30 มิถุนายน 2552 08:54 น.

กล้วย

ภูวเชวง

เรื่องสั้น                                                                 กล้วย                               เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน

	
	เช้าวันนี้ เวลา 06.50 น.  เขาขับรถด้วยอาการหงุดหงิด  หน้างอเป็นเคียวเกี่ยวข้าว   หลังจากที่ถูก
เศษก้อนหินกระเด็นโดนตัวถังรถ เสียงดัง แป๊ก แป๊ก ซึ่งสาเหตุมาจากคนตัดหญ้าหันหน้าเครื่องตัดเข้าทางถนน  โดยที่ไม่สนใจรถแต่ละคันว่ามันแพงกี่แสนกี่ล้านบาท  มันคงคิดว่ามันคือผู้บัญชาการขอบถนน กทม.  เจ้าของรถ
หลายคันลดกระจกตะโกนต่อว่า  แต่ไอ้คนตัดหญ้าไม่สนโลกเอาเสียเลย   หรือว่า กทม.รับคนหูหนวกมาปฏิบัติงานนี้โดยเฉพาะด้วยเหตุผลถึงโดนด่าก็ไม่ได้ยิน    แต่ลืมคิดไปว่ารถแต่ละคันต้องถูกเคาะพ่นสีใหม่เสียค่าใช้จ่าย
มิใช่น้อยทั้งยังเกิดรอยตำหนิทำให้ราคาตกเมื่อขายต่อ    ส่วนการร้องเรียนนั่นหรืออย่าหวัง  และอย่าเสียเวลาเดินทางไปเจรจาจนเอ็นร้อยหวายอักเสพคาขั้นบันไดสำนักงานเขต  
แม่ง ! ทำรถกูเป็นรอยแผล อุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างดี     เขาสบถบ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  สักครู่หนึ่งเขา
ขับเคลื่อนเลี้ยวเข้าบริษัทฯ    
สวัสดีครับ เจ้านาย  มาแต่เช้าทุกวันเลยนะครับ  ผมดูนาฬิกาเจ็ดโมงเช้าเจ้านายก็มาถึงแล้ว  ช่างเป็นคนขยัน
และตรงต่อเวลาจริง ๆ     เขารับไหว้คำกล่าวทักทายของลุงกล้วยหอม ด้วยรอยยิ้มที่รีบเปลี่ยนจากอารมณ์โมโห
มาเมื่อครู่นี้เอง    สวัสดีลุง  แหม! ลุงก็เช่นกันขยันอยู่ยามแต่เช้าเชียว  คงผลัดเวรตั้งแต่ตีห้าล่ะสิ
ผมชินแล้วครับเจ้านาย   เช้านี้จะไม่รับกล้วยหอมสักลูกก่อนเหรอ  นี่เป็นกล้วยที่ผมไปเลือกซื้อมากับมือ
นะครับ   ไม่เป็นไรหรอก  ลุงเก็บไว้ทานเถอะ     โถ เจ้านาย ตั้งแต่ผมแขวนกล้วยไว้ที่ป้อมยามแห่งนี้
มาไม่รู้หมดไปกี่หวีแล้ว  เจ้านายยังไม่เคยชิมบ้างเลย    เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะลุง ขอบใจมาก
	ภายหลังที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาหอบแฟ้มแห่งเอกสารความเครียดขึ้นลิฟต์ทันที  เขาทรุดตัว
ลงนั่งเก้าอี้ ปรับเอนปล่อยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังคั่งค้างให้หมดไปกับกลิ่นอายกาแฟแก้วแรกของเช้าวันนี้
ขณะที่กำลังอร่อยกับรสชาติอันกลมกล่อม  เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ตื้ด ๆ ขึ้นขัดจังหวะ
สวัสดีครับ  ผมราเชนทร์กำลังพูดสาย      เฮ้ย ! เชน เมื่อวานเวลาทุ่มกว่าทำไม ยู ไม่รับสาย ไอ โทร.หายู
ไม่รู้กี่ครั้งกดจนนิ้วมือหงิก  ว่าจะให้ร่างคำกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวเสียหน่อยก็ติดต่อไม่ได้   ไอ เกือบเสียหน้า
เพราะเจ้าภาพเขาแจ้งมากะทันหัน  นี่ต้องใช้ของเก่าที่เคยกล่าวในงานอื่นมาขึ้นกล่าวเอาหน้ารอด ไม่งั้นไอ
ต้องเสียหน้ากลางงาน   ยูจำไว้นะให้หัดรับสายเสียบ้าง  การกล่าวคำเก่า ๆ ซ้ำซากมันเสียฟอร์มรู้ไหม
ครับท่าน  ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เขาขานรับด้วยอารมณ์เครียดที่กลับทวีขึ้นอีก  แล้วถือถ้วยกาแฟเดินวนเวียนไปมาเหมือนพระเดินจงกลมอยู่หลายรอบภายในห้องจนอุณหภูมิมวลรวมความสุขในถ้วยสลายรสชาติไปเสียแล้ว              ที่เขาไม่รับสายก็เพราะตั้งระบบสั่นไว้ อีกทั้งกำลังสาละวนอยู่กับการป้อนข้าวลูกสาว
 ก็เลยลืมสนใจเรื่องโทรศัพท์    เขาไสร่างลงนั่งอย่างละเหี่ยใจ ในมุมริมหน้าต่าง     มองออกไปภายนอกระเบียง   เห็นนกเขาหลงป่ามาแต่ไหนไม่รู้กำลังป้อนอาหารให้ลูกน้อย 1 ตัว  ที่ซอกอาคารหัวมุมระเบียง    ดูลูกมันยืดคอ
อ้าปากกว้างกินเพื่อให้อิ่ม อยู่เพื่อให้ชีวิตรอดท่ามกลางป่าปูนในเมืองหลวง   
	


