2 สิงหาคม 2553 11:41 น.
มารแมงมุม
จากวันนั้นถึงวันนี้กี่ปีหนอ
ก้าวที่รอแม้จะกล้าเริ่มล้าถอย
ความทรงจำหนาเป็นปึกลึกล้านรอย
การรอคอยยังปวดร้าวหนาวดวงแด
กงล้อยังหมุนเวียนไม่เปลี่ยนฝัน
แม้คืนวันจะผ่านไปไม่แยแส
จดจารึกเป็นตำนานการผันแปร
เห็นธาตุแท้ทะลุใจใครหลายคน
ก็ยังเป็นเรื่องเก่าเก่าเน่าซ้ำซาก
ความทุกข์ยากแล้งเข็ญเน้นสับสน
ยังคงดิ้นหนีตายทุรายทุรน
เดินเวียนวนไร้จุดหมายในมือมาร
ปัจจัยสี่ไม่เพียงพอต่อความฝัน
นอกจากนั้นไกลเกินคว้ามาสมาน
ตะเกียกตะกายล้มลุกเซคลุกคลาน
จนตายด้านชินชาน้ำตาริน
บ้านพำนักไม่หรูดูซอมซ่อ
และมอซอเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น
อัตคัดเรื่องอาหารเรื่องการกิน
เจ็บป่วยสิ้นยาดีมียาปลอม
ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือชีวิต
คนไร้สิทธ์ไร้คุณค่าไม่น่าถนอม
คนชายขอบหรือคนเมืองเรื่องตรมตรอม
คนที่พร้อมยอมจำนนทนจนตาย
จากวันนี้ไปถึงไหนไม่อยากรู้
ลืมตาอยู่ไม่เห็นมีจุดที่หมาย
หายใจอย่างแผ่วเบาเศร้าเดียวดาย
กลัว เจ้านาย หงุดหงิด เราคิดเป็น!
11 กรกฎาคม 2553 23:18 น.
มารแมงมุม
ให้เธอผ่านคืนวันอันโศกเศร้า
ให้เธอหายคลายเหงาเฝ้าห่วงหา
หากเธอล้มซมซาน...คลุกคลานมา
เพิ่มศรัทธาทระนงจงท้าทาย
ความในใจให้ละลายในสายฝน
ที่หมองหม่นให้ดับลับเลือนหาย
เธอเจ็บหนักฉันเยียวยาพาผ่อนคลาย
ไม่เดียวดายนะขวัญ...ฉันยังมี
กับอ้อมแขนโอบเธอเสมอมั่น
อ้อมอกฉันรอพธูอยู่ที่นี่
สบตาฉันสักหน่อย...นะคนดี
เติมชีวีเธอด้วยไฟ...ให้กล้าพอ
ใช่เธออยู่เหงาๆ เฝ้าครวญคร่ำ
เริงระบำขับขานเพลงบรรเลงต่อ
ฉันห่วงเธอเสมอชีวิตคิดถักทอ
ฉันจะขอเป็นแรงใจไปกับเธอ
ลบภาพลวงบ่วงดวงตาอย่างกล้าหาญ
เธอยังสานเพลงดวงใจได้เสมอ
ในความเงียบเสียงหัวใจได้พบเจอ
ความเลิศเลอเธอได้ครองทุกห้องใจ
มองที่ฟ้าเบื้องหน้านะที่รัก
จะตระหนักถึงความจริงอันยิ่งใหญ่
การต่อสู้เนิ่นนานจะผ่านไป
วันนี้ใช่วันของเธอ...เสมอกาล
เธอจะอิ่มทิพย์ถวิลมิสิ้นหวัง
มีพลังสานศรัทธาอย่างกล้าหาญ
เชื่อฉันเถิดยอดขวัญ...มั่นยืนนนาน
เธอจะผ่านพบอรุณอันอุ่นอวล
มาสานส่งแรงใจให้ทุกสิ่ง
เพียงเธอ "นิ่ง" จะผ่านไปได้เสสรวล
ชีวิตนี้ไม่ยากมากกระบวน
เพียงเนื้อนวล...มีกล้าก้าว...และยาวไกล
14 มิถุนายน 2553 12:43 น.
มารแมงมุม
คืนบ้านมายามโพล้เพล้ระเหระหน
แววตาหม่น ร่างกายซูบ จูบไม่หอม
ดอกไม้ป่าไปเมืองเรื่องทุกข์ตรอม
กลับมาพร้อมกลีบไหม้ไฟโหมแรง
ทรุดกายลงข้างแคร่แม่ธรณี
ลูกคนนี้ว้าเหว่ใช่เสแสร้ง
ถูกเขาจับต้มยำและทำแกง
ราคาแพงแขนซ้ายจ่ายตอบแทน
ยังเหลือแขนข้างขวามาขีดเขียน
เหลือความเพียรแม้เคืองขัดสาหัสแสน
เหลือดวงตาเหลือดวงใจไม่ขาดแคลน
จะคับแค้นขืนข่มตรมก็ทน
พอมองเห็นหนทางสว่างไสว
รอยทางไทรอยเท้าในเงาหม่น
ความเป็นจริงทุกข์ยากหากต้องทน
แม้สับสนยังแน่วแน่จะแก้มือ
บ้านนายังเป็นบ้านนาที่น่าอยู่
เราจะสู้...อดอยากยากแค้นหรือ?
