7 กรกฎาคม 2547 02:14 น.
ภูแก้ว ชมพูแก้ว
อาถรรพ์ของโรงเรียนแห่งนี้ไม่เพียงแต่ยังอยู่ต่อไปแต่มาถึงวันนิ้ยิ่งจะหนักขึ้น จนทำให้รัฐบาล ไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับโรงเรียนนี้อีก และจากอาถรรพ์นี้เองยิ่งทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนนี้โด่งดังไปกันใหญ่ ทั้งในหมู่นักระเบิดตึก ที่ต้องการทดสอบว่าตนเองสามารถจะระเบิดตึกแห่งนี้ได้หรือไม่ ซึ่งทุกทีมที่มาก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไป
บางทีมก็เป็นทีมที่ระเบิดสิ่งก่อสร้างได้ทุกชนิดทั่วโลก ก็ยังต้องพ่ายกลับไปอย่างหมดท่าเพราะระเบิดแรงสูงแบบใหม่ที่มีการสาธิตประสิทธิภาพกับอาคารร้างใกล้ๆกับโรงเรียนแห่งนั้นให้ทุกคนเห็นมาแล้วแต่เมื่อถึงเวลาจริง ระเบิดทั้งหมดกลับไม่ทำงานเลยแม้แต่ลูกเดียว
ซึ่งก็ได้มีการพยายามลองทำใหม่อีกหลายครั้ง มีการเช็คกระแสไฟฟ้าที่จะต้องเป็นตัวจุดชนวนระเบิดหรือไม่ก็ปรากฏว่ากระแสไฟฟ้าก็เดินเป็นปกติ แต่เมื่อจะทำการระเบิดจริงกลับไม่ระเบิด จนทีมต้องถอนตัวออกไป
หรืออย่างเช่นรายการเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ได้มีการมาทดลองตั้งกล้อง แต่ไม่มีการเดินเข้าไปสำรวจ ซึ่งภาพที่ได้จากการไปถ่ายทำนั้นก็ไม่พบอะไรผิดปกติแม้แต่อย่างเดียว แต่ ก็ยังมีข่าวผู้คนที่หายสาบสูญเนื่องจากเข้าไป ลองของ กันอยู่เป็นประจำ
ทั้งที่ทางรัฐบาลก็ได้ประกาศเตือนผู้คนแล้วก็ตาม และแล้ววันหนึ่งก็มีคนออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้ที่สามารถเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้แล้วกลับออกมาได้ผลก็คือ สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง สถานีข่าวเกือบทุกแห่งทั้งในและต่างประเทศ แย่งกันทำข่าว สกูป ต่างๆเกี่ยวกับชายคนนั้น มีการสัมภาษณ์ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้น ในครั้งแรกหลายๆตนก็เชื่อว่าชายคนนั้นรอดมาจริง
เขาเล่าว่าเข้าได้ทดลองเข้าไปเดินในอาคารเรียนแห่งนั้นตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นบนสุด ออกไปเดินที่ดาดฟ้า แต่พอขากลับเขากลับหาทางออกไม่ได้ เขาเดินวนเวียนอยู่นานมาก จนเขาเหนื่อยและคิดจะเอนหลังพิงผนัง ในขณะที่เขาเอนหลังไปพิงผนังนั้นเอง เขาก็หงายหลังลงไปนอนกับพื้น แล้วภาพของสถานที่นั้นก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นระเบียงทางเดินมืดๆ ก็กลับกลายเป็นห้องที่สว่างจ้า มันไม่ใช่ความสว่างที่เกิดจากแสงไฟนีออน หรือหลอดไส้หลอดตะเกียบประการได แสงนั้นเป็นแสงที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ
เขายังเล่าผ่านการสัมภาษณ์อีกว่าเขาได้พบกับชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวเป็นพระเจ้า เขาได้สอบถามว่าทำไมผู้คนที่เข้ามาในที่แห่งนี้หายไปไหนกันหมด ชายคนนั้นก็ตอบว่าส่วนใหญ่จะหลงทางหาทางออกไม่ได้และตายไปเอง แล้วชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าก็ถามเขาว่าเจ้าต้องการที่จะออกไปข้างนอกอย่างคนที่รำรวยหรือออกไปข้างนอกอย่างคนที่มีชื่อเสียง
แต่ชายคนนั้นกลับตอบว่าเขาแค่ต้องการกลับไปหาลูกหาเมียเท่านั้น ชื่อเสียงเงินทองไม่สำคัญ และชายคนนั้นก็ยังได้กล่าวอ้างอีกว่า ที่เขารอดออกมาได้ก็เพราะเขาตอบไปแบบนั้นโดยชายที่(เขาบอกว่า)อ้างตัวเป็นพระเจ้าได้บอกกับเขาเองว่ามีหลายคนที่มาถึงที่นี่แต่ต้องตายไปเพราะความโลภ
เนื่องจากเมื่อเขาถามว่าท่านต้องการกลับออกไปพร้อมเงินทอง หรือชื่อเสียง คนเหล่านั้นจะเลือกทันที ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คำตอบทั้งสองคำตอบนั้นเป็นคำตอบที่ผิด คนที่ไม่ทำงาน ต้องการแต่ความสบายไม่สามารถที่จะได้รับทรัพย์สินเงินทองหรือชื่อเสียงได้แน่นอน เขากลับออกมาได้เนื่องจากเขาไม่โลภ ซึ่งนั่นคือคำกล่าวอ้างของชายคนนั้น
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เมื่อมีคำคำนี้ก็ควรจะต้องมีคำว่า แต่เวลาจะพิสูจน์ว่าวีรบุรุษคนนั้นเป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากมีพยานหลายต่อหลายคนให้การว่าในคืนที่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าได้เข้าไปผจญภัยในโรงเรียนกินคนนั้น ได้มีการพบเห็นชายคนนั้นอยู่ในผับแห่งหนึ่งในตัวเมืองนั้นเอง
เมื่อมีคำกล่าวหามา ก็ต้องมีการสืบสาวราวเรื่องกัน และแล้วในที่สุดชายคนนั้นก็ออกมาสารภาพว่าเขาไม่ได้เข้าไปในโรงเรียนแห่งนั้นจริง หากแต่เขาเข้าไปเที่ยวในผับแห่งหนึ่งแล้วหลังจากนั้นเขาก็วางแผนกับเพื่อนของเขาเขียนบทขึ้นมาว่าเขาได้เข้าไปในโรงเรียนแห่งนั้นอย่างไร และรอดกลับมาได้อย่างไรไปเจออะไรมาบ้าง ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ถูกชาวบ้านประณามอย่างรุนแรงว่าแอบอ้างบ้าง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอีกหลายคนต้องหายสาบสูญ ไปบ้างเนื่องจากหลายคนเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงและต้องการเข้าไปพิสูจน์ และคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถกลับออกมาได้อีกเลย
30 มิถุนายน 2547 03:27 น.