                                                                                                                                                                          2

	ขณะอารมณ์ของเขากำลังกำซาบกับภาพภายนอกหน้าต่าง  เสียงโทรศัพท์เบอร์ของผู้บริหาร
ระดับสูงดังขึ้นอีกคำรบ   เชน  เช้านี้เวลาเก้าโมงครึ่ง ไอจะไปร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดท่านปลัด
กระทรวงฯ   ยูช่วยแต่งบทกลอนแฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ให้ดีที่สุด  และอย่าลืมต้องมีชื่อและนามสกุลของปลัดฯ  
อยู่ในวรรคกลอนนั้นด้วย  แล้วอย่าให้เหมือนใคร  ยูต้องรีบเขียนเดี๋ยวนี้เลย  สำหรับประวัติปลัดฯ มีข้อมูลแล้ว
ไม่ใช่หรือ  แต่งมาสัก 2 บท  เสร็จแล้วส่งให้ฝ่ายอาร์ตจัดทำการ์ดอวยพรโดยด่วน ย้ำทุกอย่างต้องเสร็จก่อน
เก้าโมงครึ่ง โอเค   ครับท่าน ผมจะลงมือเขียนเดี๋ยวนี้  ขอเวลาไม่เกิน 15 นาทีครับท่าน
เขารีบวางหูโทรศัพท์ แล้วเปิดแฟ้มเอกสารแห่งความเครียดค้นหาประวัติวันเกิดของบุคคลสำคัญ
หายไปไหนวะ เขาบ่นพึมพำแล้วหันไปเปิดคอมฯ ค้นหาข้อมูลท่านปลัดเพื่อให้ได้ข้อมูลพอสังเขป
นาฬิกาข้างฝาห้องเดิน ติ๊กต็อก  ติ๊กต็อก  ติ๊กต็อก คล้ายเร่งเตือนให้รีบแข่งกับเวลา  เพราะเวลาไม่เคยหยุดรอ
ลมหายใจใครทั้งนั้น  แต่เวลาจะแย่งกลืนกินลมหายใจ  ถ้าใครไม่รีบใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
เวลาผ่านไป 12 นาที เขาเขียนเสร็จและรีบส่งฝ่ายอาร์ตทันที
หากตะวันยังคงส่องแสง จะหมดแรงผิดหวังทำไม  เสียงเพลงเก็บตะวันในโทรศัพท์ที่โหลดไว้ดังขึ้น
สวัสดีครับท่าน ผมเขียนเสร็จแล้วและส่งให้ฝ่ายอาร์ตตะกี้นี่เอง
เออ!  ขอบใจมาก   เชน เมื่อกี้ ผอ.สำนักเลขาท่านประธานฯ เขาเอ่ยถึงยู  บอกว่ามีจดหมายจากกองทัพฯ  
