23 มกราคม 2554 20:44 น.
มนต์อักษรา
กาลลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยล่องลอยเรื่อย
เหมือนข้าเนือยเมื่อยล้าพาห่างเหิน
ฤาระทมตรมทุกข์รุกพาเพลิน
หน้าที่เดินรุมเร้าเคล้าวุ่นวาย
ต้องห่างไปไกลบ้านที่พักจิต
ลืมสะกิดปิดพรางมัวสลาย
หมอกมืดมิดติดแน่นทั้งใจกาย
ดั่งแม้นหมายฉุดนิ่งให้เลือนลาง
มีเวลาดั่งไร้แม้เสี้ยววิ
ที่ตรองตริพักเรื่องอันมัวหมาง
ลืมเอ่ยปากบอกข้าจงปล่อยวาง
ใจสรรสร้างทางพักเพื่อเดินไกล
เรื่องส่วนตนส่วนงานทางที่ผ่าน
เรื่องพบพานฉุดรั้งยั้งสดใส
เรื่องมากมายปล่อยจากห้วงดวงใจ
พักแล้วให้หัวใจดูแลตัว
ตัวข้าเอ๋ยมัวแบกใจคนอื่น
จนลืมตื่นดื่มเมาเคล้าเวียนหัว
รักเขามากลืมใจข้าหวาดกลัว
เต้นระรัวไร้สงบให้แผ่วบาง
ลืมแม้บ้านที่พักให้ใจชื่น
ลืมแม้ตื่นจากฝันมั่นสะสาง
กลับห่อเหี่ยวเฝ้ารอวาจาวาง
กลับหลงทางกลางใจไร้ทางเดิน
ดั่งไร้ตนคนเดิมที่คงมั่น
ไม่หวาดหวั่นทุกย่างดำเนินเหิน
ตื่นเสียทีบอกข้าตื่นจากเพลิน
ร้าวเหลือเกินหทัยไหวระทม
ยากบอกกล่าวราวเรื่องเนื่องชีวิต
ใจดั่งติดบ่วงวนระคนขม
บอกตนทีไฉนเลยคอยตรอมตรม
ไยเพาะบ่มข่มเศร้าที่เร้าทรวง
หาเวลารักตัวเองบรรเลงพัก
จงประจักษ์ใจนี้ที่ห่วงหวง
เป็นของข้าใจข้าเต็มหนึ่งดวง
ใยจึ่งพ่วงเอาเขามาทิ่มแทง
แม้นหากรักจักวางข้างเคียงใส
อย่านำไปเป็นหนึ่งดึงกลืนแสง
ให้ปวดร้าวไม่เหลือแม้เรี่ยวแรง
จงเหลือแบ่งเวลาให้ตัวเอง
30 มิถุนายน 2551 08:56 น.
มนต์อักษรา
เหม่อแลฟ้า พาใส่ ใจลอยล่อง
แสงสีทอง รองเรือง ประเทืองแสง
เมฆคล้อยเคลื่อน เตือนรู้ คู่เปลี่ยนแปลง
ไร้สิ่งแรง ฤทธิ์ยั้ง ยั่งอยู่คง
ทัศน์ตราตรึง บึ้งแก่น แดนความฝัน
ลืมคืนวัน สั่นร้าย หมายลุ่มหลง
ดึงฤดี ลี้โลก วิโยคปลง
เพื่อคืนคง ยงแรง แสงดำเนิน
แสงยวลตา คราทบ สบสายเนตร
ฟ้าเขียวเฉด ธรรมชาติ พาดใจเหิน
สิ่งเคร่งเครียด เบียดสติ ตริลุเดิน
น้ำหยอกเอิน หล่อเลี้ยง ชุ่มฉ่ำใจ
วิหคน้อย คอยใคร ที่ไหนเล่า
คู่คลอเคล้า เอาใจ อยู่แห่งไหน
ไยอยู่เดียว เปลี่ยวปล่าว ราวฤทัย
โผผินไซร้ ได้พบ สบเคลียคลอ
อย่ามัวรอ อยู่เลย เจ้านกเอ๋ย
คู่หมายเชย เฉยแน่ ไม่มาขอ
จงกางปีก หลีกพาย สู่ชายพะนอ
จงสานต่อ ห่อรัก พรักพร้อมเรือน
อย่าเหมือนข้า พาใจ ให้แห้งเหี่ยว
หมดแรงเรี่ยว รอชาย ที่หมายเหมือน
ดั่งนกน้อย กรงทอง จ้องดาวเดือน
ไม่อาจเลื่อน เคลื่อนกาย ดังหมายใจ
อิสระ เจ้ามี เกินตัวข้า
ขออย่ามา ล้าเหนื่อย เฉื่อยอับใส
โผโลกกว้าง แล่นสู่ จุดหมายไกล
ตัวแทนไซร้ ใจข้า ผู้ต้องทน
2 มิถุนายน 2551 15:30 น.
