14 ธันวาคม 2548 09:27 น.
มารแมงมุม
อีกหนึ่งหนาวฤดูกาลผ่านมาถึง
หวนคะนึงถึงนิยามของความเหงา
พอลมผ่านพัดไหวไปบางเบา
เรียกความเศร้าโหยหาในอารมณ์
อาจจะเพราะว้าเหว่ระเหระหน
ไม่มีคนมากอด...กอดผ้าห่ม
ผ้ามาคลุมห่มกายป้องสายลม
แต่อกบ่มไฟหนาวอยู่ร้าวราน
เพียงแต่เป็นความเหงาเศร้าปนสุข
มิได้ทุกข์โหยหารักสมัครสมาน
ชีพหนึ่งนี้มีงาน...งานและงาน
จึงก้าวผ่านวันเหงาว่างเปล่ามา
และยังมีกลอนให้ฝัน..ฉันจึงเขียน
เหมือนจุดเทียนส่องฉายพรายภาษา
หว่างบรรทัดอาจซ่อนอ้อนมารยา
มีคุณค่ามีความงามตามที่เป็น
กับบางครั้งต่อปากคำเพื่อย้ำคิด
ตอบมิ่งมิตรต่อความตามที่เห็น
โลกไซเบอร์กว้างไกลในประเด็น
อาจยากเย็นในนิยามความเข้าใจ
อีกหนึ่งหนาวฤดูกาลเช้าวันนี้
เป็นคนดี...แอบเหงา...เศร้าไฉน
ฟังเพลงรักอุ่นเอื้อ...เหมือนเจือไฟ
ระอุไออิ่มอุ่นละมุนนาน
อีกหนึ่งหนาวฤดูกาล...จะผ่านพ้น
ยังเป็นคนเดิมเดิม..เพิ่มความหวาน
แม้จะเหงาแบ่งปัน..ฝันตระการ
เรียงร้อยงานผ่านฝัน...อันงดงาม
--------------------------------
เหงาก็นอน...ตืนมา...ฟ้าเบิกบาน
ก็ก้าวผ่าน...ปีไก่...ไปได้ดี
10 ธันวาคม 2548 11:03 น.
มารแมงมุม
เต้นระบำเริงร่ายามฟ้ามืด
ที่เคยจืดก็แจ่มแต้มไปทั่ว
สายหมอกพราวแสงไปไม่หม่นมัว
แม้สลัวแต่ก็ใสในราตรี
คนเหงาหงอยคอยใครในความมืด
ยิ้มเขาชืดเย็นชาไร้ราศี
มารอรับน้ำใจความไยดี
สายหมอกมีแบ่งปันสัมพันธ์งาม
กลับมาถูกกล่าวหาว่ามากเล่ห์
คนซวนเซปากร้ายหมายเหยียดหยาม
จะหลอกเจ้าไปทำไมให้มากความ
ไม่เดินข้ามยังไม่รู้...ดูไม่เป็น
เขาคือคนเดินหลงในดงมืด
ทางยาวยืด...อีกไกลมองไม่เห็น
คนแร้นแค้น.ผลักไสให้กระเด็น
ความชาเย็น...สายหมอกกลัวเกินมัวมน
แดดอุ่นอ่อนตอนเช้าเขารอหา
อยากบอกว่ารอต่อไปให้สับสน
กับกรอบกั้นเบาบางของบางคน
จะอดทนเอื้ออาทร...ก็อ่อนใจ
ยังเริงร่าเต้นระบำในความมืด
แม้จะชืดหนาวเหน็บเจ็บแค่ไหน
คำกล่าวหาว่าด้านดื้อแน่หรือไร
ใครเหลวไหลก่อนจะจบให้ทบทวน
----------------------------
เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า...เขา...ย่ำไป
กรวดน้ำให้...ขอให้จบ เลิกพบกัน
1 ธันวาคม 2548 12:28 น.