เดี๋ยวจะให้เด็กเอาลงไปให้  วันนี้ไอต้องวิ่งหลายงาน   ตอนเย็นต้องไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ
พ่อตาท่านประธานอีก    ยูทราบแล้วใช่ไหมที่ฝ่าย พีอาร์ เขาขอให้ยูไปช่วยเป็นพิธีกรในงานพร้อมทั้งเขียน
ประวัติผู้ตายอ่านหน้าเมรุ   ยูต้องทำให้ดีที่สุด  ข่าวว่าท่านนายก และรัฐมนตรีอีกหลายท่านให้เกียรติมาร่วม
งานนี้ด้วย   แล้วอย่าลืมแต่งกลอนไว้อาลัยด้วยนะ     ครับท่าน ผมกำลังร่างประวัติผู้วายชนม์อยู่พอดี
เขาขานรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม แต่เป็นกังวลอยู่ลึก ๆ   
	หลังจากวางหู เขารีบจับปากกาปั่นนิ้วแข่งกับเวลา  ขณะอารมณ์กำลังลงล็อคกับคำไว้อาลัย
จดหมายจากกองทัพฯ ถูกส่งมาที่โต๊ะ   เขาเปิดอ่านยังไม่ทันจบถ้อย ก็รู้แล้วว่า กองทัพขอให้เขียนบท
อาศิระวาท เพื่อพิมพ์ในหนังสือวันแม่แห่งชาติและหนังสือพิมพ์หน่วยขึ้นตรงต่อกองทัพฯ  ซึ่งสมัยที่
เสธ. อู้ ยังไม่ปลดเกษียณ  เขาก็เขียนให้แทบทุกงาน เพราะเคารพนับถือกันมานาน  กับทั้งเสธ.อู้ เป็นคน
ใจกว้างและเข้าใจในวิถีชีวิตนักเขียนไทยว่าไส้แห้ง (โดยเฉพาะกวีแห้งยิ่งกว่าแห้ง)
เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง  นกเขาแม่ลูกคู่นั้นยังอยู่หรือไม่    วาบความคิดหนึ่งภาพเจ้าตัวเล็กลูกสาว
วัย 3 ขวบของเขาในชุดอนุบาล 3 ยืนเกาะหัวไหล่ขณะที่เขานั่งคุกเข่าสวมรองเท้าให้    ภาพนกเขาคู่นั้น
ยังอบอุ่นอยู่เหมือนเดิม
	ก่อนที่เขาจะหย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวโปรด เขาเหลือบมองไวท์บอร์ด  ตายล่ะกู งานร่างคำกล่าว
คำสโลแกน คำขวัญและ คำกลอนยังรอคิวอยู่อีกเพียบ ทั้งในองค์กรและนอกองค์กรที่มีทุกระดับชนชั้นที่ขอมา
กูอยากสลบไปสัก 2 วัน พอฟื้นขึ้นมาให้กลายร่างเป็นทศกัณฐ์ จะได้มีมือไม้ไว้ใช้ให้คุ้มค่ากับชีวิตที่เครียด ๆ  
เขาอุทานทั้งบ่นให้กับตัวเองที่ถูกเวลากระทุ้งชีวิตอยู่ตลอด 





