21 มิถุนายน 2548 06:42 น.
มารยา
โคลงสี่สุภาพ
... ๐ หอมออมดอมดอกแก้ว.......กรายไกล
หอมกรุ่นกลิ่นละไม...................กลีบสล้าง
หอมโศกบ่งบอกนัย...................นวลพราก เรียมเอย
หอมยิ่งหอมอ้างว้าง....................บ่งเก้อชะเง้อคอย...ฯ
... ๐ กลีบกระจายเปราะคล้าย.....แก้วบาง
เพียงแตะร่วงกราวลาง..............ชอกช้ำ
ดั่งนวลนุชศักดิ์นาง...................เกินแอบ อกพี่
หมายบ่เอื้อมเก็บกล้ำ.................กริ่งน้องหมองมัว...ฯ
... ๐ จำจรจำจากแก้ว.................ดวงลดา
จำพรากจิตพ่ายพา.....................โศกท้น
จำลับละนวลลา...........................ชะตาขีด
จำหลบจำเลี่ยงพ้น......................พ่ายแพ้เพรงกรรม...ฯ
... ๐ โชยชายกรายกลิ่นเกื้อ........คนไกล
ลมโบกวานความนัย...................สวาทยั้ง
ยามยลดอกแก้วใด.....................หวนระลึก นาพี่
อย่าลบอย่าเลือนรั้ง.....................เสน่ห์น้องเนาว์นาน...ฯ
21 มิถุนายน 2548 04:46 น.
มารยา
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
... ๐ ยินยลอวดอิทธิเดชวิเศษอสุรไกร
แย้มยิ้มกระหยิ่มไย...................ผยอง
... ๐ เชอะ!..แกร่งกาจกิระกล้าบ่ล้าและจะประลอง
เล่ห์มาร ฤ ปานผอง...................................สตรี...
... ๐ เหวย!..อวดอ้างกละเดชวิเศษนยวิธี
หลงบ่วงทะลวงตี........................................จะวาย...
... ๐ เจียนจวนจบมิประจักษ์ปฏักระดะประปราย
มารยาสิคร่าขาย.......................................นิรันดร์...
... ๐ หลงแย้มยลกิริยาผกาวิริยะสรร
อีกถ้อยถนอมทัณฑ์...................................ฤ เลือน...
... ๐ คล้ายซื่อแสนนฤมลมิมาดประทุษสะเทือน
กว่ารู้และรู้เหมือน....................................วธู....
... ๐ หนังนวลนาฏภวหยามประนามหทัยตรู
เผลอเพลินประเมินอยู่.............................ไฉน...
... ๐ กลับกลอกกลายรชะกร้านสะท้านอสุรไกร
ฤๅผิดวินิจฉัย..........................................ประเมิน...
... ๐ กานท์กรองวาดลิขิตวอนสวาทจิตเจริญ
แสร้งทูนอสูรเสริญ..................................และลวง..
... ๐ ร้อยเล่มเกวียนก็ระร่ายละลายลุอิทธิปวง
เคยโทษพิโรธทวง...................................และหนี...ฯ
แก้ไขเพิ่มเติม
21 มิถุนายน 2548 04:27 น.
มารยา
...๐ ครานั้นซึ่งเหมือนนิรันดร์นี้
ฤๅจะมีวันจางไห้ให้ห่างหาย
เป็นครั้ง-คราที่เวียนไล้ลอบเฉียดกราย
ราวจะหมายคล้ายจะย้ำให้คำนึง
เป็นครั้ง-คราที่อาจเสมือนจะเลือนแล้ว
เป็นครั้ง-คราที่ไร้แววเงานั้นคนฝันถึง
เป็นครั้ง-คราเพียงเดียวดายที่ตราตรึง
เป็นครั้ง-คราที่อีกคนหนึ่งไม่ซึ้งเลย
ครั้งหนึ่ง-ครานั้นจึงลาญนัก
เป็นครั้งแรกคราตระหนักสิ่งเร้นเผย
เป็นครั้งความคราครวญคร่ำที่พลั้งเอย
เป็นครั้งเฉลยคราเฉลียวในค่าใจ
ครั้งหนึ่งถึงจะเป็นเพียงครั้งแรก
ครานั้นถึงจะแปลกกว่าคราไหน
ครั้งนั้นจึงเป็นคราที่จารนัย
ครานี้ใจจึงได้...สิ้นทะนงฯ...