มารแมงมุม
ห้วยละหารลำธารหมอกทุ่งดอกไม้
เมื่อคราไปเยือนหน้าหนาว...ภูเขา..เหนือ
ในค่ำคืนเย็นฉ่ำน้ำค้างเจือ
เราก็เอื้อปันใจใต้แสงดาว
ดาวเหนือส่องสาดประกายฉายแสงจ้า
โคมจันทราลอยช่วงเดือนดวงหนาว
ดาวใหญ่น้อยกระพริบวิบวับวาว
น้ำค้างพราวรินหยดรดพร่างพรม
คำสัญญาคืนหนาวยาวนานไหม
อยากจะได้อยากจะถามความเหมาะสม
เธอกับฉันในเวลาของอารมณ์
เพราะสายลมโชคชะตาพาพบกัน
มาเกี่ยวแขนเที่ยวท่องใต้ท้องฟ้า
มีดาราใหญ่น้อยลอยเลื่อนขวัญ
นั่งเงียบเงียบให้ภาษาใจได้จำนรรจ์
และตื้นตันเก็บประทับกับอุรา
ลำธารหมอกทอดตัวเรี่ยเคลี่ยหุบเขา
ตะวันเช้าสาดแสงทุกแหล่งหล้า
จากค่ำคืนถึงเช้านี้มีเวลา
เพื่อศึกษาดูใจให้แน่นอน
ลาทะเลหมอกใสใจคืนบ้าน
ได้ซาบซ่านสดใสคลายเหนื่อยอ่อน
ได้เติมไฟเติมเชื้อเอื้ออาทร
เหมือนเติมพรเติมหวังพลังใจ
.........................
แม้จะจากกันไกลใจอาวรณ์
รอวันย้อนกลับมาหาคนคอย
24 พฤศจิกายน 2548 00:21 น.
มารแมงมุม
หนาว หนาว หนาว
เสื้อกันหนาวไม่พออุ่นคุณรู้ไหม
แค่หนาวกายแดดสายก็หายไป
แต่หนาวใจกอดเงาเหงาสิ้นดี
หนาว หนาว หนาว
พอลมกราวพัดตึงก็ถึงที่
หนาวกับเหงาสองคำย้ำวจี
พาชีวีหมองหม่นทนเกินพอ
ได้แค่ห่มผ้าผืนเก่าเศร้าอีกหน
เสื้อสีหม่นกันหนาวอีกคราวหนอ
สองแขนตัวกอดอกไว้ไออุ่นทอ
ดีกว่าขอแขนคนอื่นมาชื่นชม
หนาวอย่านานเลยหนาฟ้าดินเอ๋ย
สาวจะเอ่ยคำไหนให้ขื่นขม
จำเชิดหน้ายิ้มชื่นกลืนระทม
ลมเอ๋ยลมหนาวฉะนี้มีอีกยาว
....................
หนาวลมฤๅหนาวใจไม่แน่ชัด
ยังอึดอัดไม่สิ้นกลิ่นไอหนาว
เปิดหน้าต่างประตูใจไร้เรื่องราว
ไม่มีข่าวมาคลายหนาว...สาวครางครวญ.
.......................................
เปิดหน้าต่างประตูใจไร้ข่าวคราว
ก็แค่หนาวเกินพอต่ออีกปี
12 พฤศจิกายน 2548 10:23 น.
มารแมงมุม
ถ้อยคำบางคำถ้อยลอยข้ามฟ้า
ธรรมดาอย่างไรไร้ความหมาย
รอยอดีตเจ็บล้วนล้วนจวนจักตาย
มาท้าทายวันที่ฉันขวัญกล้าพอ
เวลาผ่านนานนับกับความช้ำ
คอยตอกย้ำทำใจไม่ร้องขอ
คนอกหักคนนั้นฉันเคยรอ
เคยถักทอสายใยมีใจกัน
ชายหน้าซื่อธรรมดาว่าอกหัก
เลือดกระอักกลบใจหมดไฟฝัน
กับน้ำถ้อยร้อยคำเอ่ยรำพัน
เขาคนนั้นยังหลงทางอย่างโง่งม
แค่ถ้อยคำธรรมดาประสาซื่อ
ความเชื่อถือมันหมดไปให้ขื่นขม
ตาสว่างกระจ่างใจไม่ชื่นชม
ความนิยมหมดจากฉันวันอำลา
มีถ้อยคำข้ามฟ้ามาใกล้ชิด
ไม่ต้องคิดหลายตลบเลิกคบหา
คนอกหักอ้างนิยามความธรรมดา
เพื่อเดินหน้าสร้างภาพอาบคำลวง
.......................
ฉันหมดสิ้นดับไฟในดวงตา
หมดศรัทธาในถ้อยทุกรอยคำ