                                                                                                                                                                           3
	พลบค่ำวันนั้น  เขาหอบสังขารกลับมาที่บริษัทฯ  ด้วยอาการอ่อนเพลียผสมความเครียด
ในอากัปกิริยาที่ผิดสังเกตของลุงกล้วยหอม ยามผู้ซึ่งมีอารมณ์เย็นอยู่ตลอด  
สวัสดีครับเจ้านาย  ผมนึกว่าเจ้านายจะไม่ย้อนกลับมาแล้ว  ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ   ลุงกล้วยหอม
กล่าวทักทายเหมือนเช่นปกติ  แต่ที่ลุงแปลกใจทำไมในมือเจ้านายหิ้วกล้วยหอมมาถึง 3 หวีใหญ่
ลุงผมขอนั่งด้วยได้ไหม  เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนเหนื่อย
เชิญนั่งเก้าอี้ครับเจ้านาย   เก้าอี้ตัวนี้มันเก่าไปหน่อย แต่ก็อยู่คู่กับผมมานานครับ
ลุงกล้วยหอมควักผ้าเช็ดหน้าเช็ดเก้าอี้ ด้วยเกรงว่าเจ้านายจะนั่งเปื้อนฝุ่น
ลุง ผมมีกล้วยมาฝาก นี่ผมซื้อมาจากแม่ค้าข้างวัดเทพศิรินฯ เชียวนะ  แม่ค้าเขาบอกว่าทั้งหอมและหวาน
ลุงเก็บไว้ทานนะ
ครับ ๆ  เจ้านาย    ผมว่าเจ้านายปล่อยวางไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ ยิ่งหิ้วไว้นานยิ่งหนัก
ลุงวันนี้ผมเครียดมากตั้งแต่เช้า ไม่รู้มันซวยอะไร  รถก็โดนก้อนหินกระเด็นใส่   อยู่ในออฟฟิตยังไม่ถึง
เวลาทำงานโทรศัพท์เรียกใช้ก็ตื๊ดมาแต่เช้า   ระหว่างเวลาทำงานก็ยุ่งเป็นมือลิงติดร่างแห  ผมน่ะทำงานทั้ง
เบื้องหน้าเบื้องหลัง   วันนี้ตอนเย็นไปเป็นพิธีกรร่วมกับฝ่าย พีอาร์  ก็โดนตำหนิมาอีก  แต่ที่ทำให้คนอื่น
ได้หน้ากลับไม่มีใครชื่นชม  ทำดีก็เสมอตัว  หากพลาดก็ถูกเพ่งเล็ง   เป็นคนเก่งก็หาว่าล้ำหน้า
เป็นคนกล้าก็หาว่าอวดเบ่ง   สู้ทำไปวัน ๆ พอใกล้สิ้นปีก็เขียน เจ อา ดี ให้มันสวยหรูเข้าไว้...   ดีไหมลุง 
เจ้านายครับ  ชิมกล้วยหอมก่อนดีกว่าครับ   ลุงกล้วยหอมส่งกล้วยให้เขา 2 ลูก พร้อมเผยยิ้มแบบ
คนใจเย็น    ที่ไหน ๆ  ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ  อย่างซีเคียวริตี้พวกนี้ บางคนมันก็มัก
เอาเปรียบเพื่อน  บางคนตรงต่อเวลาแต่ซื่อบื้อ บ้างก็เจ้าเล่ห์ชอบแอบหลับยาม  บางคนยิ่งซ้ำร้ายพอถูกเตือน
หลายครั้งมันก็ประชดแอบถ่ายลงลานจอดรถ เหม็นหึ่งไปหลายวัน   นี่ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดผมคิดว่า
คงเกิดปัญหามากกว่านี้     
เออ!  กล้วยหอมลุงหวานจริง ๆ   เขาเอ่ยชมขณะปอกเปลือกกล้วยลูกที่ 2
สมัยผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่สาธารณรัฐอินเดีย   ผมลำบากและเครียดกว่านี้ครับเจ้านาย
ลุง ๆ ตะกี้ลุงพูดอะไรนะ  ลุงบอกว่าเคยเรียนอยู่อินเดีย  แล้วทำไมมาเป็นยาม
เรื่องมันยาวครับเจ้านาย   คือว่าถ้าใครไม่ถาม   ผมจะไม่บอกว่าเรียนจบปริญญาโท 
สาขา  ฟิโลโซฟี  แอนด์ ไซคอล ละจิ   ผมไปเรียนขณะยังบวชอยู่  การใช้ชีวิตที่นั่นถ้าเทียบกับบ้านเรา
ก็ลองย้อนไปที่ศรีสะเกษ เมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างไรก็อย่างนั้น  ผมลงมือทำเองหากินเองทุกอย่าง
เงินทองก็จำกัดจำเขี่ย   ป่วยไข้แต่ละทีแทบเอาชีวิตไม่รอด  อย่าหวังว่าจะมีสวัสดิการให้นอนใน
โรงพยาบาลที่มีห้องแอร์เย็นฉ่ำเหมือนบ้านเรา  ถ้าตายก็เผากันง่าย ๆ ริมแม่น้ำ   เมื่อเรียนจบแล้ว
ผมกลับมาเมืองไทยสักพักจึงลาสิกขาไปสมัครงานที่ไหนมันก็แก่เกินวัย เขาจึงไม่รับอีกอย่างรูปลักษณ์ของผม
ก็ตัวเตี้ยจมูกบี้ผิวดำ  สรุปว่าเป็นยามน่ะดีแล้ว  พอสิ้นเสียงลุงกล้วยหอมอารัมภบทชีวิต เขาขยับเก้าอี้เข้าใกล้
ด้วยความสนใจใคร่รู้ในวิชั่นใหม่ ๆ อีก      
	





