22 มิถุนายน 2550 23:37 น.
มะมิว
งามอำพันเมื่อตะวันสาดแสงส่อง
อร่ามเหลืองเรืองรองทั่วท้องทุ่ง
ทิวทุ่งข้าวจรดเขาพราวรุ้ง
สร้างความสุขอิ่มอุ่นละมุนใจ
ริมถนนหนทางสองฝั่งฟาก
แลสล้างรวงทองทิวไสว
สายน้ำใสไหลรื่นแสนชื่นใจ
เมฆสวยฟ้าใสลมชายโชย
อีกมุมหนึ่งหลังภาพที่ปรากฏ
ใครหลังขดหลังแข็งแรงระโหย
กี่สังขารดับล้าร่วงโรย
หยาดเหงื่อโปรยหว่านกายให้ผืนนา
ยากลำเค็ญกว่าจะมาเป็นรวงข้าว
ต้องโศกเศร้ากับหลากหลายปัญหา
เรากินข้าวแล้วมอบอะไรให้ชาวนา
กดราคา หยาดน้ำตา ความปวดใจ
รู้คุณข้าวแต่ดูถูกผู้ให้ข้าว
เหยียบย่ำชาวนาหัวใจแหลกสลาย
ต่อไปคงสิ้นสันหลังของชาติไทย
อนุสรณ์เหลือไว้เพียงแปลงนา
22 มิถุนายน 2550 23:30 น.
มะมิว
ดาวระยับเด่นระยิบพริบพราวฟ้า
แลสุดตาฟ้าไกลกว้างไพศาล
เดือนลอยเด่นให้เย็นใจด้วยนวลจันทร์
ลมพัดผ่านเย็นกายด้วยสายลม
ทิ้งร่างกายแผ่นอนให้ผ่อนคลาย
สูดหายอิ่มเอมเกษมสม
รวยระรินกลิ่นดอกไม้ตามสายลม
ให้ชื่นชมแช่มชื่นระรื่นใจ
มองพระจันทร์บนฟ้าพาใจฝัน
ถึงวันวานผ่านพ้นอันสดใส
เคยมองเจ้ากระต่ายน้อยกับตายาย
ด้วยหัวใจชื่นบานหน้าบ้านเรา
พระจันทร์ยังสดใสไม่เคยเปลี่ยน
ดาวยังเวียนประดับฟ้าเช่นคราเก่า
สิ่งที่เปลี่ยนคือเรื่องราวของตัวเรา
ที่ต้องก้าวเดินต่อไปให้ถึงจันทร์
22 มิถุนายน 2550 23:05 น.
มะมิว
สองเท้าก้าวไต่บันไดฝัน
หวังสักวันจะไปถึงซึ่งจุดหมาย
วาดหวังเอาไว้ตั้งมากมาย
ว่าจะได้เป็นอย่างที่อยากเป็น
มุมานะด้นดั้นฟันฝ่า
อุปสรรคขวางหน้ายากเข็ญ
ก็มุ่งมั่นผ่านมาได้ไม่ยากเย็น
ความฝันเป็นเชื้อไฟให้พลัง
ก้าวมาถึงจุดหนึ่งซึ่งเคยฝัน
เกษมสันต์เปี่ยมสุขสมหวัง
ได้ศึกษาตามฝันสรรค์สร้าง
เดินบนทางที่อยากจะก้าวไป
เดินไปใจเริ่มอ่อนล้า
ต้องหาพลังมาสร้างใส่
แต่ทางฝันกับสิ้นเชื้อไฟ
ไม่แน่ใจในตัวตนที่ค้นเจอ
ไม่แน่ใจปลายทางที่ย่างก้าว
นี่หรือเรารอคอยอยู่เสมอ
หรือเรามีอีกตัวตนยังค้นไม่เจอ
ปลายทางเบลอพร่าเลือนสลัวลาง
จิตสับสนว้าวุ่นครุ่นคิด
ถึงชีวิตที่เราเฝ้าหวัง
เราต้องหาเป้าหมายอีกครั้ง
เพื่อไปยังทางใหม่ที่ใช่เรา