18 กรกฎาคม 2547 19:06 น.
มาม่า ฮาร์ดคอร์
คืนหนึ่ง ณ ตึก 4 ชั้น ย่านตัวเมือง วิษณุ นั่งมองฟ้าอยู่อย่างเดียวดาย บรรยากาศรอบๆรายล้อมไปด้วยไอหมอก จากปล่องควัน และเตาเผาที่ร้อนระอุในช่วงกลางวัน เหลืองทิ่งไว้เพียงกลิ่นและควันไฟเท่านั้น สายลมพัดแรงนะคืนนี้ กระทบมายังใบหน้าอันหยาบกระด้าน จากการทำงานเพียงช่วงตอนกลางวัน แต่เขาก็ไม่มีความสุขกับการทำงานในวันนี้ เนื่องด้วย ..........
06.11 น. วันที่ 11 มีนาคม เช้ารุ่งขึ้น กริ่งๆ กริ่งๆ เสียงโทรศัพท์เจ้ากำ...ดังลั้นพร้อมกลับฉุดกระชากความฝันที่สวยงามของเขาในยามเช้าตรู่ของวันไหม่
....... สุขสัน วันเกิดค่ะ ..... เสียงคุ้นหู ส่งมาอย่างไพเราะ ทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาจากเตียงนอน อย่างฉับพลัน "ขอบคุณครับ " ยังจำวันเกิด ผมได้นะ นึกว่าจะเลี้ยง ฉลองคนเดียวซะแล้ววันนี้ อีกอย่างวันนี้กะว่าจะลางานซะหน่อย คุณว่างมั้ยหละ ไปทานข้าวกันมั้ยวันนี้ .......
"ก็คีค่ะ" เป็นคำตอบที่เย็นชา ตามประสาคน เปรียวจี๊ดอย่างหล่อน
"ลูกกวาด" คือชื่อของหล่อน แล้วจะให้ผมไปรับหรือว่าไปเจอกันที่เดิม "ที่เดิมก็ได้ค่ะ" เพียงไม่กี่นาที ผมก็ไปถึงร้าน แห่งหนึ่ง ตอนเช้าแบบนี้ รถราย่อมมากเป็นธรรมดาแต่วันนี้ กลับลดน้อยลง เพราะอะไรนั้นไม่รู้ ที่ร้านก็เหมือนกัน ช่างเงียบอะไรอย่างนี้ เพียงไม่กี่นาที ลูกกวาดก็มาถึง "รอนานมั้ย" ไม่นานครับ แต่วันนี้ดูเงียบๆ ไงไม่รู้ว่าม่ะ "ก็น่าจะจริง" เพราะร้านไร้แม้ผู้คนมาทานอาหารและกาแฟตามประสาคนเมือง แล้วจะทานอะไรดีครับวันนี้ "เหมือนเดิมละกัน" ผ่านไปหลายชั่วโมง คุยเรื่อย เปื่อย จับสาระไม่ได้ และแล้ว "คืนนี้ จะไปเที่ยวกันต่อมั้ย" ที่ไหนดีหละค่ะ
งั้นเจอกันตอนทุ่มหนึ่ง ที่ร้าน i ละกัน ....
ทุ่มหนึ่ง ตามที่นัดหมาย แต่วันนี้ผมกลับไปถึงช้ากว่าหล่อน "มาช้าจังนะ" จะเอาไงก็พูดมา ไม่มีเวลาว่างมากวันนี้ พรุ่งนี้ต้องทำอย่างอื่นและไหนงานเอยอะไรเอย สาระพัด ...... นั้นเป็นคำพูดที่หล่อนพูดใส่ผมอย่างไม่สนใจไยดีอะไรเลย ลืมไปแล้วเหรอวันนี้ วันเกิด เรานะ น่าจะทำอะไรให้ดีๆหน่อย "แล้วไง" .........
"ทำไมถึงพูดแบบนั้นหละ" ตอนกลางวันไม่เป็นแบบนี้นี่หน้า "แล้วทำไม ก็ตอนกลางวันคุยแต่เรื่องต่างๆ จนไม่มีเวลาที่จะพูด " แล้วลูกกวาดจะพูดอะไรหรือ ? .... "เราเลิกกันเถอะ".... เป็นคำพูด ที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนหน้าผา ที่มีลมและเกลี่ยวคลื่นพัดผ่าน อย่างอยากที่จะยับยั่งความบ้าคลั้งนั้นได้
ตึก...ตึก...ตึก.ตึก.ตึก.ตึก ......ใบหน้าชาไปหมด ความสับสน ความคิดต่างๆ หยุดนิ่ง ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะฉุดร่างกายจากวังวนของคลื่นลูกโตที่โถมกระหน่ำอย่างไม่ลดละ ทำไมถึงพูดแบบนั้นหละ... "ทำไมหรือ ?" ไม่ทำไมทั้งนั้น... ลูกกวาดว่าต่างคนต่างอยู่จะดีกว่านะ เพราะตลอดเวลาไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย"
แล้วเพราะอะไรหละลูกกวาด แล้วจะปรับปรุงได้มั้ย ทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมสิ "ไม่ค่ะ" พอเถอะ จบได้แล้ว เลิกเสแสร้งและเล่นละคร เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว อีกอย่าง ลูกกวาดก็มีคนใหม่แล้วด้วย จะมาเที่ยวและเจอกันแบบนี้เหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้แล้ว ถือเสียว่า เจอกันวันนี้ เป็นวันสุดท้ายและครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
........ ลูกกวาด หมดเรื่องคุยแล้วหละ ขอตัวก่อนนะค่ะ .... ลาก่อน.......