                                                                                                                                                                               4
	คนเราถ้ารักและตระหนักในสิ่งที่ตนทำ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็สำเร็จได้ทั้งนั้น  สิ่งสำคัญ
อยู่ที่ใจว่าหนักแน่นหรือเปล่ากับสิ่งต่าง ๆ ที่โคจรมากระทบหรือกระทุ้งกระแทกกระทั้นกับชีวิตและ
หน้าที่ของเรา   ผมไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง  แต่ผมกลับภูมิใจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ทั้งวัน
ลุง ๆ   การนั่งในตำแหน่งเดิมนาน ๆ จะทำให้เป็นริดสีดวงทวารไม่ใช่หรือ เขาขัดจังหวะขึ้นคั่นเวลา
ขณะที่ลุงนั่งกับพื้นเล่าเรื่อง   เจ้านายครับ ไม่เห็นยากเลย  ก็อย่างลุงนี่ไง นั่งเก้าอี้ตัวสูงแล้วเปลี่ยนอิริยาบถ
นั่งต่ำให้ติดดินบ้าง  เท่านี้ก็ได้ความแตกต่าง  และมองเห็นขาเก้าอี้ที่มันขึ้นสนิมได้ชัดขึ้น 
ส่วนความรู้คือสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต  แต่ความจริงคือสิ่งที่จิตใจเราต้องกระจ่างกับมัน  
มิเช่นนั้นความมืดจะเข้ามาครอบงำให้หงุดหงิด  และง่ายต่อการกระทบกระทั่ง ทั้งไม่รู้จักยอมหรือปล่อยวาง
เจ้านายจำได้ไหม  เมื่อสักครู่ที่เจ้านายหิ้วกล้วยมาฝาก   แล้วผมบอกว่า ปล่อยวางไว้ตรงนั้นเถอะ
ยิ่งถือไว้นานยิ่งหนัก  นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังสื่อถึงเจ้านาย เพราะผมสังเกตเห็นเปลือกนอกที่ไม่สู้ดีมา
ตั้งแต่เช้าแล้ว   ลุงกล้วยหอมทิ้งคำพูดประโยคสุดท้าย  พลันปอกเปลือกกล้วยออกง่ายนิดเดียว       
	หลังจากที่สนทนากับลุงกล้วยหอม  นามสกุลแสนดี    พลบค่ำวันนั้นเขาขับรถกลับบ้าน
ด้วยอารมณ์ที่ปลดปล่อย  ไม่มีคนตัดหญ้าบนขอบถนนข้างสวนจิตรลดา (เขาคิดถ้ามีก็ช่างมัน)  ไม่มีเสียง
โทรศัพท์รบกวน  เขาคิดถ้ามีก็ถือว่าเป็นการได้รับเกียรติที่มีผู้บริหารระดับสูงตลอดจนคนอีกหลายระดับ
หลายองค์กรเห็นความสำคัญของเขา
	รถของเขามาจากเงินเดือนที่ได้จากองค์กร  เจ้าตัวเล็กได้เรียนอนุบาลชั้นแนวหน้า
มาจากเงินเดือนของเขา   เก้าอี้ในตำแหน่งของเขานั่งนุ่มและสามารถปรับเอนให้นั่งเขียนอะไรต่อมิอะไร
ได้อย่างเฉียบคม  มาจากความเมตตาของผู้บริหารระดับสูงที่มอบให้
หากตะวันยังคงส่องแสง จะหมดแรงผิดหวังทำไม  เสียงเพลงเก็บตะวันในโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เขา
ขับรถถึงหน้าบ้านพอดี
สวัสดีครับท่าน
เฮ้ย!  ราเชนทร์ ยินดีด้วยนะ  เขาออกอาการตื่นเต้นและประหลาดใจ ในคำทักทายของผู้บริหารฯ
ท่านประธานฯ  ชื่นชมคุณ  ท่านบอกว่าคุณเขียนประวัติผู้วายชนม์ดีมาก  ทั้งอ่านก็ฉะฉานชัดถ้อย
ชัดคำ  และที่น่าภูมิใจท่านนายก  รวมทั้งรัฐมนตรีอีกหลายท่านได้ให้เกียรติร่วมในพิธีและฟังคุณกล่าวด้วย
 ไอมีของดีจากท่านประธานเป็นของขวัญให้ยูได้เซอร์ไพรส์
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง    แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ
	พรุ่งนี้เช้า...  เขาจะไปทำงานเป็นปกติ  ขับรถอย่างปกติ ควบคุมอารมณ์ต่อสิ่งกระทบระหว่าง
ทางด้วยอาการปกติ   แวะทักทายลุงกล้วยหอมให้เป็นปกติ     และเขาจะทานกล้วยหอมของลุงไปอีกตราบเท่าที่
ลุงยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้นอย่างเป็นปกติวิสัยแห่งความสุขของลุง