มนต์อักษรา
ในบางครั้งพลั้งล้าพาใจเหนื่อย
ได้หายเมื่อยเมื่อมาพาอักษร
เห็นพี่น้องผองเพื่อนในบ้านกลอน
ใจที่คลอนผ่อนล้าพาใจคืน
นานนานครั้งพลั้งล้าพาใจพัก
มองประจักษ์เห็นบ้านเศร้าสุดฝืน
หนีว้าวุ่นกรุ่นร้อนใจจำกลืน
แต่กลับลื่นหน้าบ้านด้วยกรุ่นไอ
นานนานครั้งกลับบ้านหวังได้พัก
ด้วยหวังนักพักเรื่องไม่สดใส
หวังพักร้อนผ่อนหนักผ่อนจิตใจ
แต่เหตุใดเหมือนนอกบ้านพานเป็นลม
โอ้บ้านเรา ... ปัญหามาตามติด
มีแรงฤทธิ์พิษร้ายหมายสะสม
ค่อยค่อยแฝงแรงร้ายตัดภิรมย์
บั่นให้ตรมขมขื่นจากข้างใน
เริ่มมีรอยรานร้าวให้หนาวจิต
เริ่มเพิ่มฤทธิ์แรงร้ายให้ใจไหว
เริ่มบั่นทอนความรักสามัคคีใจ
เริ่มทำให้แยกทางหมางฤดี
กลับคืนมาเหมือนเก่าครั้งเก่าก่อน
กลับคืนตอนใจรักหนักผ่อนหนี
แม้นใจรู้อยู่คงคงไม่มี
แค่ขอที่มีหวัง เพื่อพักใจ
มนต์อักษรา....มาบ้านกลอนด้วยใจรักงานกลอน...แม้ฝีมือจะไม่ได้เรื่องนัก
19 เมษายน 2551 20:28 น.
มนต์อักษรา
อยากตัดตรมที่ห่มอารมณ์ชิด
ไม่อยากติดห่วงไห้ให้ห่วงหา
อยากตัดเศร้าเหงาหงอยน้อยอุรา
ไม่อยากพาล้าใจให้ติดตัว
วันและคืนลื่นเลื่อนเยือนแล้วผ่าน
ทุกข์เนิ่นนานผ่านแล้วแววสลัว
ปัจจุบันสรรสร้างทางดอกบัว
ไร้มืดมัวชั่วไกลให้แจ้งมา
จิตใจข่มบ่มไว้ให้มุ่งมั่น
อย่าให้สั้นหั่นเหี้ยนเพียรเสาะหา
วิถีทางย่างก้าวขาวอุรา
สติฝ่าพาห่างทางอาจม
บอกตัวตนยลไว้ให้รู้จิต
ควรย้ำคิดก่อนทำนำขื่นขม
คิด-พูด ดี ลี้เบียนให้ใครตรม
กรรมสั่งสมบ่มติดชิดวิญญาณ์
ขอสติติดไว้ในดวงแก้ว
ล้างให้แวววาววับระยับหรา
แม้นพลาดพลั้งรั้งไว้ใจมายา
ขอโสภามาที่ฤดีทรวง
19 เมษายน 2551 15:36 น.
มนต์อักษรา
ดุจมนต์ต้องคล้องใจให้ติดบ่วง
ดุจกลลวงล่วงใจให้ห่วงหา
ดุจพฤกษาพากลิ่นบินร่อนมา
ดุจกสุนาพาสำเนียกเรียกให้ตาม
อักษรร้อยคอยเรียงเพียงคำเขียน
แต่เปี่ยมเพียรเวียรจัดสัมผัสหวาม
อักษรรัดรึงเร้าเคล้าสวยงาม
เสน่ห์ยามเสพย์ซึ้งตรึงบทกวี
จึ่งนำพาว่ากลอนร้อนสัมผัส
จึ่งเตรียมจัดแต่งกลอนจากใจศรี
จึ่งขอร่วมสวมบทสดฤดี
จึ่งขอมีพื้นที่กวีไทย
แม้นมิได้เชี่ยวชาญเหมือนใครอื่น
แต่ยิ้มชื่นมื่นรักปักสดใส
รักงานเขียนเพียรหมั่นมั่นหัวใจ
ร้อยกรองไซร้หลายหลากจากดวงมาลย์