ภูแก้ว ชมพูแก้ว
และจากวันนั้นได้มีกลุ่มคนมากมายเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้เมืองที่ซึ่งคึกคักมากกว่าแต่ก่อนแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆก็ตาม แต่ด้วยชื่อเสียงของสถานที่ที่เรียกว่า โรงเรียนกินคน
ทำให้ผู้กล้าทั้งหลายเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้เพื่อที่จะมา ลองของ จากแค่ชื่อเสียงในตำบล ก็เริ่มขยายตัวออกไปยังอำเภอ จังหวัด ประเทศ และเริ่มมีชื่อเสียงไปในระดับโลก แต่เป็นเพียงในกลุ่มเล็กๆ เช่น พวกที่นับถือลัทธิซาตาน ลัทธิผี พวกที่ชอบใช้ชีวิตโลดโผนทั้งหลาย ทั้งที่ทางรัฐบาลได้พยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้เผยแผ่ออกไป แต่การสื่อสารในยุคไร้พรมแดนนั้นก็ไม่สามารถหยุดกระแสของ โรงเรียนแห่งนี้ได้ โดยตัวการที่ช่วยกระจายข่าวชิ้นนี้ให้ขจรขจายไปไกลก็ได้แก่ อินเตอร์เน็ต เพราะได้มีการจัดตั้งเว๊บไซต์เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น
มีการนำเข้าไปถ่ายรูปสถานที่ในโรงเรียนทุกซอกทุกมุม ตอนเวลากลางวัน และนำมาลงในเว๊บไซต์ มีการนำข่าวการหายสาบสุญของคนมากมายที่เข้าไป ลองดี แล้วไม่อาจกลับออกมาได้อีกต่อไป มีการบทวิเคราะห์วิจารณ์ มีการจัดตั้งเว๊บบอร์ดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของหลายๆฝ่าย และเว๊บไซต์แห่งนี้เองที่ทำให้ผู้คนอีกหลายคนเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ โรงเรียนกินคน
ทางรัฐบาลได้พยายามตามปิดเว๊บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อปิดเว๊บวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เปิด เมื่อปิดเว๊บในประเทศ ก็ย้าย เซิร์ฟเวอร์ไปต่างประเทศ ทำให้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลมาที่เมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะมาดู หรือมาสัมผัสกับโรงเรียนที่ใครต่อใครเรียกว่า โรงเรียนกินคน
หลายคนมาเพื่อจะมาดู มาถ่ายรูป แต่อีกหลายคนก็มาเพื่อ ลองของ ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีใครที่สามารถกลับออกมาได้ ทำให้ผู้ว่าการเมืองต้องออกมาประกาศปิดตายโรงเรียนแห่งนี้ ด้วยวิธีการสร้างกำแพงขึ้นมาปิดแทนประตูรั้ว เพื่อให้ไม่มีทางเข้า แต่แค่นั้นไม่สามารถหยุดเหล่าผู้กล้าทิ้งหลายที่อยากมาเสี่ยงชีวิต หรืออยากมีชื่อเสียงซึ่งก็คือเป็นคนที่รอดกลับมาจากโรงเรียนกินคนได้
แต่เท่าแล้วเท่ารอดก็ยังไม่มีใครที่รอดออกมาจากโรงเรียนดังกล่าวได้ และท่าทีของผู้ว่าการเมืองก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อคณะที่ปรึกษาเสนอให้ทุบกำแพงทิ้งเนื่องจากยังมีผู้ที่แอบเข้าไปแล้วกลับออกมาไม่ได้ ซึ่งที่ปรึกษาได้ให้ความเห็นไว้ว่า ถ้าปิดกำแพงสูงทุกด้าน แล้วเกิดมีคนที่พยายามหนีเอาตัวรอดมาจนถึงที่กำแพง แต่กำแพงสูงเกินไป ก็ไม่สามารถออกมาได้ซึ่งนั่นจะเป็อีก ๑ สาเหตุที่ทำให้มีคนหายมากขึ้น
โดยต้องส่งกำลังไปคอยตรวจตรา ทุกๆ 10 นาที แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้จำนวนผู้ที่หายสาบสุญหมดไป เพียงแค่ลดลงไปมากเนื่องจากมีการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ ไม่ให้เข้าในรัศมี ๕๐ เมตร รอบโรงเรียนแห่งนี้ และจากสถิติผู้หายสาบสูญนี้เองทำให้มีการผูกเรื่องไปต่างๆนาๆเช่น ในโรงเรียนแห่งนี้เป็นดินแดนสุขขาวดี เป็นทางไปสวรรค์
หรืออีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าโรงเรียนแห่งนี้มีขุมทรัพย์อยู่มากมาย แต่ว่าก็มีปีศาจเฝ้าอยู่ ทำให้ไม่มีใครมีโอกาสรอดชีวิตกลับออกมา ซึ่งโดยกระแส หรือเรื่องเล่าต่างๆเหล่านี้เป็นแรงดึงดูดให้พวกนับถือซาตาน
พวกที่แสวงหาโชค หรือบางส่วนที่หมดหวังกับชีวิตก็มาเพื่อที่จะไม่ต้องทนอยู่ในโลกแห่งนี้ต่อไป ทำให้ตัวเลขผู้สูญหายเนื่องจากเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้เพิ่มขึ้น จาก หลักร้อย เป็นหลักพัน หลักหมื่น และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเพราะแทนที่ผู้คนจะหวาดกลัวกลับเพิ่มความศักดิ์สิทธิให้แก่เรื่องที่หลายๆคนเอาไปแต่งเติมให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และยิ่งมีผู้คนเชื่อถือมากเท่าไร ก็ยิ่งมีคนพยายามที่จะมา พิสูจน์ มากขึ้น ยิ่งมีคนมาพิสูจน์มากขึ้น ก็มีคนสูญหายมากขึ้น ผู้มีอำนาจระดับประเทศหลายคนก็ได้รื้อฟื้นคำสั่งในการทำลายโรงเรียนแห่งนั้นขึ้นมาอีกครัง
คราวนี้ไม่ใช่ระเบิดตัวตึกโดยตรง แต่เป็นการระเบิดทำลายพื้นที่รอบๆ โดยฝังระเบิดไว้ใต้ติดโดยหวังว่าการระเบิดครั้งนี้จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้จำลงในพสุธา แต่แล้วเมื่อถึงเวลาระเบิดกลับไม่ทำงาน และที่ร้ายกว่านั้นครั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนเพื่อที่จะฝังโรงเรียนแห่งนี้ทุกคนได้มีอันเป็นไปกันหมดสิ้น
30 มีนาคม 2547 01:44 น.
ภูแก้ว ชมพูแก้ว
ณ. โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็นโรงเรียนธรรมดาทั่วไป แต่หารู้ไม่ว่าโรงเรียนที่ตอนกลางวันมีเด็กนักเรียนเรียนกันเต็ม
ทุกคนมีความสุข เป็นศูนย์รวมการพบปะเพื่อนๆ ในตอนกลางคืนนั้น โรงเรียนนี้จะร้างผู้คน แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยก็ไม่มีประจำเพื่อทำหน้าที่ เนื่องมาจากมีอำนาจลึกลับบางอย่างแฝงตัวอยู่ในตัวตึก ๗ ชั้น
ซึ่งเป็นเพียงตึกเดียวในโรงเรียนแห่งนี้ ที่ใช้ในการเรียนการสอน ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย โดยเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปให้คนภายนอกได้ทราบ ก็ได้มีการ ลองของ วัดใจ กันเกิดขึ้น
และผู้ที่เข้าไปท้าทายความกล้าทั้งหลาย ก็ไม่เคยได้กลับออกมาอีกเลย ซึ่งเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อค้นหาผู้ที่สูญหาย และหลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบไม่นาน
กลุ่มไทยมุงทั้งหลายก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากในตัวอาคารเรียนทำให้กลุ่มไทยมุงวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น และในเช้าวันถัดมาในโทรทัศน์ ก็ได้มีการแถลงข่าวจากกลุ่มผู้บริหารประเทศว่าได้สั่งปิดโรงเรียนแห่งนี้ชั่วคราวเนื่องจากมีการวิเคราะห์กันว่าอาจเป็นไปได้ว่าในเวลากลางคืนได้มีกลุ่มโจรหรือไม่ก็เป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเข้ามายึดโรงเรียนแห่งนี้เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ในการซื้อขายยาเสพติด