E-mail :     pphoovadol@yahoo.com				
30 มิถุนายน 2552 08:47 น.

"กล้วย"

ภูวเชวง

เรื่องสั้น                                                                 กล้วย                               เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน

	
	เช้าวันนี้ เวลา 06.50 น.  เขาขับรถด้วยอาการหงุดหงิด  หน้างอเป็นเคียวเกี่ยวข้าว   หลังจากที่ถูก
เศษก้อนหินกระเด็นโดนตัวถังรถ เสียงดัง แป๊ก แป๊ก ซึ่งสาเหตุมาจากคนตัดหญ้าหันหน้าเครื่องตัดเข้าทางถนน  โดยที่ไม่สนใจรถแต่ละคันว่ามันแพงกี่แสนกี่ล้านบาท  มันคงคิดว่ามันคือผู้บัญชาการขอบถนน กทม.  เจ้าของรถ
หลายคันลดกระจกตะโกนต่อว่า  แต่ไอ้คนตัดหญ้าไม่สนโลกเอาเสียเลย   หรือว่า กทม.รับคนหูหนวกมาปฏิบัติงานนี้โดยเฉพาะด้วยเหตุผลถึงโดนด่าก็ไม่ได้ยิน    แต่ลืมคิดไปว่ารถแต่ละคันต้องถูกเคาะพ่นสีใหม่เสียค่าใช้จ่าย
มิใช่น้อยทั้งยังเกิดรอยตำหนิทำให้ราคาตกเมื่อขายต่อ    ส่วนการร้องเรียนนั่นหรืออย่าหวัง  และอย่าเสียเวลาเดินทางไปเจรจาจนเอ็นร้อยหวายอักเสพคาขั้นบันไดสำนักงานเขต  
แม่ง ! ทำรถกูเป็นรอยแผล อุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างดี     เขาสบถบ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  สักครู่หนึ่งเขา
ขับเคลื่อนเลี้ยวเข้าบริษัทฯ    
สวัสดีครับ เจ้านาย  มาแต่เช้าทุกวันเลยนะครับ  ผมดูนาฬิกาเจ็ดโมงเช้าเจ้านายก็มาถึงแล้ว  ช่างเป็นคนขยัน
และตรงต่อเวลาจริง ๆ     เขารับไหว้คำกล่าวทักทายของลุงกล้วยหอม ด้วยรอยยิ้มที่รีบเปลี่ยนจากอารมณ์โมโห
มาเมื่อครู่นี้เอง    สวัสดีลุง  แหม! ลุงก็เช่นกันขยันอยู่ยามแต่เช้าเชียว  คงผลัดเวรตั้งแต่ตีห้าล่ะสิ
ผมชินแล้วครับเจ้านาย   เช้านี้จะไม่รับกล้วยหอมสักลูกก่อนเหรอ  นี่เป็นกล้วยที่ผมไปเลือกซื้อมากับมือ
นะครับ   ไม่เป็นไรหรอก  ลุงเก็บไว้ทานเถอะ     โถ เจ้านาย ตั้งแต่ผมแขวนกล้วยไว้ที่ป้อมยามแห่งนี้
มาไม่รู้หมดไปกี่หวีแล้ว  เจ้านายยังไม่เคยชิมบ้างเลย    เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะลุง ขอบใจมาก
	ภายหลังที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาหอบแฟ้มแห่งเอกสารความเครียดขึ้นลิฟต์ทันที  เขาทรุดตัว
ลงนั่งเก้าอี้ ปรับเอนปล่อยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังคั่งค้างให้หมดไปกับกลิ่นอายกาแฟแก้วแรกของเช้าวันนี้
ขณะที่กำลังอร่อยกับรสชาติอันกลมกล่อม  เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ตื้ด ๆ ขึ้นขัดจังหวะ
สวัสดีครับ  ผมราเชนทร์กำลังพูดสาย      เฮ้ย ! เชน เมื่อวานเวลาทุ่มกว่าทำไม ยู ไม่รับสาย ไอ โทร.หายู
ไม่รู้กี่ครั้งกดจนนิ้วมือหงิก  ว่าจะให้ร่างคำกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวเสียหน่อยก็ติดต่อไม่ได้   ไอ เกือบเสียหน้า
เพราะเจ้าภาพเขาแจ้งมากะทันหัน  นี่ต้องใช้ของเก่าที่เคยกล่าวในงานอื่นมาขึ้นกล่าวเอาหน้ารอด ไม่งั้นไอ
ต้องเสียหน้ากลางงาน   ยูจำไว้นะให้หัดรับสายเสียบ้าง  การกล่าวคำเก่า ๆ ซ้ำซากมันเสียฟอร์มรู้ไหม
ครับท่าน  ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เขาขานรับด้วยอารมณ์เครียดที่กลับทวีขึ้นอีก  แล้วถือถ้วยกาแฟเดินวนเวียนไปมาเหมือนพระเดินจงกลมอยู่หลายรอบภายในห้องจนอุณหภูมิมวลรวมความสุขในถ้วยสลายรสชาติไปเสียแล้ว              ที่เขาไม่รับสายก็เพราะตั้งระบบสั่นไว้ อีกทั้งกำลังสาละวนอยู่กับการป้อนข้าวลูกสาว
 ก็เลยลืมสนใจเรื่องโทรศัพท์    เขาไสร่างลงนั่งอย่างละเหี่ยใจ ในมุมริมหน้าต่าง     มองออกไปภายนอกระเบียง   เห็นนกเขาหลงป่ามาแต่ไหนไม่รู้กำลังป้อนอาหารให้ลูกน้อย 1 ตัว  ที่ซอกอาคารหัวมุมระเบียง    ดูลูกมันยืดคอ
อ้าปากกว้างกินเพื่อให้อิ่ม อยู่เพื่อให้ชีวิตรอดท่ามกลางป่าปูนในเมืองหลวง   
	