"หล่อนทิ้งผมอย่างไม่สนใจใยดีเลยว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร
ผมเหมือนเรือที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลที่ไร้แม้แรง ที่จะกลับเข้าหาฝั่ง
...เพียงไม่กี่นาที... ผมกลับอยู่คนเดียวอีกแล้ว ตามประสาคนหลงทาง ในขณะที่บรรยากาศรอบกาย มีความสนุกสนาน และเสียงที่ดังพอที่จะทำให้ใจกลับมาเร้าร้อน ตามเสียงเพลงและแอลกอร์ฮอ ที่ดื่มเข้าไป
..... 01.11 น. อากาศเริ่มเย็นเยือก พร้อมฉุดกระชากสามัญสำนึกของผมดำดิ่งอยูในห้วงของความเพ้อฝัน อาจเป็นผลมาจากแอลกอร์ฮอที่ทำให้เป็นแบบนี้ ภาพต่างๆ ของลูกกวาดเข้ามาในห้วงของความคิดอยู่ตลอดเวลา... ผมเอื้อมมือไปคว้าดาว เอื้อมเท่าไหร่ ก็ไม่ถึง ยิ่งคว้าเท่าไหร่ ยิ่งไร้ ความหวัง เพียงไม่กี่นาทีผมก็คว้าดาวสำเร็จ
มัน....... อยู่ในมือผมแล้ว .... ผมทำสำเร็จ......ผมดีใจที่สุด และแล้วน้ำตาเจ้ากำก็ไหลออกมา...
ผมค่อยๆเดินไปนั่งที่มุมกำแพง ที่ที่ชอบนั่งประจำ ดาวอยู่ในมือผมแล้ว ขอดูหน่อยนะ ผมค่อยๆ คลายมือออก... ไม่มีเลย ดาวหายไปใหน.... ไม่... ไม่.... หมดแล้ว สิ่งที่ผมได้มาและที่มีอยู่ไม่เหลือแล้ว...
แล้วอะไรหละจะมีความสำคัญกับผม..
.... ผมพาร่างกายและจิตใจอันปวดร้าวค่อยๆก้าวย่าง ขึ้นไปที่สันกำแพง ลมเย็นดีนะ พัดมาช่างทำให้รู้สึกล่องลอย เหมือนอยู่บนปุยเมฆ ยามเที่ยงคืนที่มีแสงจันทร์นวลอันอบอุ่น สมองผมเริ่มเลือนลางและเบาอะไรอย่างนี้ ถ้าผมมีปีกก็คงดีนะ จะได้บินไปให้ไกลแสนไกล ไป ณ ดินแดนที่ต้องคำสาป..... คำสาปที่ติดตัวสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
กับชายคนหนึ่งที่มอบทุกสิ่งกับหญิงอันเป็นที่รักของเขา แต่แล้วกลับได้รับการตอบแทนอย่างสาสม... เพียงเพื่อความเพ้อฝัน ของตัวเองและละครที่แสนจะน่ารังเกียจ
...ปีกผมมีแล้ว นั่นไงปีกของผม ส่งมาให้ผมเถอะ นางฟ้าที่แสนงดงาม... ผมมีปีกแล้ว สีขาวดังปุยฝ้าย ค่อยๆกางออกและเพิ่มความกว้างท้าทายลมที่ แรงขึ้น แรงขึ้น
...ตอนนี้ผมต้องไปแล้วนะ... ผมมีจุดหมายแล้ว... ผมมีสิ่งที่ต้องทำแล้ว... ผมจะไม่อยู่คนเดียวแล้ว...
...ปีกอันงามสง่า โปรดพาข้า... ไปยังดินแดนของเจ้าเถอะ ... นางฟ้าตัวน้อย... มาพร่อมดอกไม้ช่อโต....
10 กรกฎาคม 2547 20:12 น.
มาม่า ฮาร์ดคอร์
ฟ้าเริ่มสว่าง แดดอ่อนๆ ต้องกระทบในหน้าอันบอกบาง เพียงไม่กี่นาที หล่อนก็ตื่นจากการหลับใหลไปหลายชั่วโมง กลิ่นหอมฟุ้งของไอแดด และกลิ่นกายอันน่ารังเกียจของเขา เขาผู้ซึ่งหล่อนไม่รู้เลยว่าเค้า คือใคร? มาจากไหน? และมาทีนี่ทำไม? หล่อนพบกับเขาเพียงคืนเดียว เท่านั้น และก็จบลงที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างจากซอกหลีบของกรุงเทพฯ เท่าไหรนัก ที่นี่คือที่ซุกกายและหัวใจอันบอกช้ำมานักต่อนัก หลายๆต่อหลายครั้ง หล่อนมานั้งร้องให้คนเดียวที่นี่ อย่างไม่มีใครสนใจ เพียงแค่มีคนอยู่ข้างๆ เท่านั้น ............... นั้นคือความฝันของหล่อนที่ซึมซับ ลงกลางอกข้างซ้ายอย่างอบอุ่น ............... เช้านี้อากาศดีนะ หล่อนพูด .............. (กระซิบในหัวใจ) นี่เหรอ อากาศดี (บุ๊ๆๆๆ) เขา........ ชายหนุ่มร่างเพรียวบาง แอต่ไม่ไร้ซึ่งกำลัง เพียงแค่ดูมอมแมมและผอมโซนิดหน่อยเมื่อใส่เสื้อขาดรุ่งริ่ง ของหล่อน
บิว ชื่อของเขา และวันนี้จะไปต่อกันที่เดิมหรือเปล่า ........ ไม่หละว่าจะนอนซักหน่อยเพลียมากแล้ว
......... ฟ้าเปลี่ยนสี ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกและไอฝน คืนนี้คงไปใหนไม่ได้จริงๆนะบิว ก็ว่าอย่างนั้น นั่นแหละ แต่เราจะทำไรกันดีคืนนี้