และทั้งนี้ยังได้มีการจับกุมตัวผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้พร้อมทั้งกล่าวหาว่าผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย และจะมีการส่งกำลังทหารเข้าไปตรวจสอบและขับไล่กลุ่มที่เข้ายึดโรงเรียนแห่งนี้ในยามวิการด้วย และก่อนหน้านั้นก็ได้มีการสั่งปิดล้อมพื้นที่เพื่อไม่ให้คนร้ายหลบหนีออกไปได้ เมื่อเวลา ๐๘:๐๐ น. ก็ได้มีการนำกำลังเข้าไปเพื่อที่จะจับกุมกลุ่มคนร้ายนี้ แต่เมื่อเข้าไปกลุ่มทหารก็ไม่พบร่องรอยอะไรที่จะบ่งบอกได้ว่ามีคนได้เข้ามารุกล้ำสถานที่แห่งนี้เลย
แม้แต่ศพขอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาปฏิบัติงาน หากจะพบก็แต่เพียงอาวุธปืนซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการปฏิบัติงานตกอยู่
ทางผู้บัญชาการเมื่อได้รับทราบข้อมูลก็ได้มีการสั่งการลงไปอีกว่าให้ลองเข้าค้นหาอีกครั้งในเวลากลางคืน โดยคำสั่งนี้เป็นความลับ ไม่เปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับรู้ และเมื่อเวลา ๒๒:๐๐ น. ก็ได้มีการส่งกำลังทหารร่วมร้อยนายเข้าไปเพื่อตรวจสอบสถานที่อีกครั้งและเหมือนกับตอนที่ส่งกำลังตำรวจเข้าไป คือมีเสียงยิงต่อสู้ และมีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน เหตุการณ์ เกิดขึ้นทุกๆ 5 นาที จากชั้นบนสุด ลงมาเรื่อยๆจนเหตุการณ์มาสงบที่ชั้นสอง
โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนได้มีโอกาสกลับออกมาอีกเลย
หลังจากนั้นความสนใจทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้เนื่องจากว่าได้มีรายงานว่ามีผู้พบเห็นผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้ออกมาจากโรงเรียนดังกล่าวตอนเช้ามืด ซึ่งพอจะเดาได้ว่าผู้อำนวยการคนดังกล่าวอาจอยู่ในตัวอาคาร ในช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงช่วงก่อนเช้ามืด
แต่จากการสอบสวนผู้อำนวยการคนดังกล่าวก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้บอกแต่เพียงว่าในโรงเรียนมีวิญญาณสิงสู่อยู่ และใครก็ตามที่ลุกล้ำอาณาเขตของพวกมันเข้าไปก็จะถูกพวกนั้นกัดกินร่างกายและต้องกลายเป็นพวกมันทุกคน แต่เขาก็ไม่ยอบเปิดปากบอกว่าเขาสามารถอยู่ในโรงเรียนหลังจากพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างไร เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา
และโรงเรียนแห่งนั้นก็ถูกสั่งให้ทำลายทิ้ง แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำลายโรงเรียนดังกล่าวได้โดยทุกครั้งที่จะมีการทำลายโรงเรียนแห่งนั้น จะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นทุกครั้งไป เช่นเครื่องจักรไม่ยอมทำงานเมื่อมีการทุบตึกหรือระเบิดกว่า ๒๐๐ ลูก ด้านพร้อมกัน เมื่อมีการวางระเบิดโรงเรียนเพื่อให้ถล่มลงมา
แม้แต่การเผาโรงเรียนเพื่อให้พระเพลิงผลาญให้วอดวายก็ทำไม่ได้เนื่องจากเกิดฝนตกขึ้นมากะทันหันจนทำให้ผู้บริหารประเทศหมดหนทางต้องสั่งล้อมรั้วรอบโรงเรียนให้สูงถึง 5 เมตร และมีการปิดตายประตูหน้าโรงเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไป เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมา และหลังจากนั้นผู้คนก็กล่าวขานเรียกโรงเรียนอาถรรพ์นี้ว่า
โรงเรียนกินคน
เนื่องจากผู้ที่เข้าไปในตอนกลางคืนไม่สามารถกลับออกมาได้อีกเลย ด้วยเหตุนี้บริเวณรัศมี ๑๐๐ รอบโรงเรียนมีอันต้องร้างไปด้วยเนื่องจากชาวบ้านหวาดกลัวและย้ายหนีออกไปจนหมด โดยชื่อเสียงของโรงเรียนแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในจิตใจของผู้คนไปอีกนานหลายปี