                                                                                                                                                                          2

	ขณะอารมณ์ของเขากำลังกำซาบกับภาพภายนอกหน้าต่าง  เสียงโทรศัพท์เบอร์ของผู้บริหาร
ระดับสูงดังขึ้นอีกคำรบ   เชน  เช้านี้เวลาเก้าโมงครึ่ง ไอจะไปร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดท่านปลัด
กระทรวงฯ   ยูช่วยแต่งบทกลอนแฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ให้ดีที่สุด  และอย่าลืมต้องมีชื่อและนามสกุลของปลัดฯ  
อยู่ในวรรคกลอนนั้นด้วย  แล้วอย่าให้เหมือนใคร  ยูต้องรีบเขียนเดี๋ยวนี้เลย  สำหรับประวัติปลัดฯ มีข้อมูลแล้ว
ไม่ใช่หรือ  แต่งมาสัก 2 บท  เสร็จแล้วส่งให้ฝ่ายอาร์ตจัดทำการ์ดอวยพรโดยด่วน ย้ำทุกอย่างต้องเสร็จก่อน
เก้าโมงครึ่ง โอเค   ครับท่าน ผมจะลงมือเขียนเดี๋ยวนี้  ขอเวลาไม่เกิน 15 นาทีครับท่าน
เขารีบวางหูโทรศัพท์ แล้วเปิดแฟ้มเอกสารแห่งความเครียดค้นหาประวัติวันเกิดของบุคคลสำคัญ
หายไปไหนวะ เขาบ่นพึมพำแล้วหันไปเปิดคอมฯ ค้นหาข้อมูลท่านปลัดเพื่อให้ได้ข้อมูลพอสังเขป
นาฬิกาข้างฝาห้องเดิน ติ๊กต็อก  ติ๊กต็อก  ติ๊กต็อก คล้ายเร่งเตือนให้รีบแข่งกับเวลา  เพราะเวลาไม่เคยหยุดรอ
ลมหายใจใครทั้งนั้น  แต่เวลาจะแย่งกลืนกินลมหายใจ  ถ้าใครไม่รีบใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
เวลาผ่านไป 12 นาที เขาเขียนเสร็จและรีบส่งฝ่ายอาร์ตทันที
หากตะวันยังคงส่องแสง จะหมดแรงผิดหวังทำไม  เสียงเพลงเก็บตะวันในโทรศัพท์ที่โหลดไว้ดังขึ้น
สวัสดีครับท่าน ผมเขียนเสร็จแล้วและส่งให้ฝ่ายอาร์ตตะกี้นี่เอง
เออ!  ขอบใจมาก   เชน เมื่อกี้ ผอ.สำนักเลขาท่านประธานฯ เขาเอ่ยถึงยู  บอกว่ามีจดหมายจากกองทัพฯ  
เดี๋ยวจะให้เด็กเอาลงไปให้  วันนี้ไอต้องวิ่งหลายงาน   ตอนเย็นต้องไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ
พ่อตาท่านประธานอีก    ยูทราบแล้วใช่ไหมที่ฝ่าย พีอาร์ เขาขอให้ยูไปช่วยเป็นพิธีกรในงานพร้อมทั้งเขียน
ประวัติผู้ตายอ่านหน้าเมรุ   ยูต้องทำให้ดีที่สุด  ข่าวว่าท่านนายก และรัฐมนตรีอีกหลายท่านให้เกียรติมาร่วม
งานนี้ด้วย   แล้วอย่าลืมแต่งกลอนไว้อาลัยด้วยนะ     ครับท่าน ผมกำลังร่างประวัติผู้วายชนม์อยู่พอดี
เขาขานรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม แต่เป็นกังวลอยู่ลึก ๆ   
	หลังจากวางหู เขารีบจับปากกาปั่นนิ้วแข่งกับเวลา  ขณะอารมณ์กำลังลงล็อคกับคำไว้อาลัย
จดหมายจากกองทัพฯ ถูกส่งมาที่โต๊ะ   เขาเปิดอ่านยังไม่ทันจบถ้อย ก็รู้แล้วว่า กองทัพขอให้เขียนบท
อาศิระวาท เพื่อพิมพ์ในหนังสือวันแม่แห่งชาติและหนังสือพิมพ์หน่วยขึ้นตรงต่อกองทัพฯ  ซึ่งสมัยที่
เสธ. อู้ ยังไม่ปลดเกษียณ  เขาก็เขียนให้แทบทุกงาน เพราะเคารพนับถือกันมานาน  กับทั้งเสธ.อู้ เป็นคน
ใจกว้างและเข้าใจในวิถีชีวิตนักเขียนไทยว่าไส้แห้ง (โดยเฉพาะกวีแห้งยิ่งกว่าแห้ง)
เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง  นกเขาแม่ลูกคู่นั้นยังอยู่หรือไม่    วาบความคิดหนึ่งภาพเจ้าตัวเล็กลูกสาว
วัย 3 ขวบของเขาในชุดอนุบาล 3 ยืนเกาะหัวไหล่ขณะที่เขานั่งคุกเข่าสวมรองเท้าให้    ภาพนกเขาคู่นั้น
ยังอบอุ่นอยู่เหมือนเดิม
	ก่อนที่เขาจะหย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวโปรด เขาเหลือบมองไวท์บอร์ด  ตายล่ะกู งานร่างคำกล่าว
คำสโลแกน คำขวัญและ คำกลอนยังรอคิวอยู่อีกเพียบ ทั้งในองค์กรและนอกองค์กรที่มีทุกระดับชนชั้นที่ขอมา
กูอยากสลบไปสัก 2 วัน พอฟื้นขึ้นมาให้กลายร่างเป็นทศกัณฐ์ จะได้มีมือไม้ไว้ใช้ให้คุ้มค่ากับชีวิตที่เครียด ๆ  
เขาอุทานทั้งบ่นให้กับตัวเองที่ถูกเวลากระทุ้งชีวิตอยู่ตลอด 