อยู่อย่างเสือไว้ลายให้เขาลือ
ขอฝากชื่อข้าไทไทยบ้านนา
ค่ำคืนนี้จันทร์เสี้ยวแขวนเรียวรูป
ก้มลงจูบแผ่นดินถิ่นไทยหนา
ฝากดวงดาวเป็นพยานสานชีวา
ปาดน้ำตากูกลับบ้านมาสานคน
ศรีมาลาริมรั้วหัวร่อรับ
กระท่อมทับในแสงจันทร์ฝันมัวหม่น
แต่ในฝันชโลมรักประจักษ์ตน
ทุกข์ก็ทนจะสร้างทางทอดยาว
พอรุ่งเช้าฝนแรกก็แตกเม็ด
หลั่งมาเช็ดน้ำตาบนหน้าสาว
แขนข้างขวาเขียนจารสานเรื่องราว
ส่งเป็นข่าวเพื่อพี่น้องครรลองธรรม
กลับมาแล้วมาอยู่สู้ชีวิต
ความถูก-ผิดกู่ก้องเฝ้าร้องร่ำ
ใครชนะใครแพ้เกิดแต่กรรม
ทางอธรรมขัดขวาทางอันควร
ปักหลักลงบ้านเกิดกำเนิดใหม่
ลืมตาไว้รู้ทันความผันผวน
สะอาด...สว่าง...สงบครบกระบวน
ทุกข์ทั้งมวลวางไว้ใต้อุ้งตีน
ระเหระหนจนยากหากใจสุข
ก็พ้นทุกข์สงบได้มุ่งในศีล
ทั้งห้าข้อเพียงพอขอป่ายปีน
ไม่โวยวีนอยู่บ้านบ้านหวานชีวิน
ดอกไม้แดงดอกหนึ่งซึ่งกลับบ้าน
มาเบ่งบานอีกครั้งหนึ่งพึงถวิล
ศรีมาลายังเฉิดฉายประกายดิน
แดงไม่สิ้นที่รั้วบ้านนานเท่านาน
2 มิถุนายน 2553 13:33 น.
มารแมงมุม
เมื่อสัตว์โลกหลงผิดคิดว่าถูก
และพันผูกความคลั่งสั่งสะสม
เมื่อความดีถูกบิดเบือนเลื่อนลอยลม
ความโสมมจึงครองโลกวิโยคใจ
ธรรมชาติวิบัติซัดซ้ำโถม
โลกถูกโหมทุกข์มากยากแก้ไข
อันธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ
หากเป็นไปก็ย่อยยับพับแผ่นดิน
แต่สัตว์โลกนามมนุษย์หยุดไม่ได้
ย่ำก้าวไปบนนิยามความสูญสิ้น
ย้ำตัวตนตัวกูอยู่อาจิณ
ไม่ได้ยินเสียงเตือนภัยใกล้เข้ามา
ทั้งรูป-นามจะสิ้นเสียงเพียงสิ้นสั่ง
ความบ้าคลั่งซดดื่มปลื้มทั่วหน้า
ต่างพากันหลงผิดอวิชชา
ทางที่กล้าก้าวไปไร้ชอบธรรม
วันนี้อาจจะถูก...ปลูกต้นกล้า
แต่วันหน้าต้นที่ปลูกถูกเหยียบย่ำ
กล้ากลายพันธ์แค่กาฝากยากจดจำ
จะต้องร่ำรำพันวันโลกวาย
ถึงวันนั้นยืนปลายท้ายขอบโลก
วิปโยคโศกเศร้าเผ่าพันธุ์หาย
ความสำนึกมาช้าน่าเสียดาย
โลกสลายมนุษย์มอดวอดวายพันธุ์
11 เมษายน 2553 09:07 น.
มารแมงมุม
ปีใหม่ไทยเวียนมาหาอีกหน
รอเม็ดฝนมาเยือนเดือนเมษา
ร้อนและแล้งตระหนักนครา
ฝนและฟ้าหม่นไหม้ใจร้าวรอน
ร้อนการเมืองเรื่องทุกข์ไร้สุขสันต์
ผ่านคืนวันจนยากอยากถอดถอน
ประชาชนโศกศัลย์ถูกบั่นทอน
ต่างเดือดร้อนทั่วหน้าประชาไท
รอสงกรานต์ฝนหยาดเทราดดิน
ทั่วทุกถิ่นให้รากหญ้าพาสดใส
ตั้งหน้ารอน้ำฝนปนน้ำใจ
เพื่อจะได้เริ่มต้นบนความควร
ไทยเคยผ่านปัญหามาหลายหน
ประชาชนทุกข์เข็ญเป็นทั่วถ้วน
ผู้ปกครองดาหน้ามาเชิญชวน
ร่วมขบวนรักชาติประกาศไท
ผู้ปกครองผ่านมาแล้วลาลับ
ประชาชนย่อยยับกับฟ้าใหม่
ชีวิตทั้งชีวิตบิดผันไป
ฟ้าอำไพอยู่ไหนในโลกา
ไม่มีใครแพร้วเพริดล้ำเลิศนัก
ไร้ความรักสมัครสมานสืบสานค่า
ประชาชนไม่เป็นใหญ่ในพสุธา
ดินกับฟ้ายังต่างกันทุกวันคืน
สงกรานต์ยังร้อนแล้งทุกแห่งหน
ประชาชนที่นอนหลับขยับตื่น
ไปสาดเลือดสาดน้ำย้ำยั่งยืน
ไม่อยากฝืนหัวใจไทยทั้งบาง
ปีใหม่ไทยแหงนหน้ามองฟ้าโพ้น
จะห้อยโหนตะกายฟ้ามาห่มร่าง
เล่นน้ำให้เยือกเย็นและเป็นกลาง
เดินไปสร้างทางใหม่ให้ไทยชน
ร้อนทั้งใจและกาย...
๑๑ เมษายน ๒๕๕๓