อาทิตย์คล้อย ย้อยลง ตรงชายป่า พสุธา เริ่มชื่น รื่นระเหย ลมผัดแผ่ว หอมไอดิน กลิ่นเหมือนเคย สุขไหนเลย มิเทียบได้ ในท้องนา ก่อกองไฟ เพื่อขับไล่ สายลมหนาว มาอีกคราว หน้านี้ ที่ครวญหา ยื่นมือไป อังไฟ ยามลมมา กระชับผ้า ให้ไออุ่น กรุ่นข้างใน นึกถึงคน จากไป ไกลลิบลับ มิคืนกลับ เลยหนา พาหวั่นไหว อยู่ทางนี้ เริ่มหนาว ร้าวจับใจ จะรู้ใหม กี่คืนผ่าน นั้นยังรอ ส่งใจรัก ฝากลมหนาว คราวพริ้วผ่าน คนทางบ้าน เฝ้ารออยู่ รู้ใหมหนอ ยังคิดถึง ซึ้งในรัก เคยเคล้า คลอ จึงตัดพ้อ พ่อคนดี ที่ไกลตา แอบเหงาค่ะ
สี่สาวสวยเอ่ยเอื้อน โคลงกลอน มิใช่มาเว้าวอน ร่ำร้อง ยิ่งคิดยิ่งสั่นคลอน เหลือที่ รีบร่ายโคลงกู่ก้อง กลัดกลุ้ม หัวสมอง สองวันที่ผ่านพ้น เวียนหัว เหมือนนรกสุมรุมตัว ห่อหุ้ม ยาแก้ปวดหวั่นกลัว โคลงหลอก ขวัญเขย่าดูไม่คุ้ม อกกลุ้มชวนแสลงฯ มีนัยแฝงไม่น้อย คำไทย คิดมากจนอ่อนใจ เหนื่อยล้า เอกโทที่ขานไข มิเหลื่อม เลยแฮ จันทร์ชักเริ่มจะบ้า แน่แท้สุดสยองฯ อารมณ์สนองเกี่ยวข้อง วาจา ครูบอกให้นำมา เอ่ยย้ำ อาราเล่จึงพา เพลงกล่อม สิบรอบแทบบอบช้ำ ตอกย้ำอยู่เสมอ เผลอเสียงสัมผัสต้อง อ่อนหัด น้องจิตรำพันจัด ใฝ่สู้ หลักสูตรที่เร่งลัด ฝึกใหม่ ครวญใคร่ให้เรียนรู้ เพื่อสู้ สู่หวังฯ มนต์ขลังนี้ที่แท้ ลุ่มหลง มิไช่จะเจาะจง ใส่ไคล้ ที่บ่นพร่ำนี้คง มือใหม่ เพียรเริ่มต่อนี้ไซร้ เก่งแท้ มิถอยฯ รวมกันหัดแต่งโคลงครั้งแรกค่ะ