม่สะทกสะท้านไม่..หวั่น..เขิน
มีความหวังเป็นแรงใจให้เพลิดเพลิน
แม้ถูกเมินจากบางคนไม่หม่นมัว
ตัวคนเดียวท่องไปในโลกหล้า
บ่มความกล้าก็ท่องไปได้ถ้วนทั่ว
พบและเห็นจนปราศความหวาดกลัว
รู้ดีชั่วลองผิดถูกปลูกศรัทธา
โลกยังสวย..ฝันยังพราว..ดาวยังแจ่ม
จันทร์แอร่มใจยังอิ่ม..ยิ้มเต็มหน้า.
ตะวันฉายแสงส่องครองนภา.
ก็เสาะหาพบเจอฝัน..รางวัลใจ