                                                                                                                                                                           3
	พลบค่ำวันนั้น  เขาหอบสังขารกลับมาที่บริษัทฯ  ด้วยอาการอ่อนเพลียผสมความเครียด
ในอากัปกิริยาที่ผิดสังเกตของลุงกล้วยหอม ยามผู้ซึ่งมีอารมณ์เย็นอยู่ตลอด  
สวัสดีครับเจ้านาย  ผมนึกว่าเจ้านายจะไม่ย้อนกลับมาแล้ว  ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ   ลุงกล้วยหอม
กล่าวทักทายเหมือนเช่นปกติ  แต่ที่ลุงแปลกใจทำไมในมือเจ้านายหิ้วกล้วยหอมมาถึง 3 หวีใหญ่
ลุงผมขอนั่งด้วยได้ไหม  เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนเหนื่อย
เชิญนั่งเก้าอี้ครับเจ้านาย   เก้าอี้ตัวนี้มันเก่าไปหน่อย แต่ก็อยู่คู่กับผมมานานครับ
ลุงกล้วยหอมควักผ้าเช็ดหน้าเช็ดเก้าอี้ ด้วยเกรงว่าเจ้านายจะนั่งเปื้อนฝุ่น
ลุง ผมมีกล้วยมาฝาก นี่ผมซื้อมาจากแม่ค้าข้างวัดเทพศิรินฯ เชียวนะ  แม่ค้าเขาบอกว่าทั้งหอมและหวาน
ลุงเก็บไว้ทานนะ
ครับ ๆ  เจ้านาย    ผมว่าเจ้านายปล่อยวางไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ ยิ่งหิ้วไว้นานยิ่งหนัก
ลุงวันนี้ผมเครียดมากตั้งแต่เช้า ไม่รู้มันซวยอะไร  รถก็โดนก้อนหินกระเด็นใส่   อยู่ในออฟฟิตยังไม่ถึง
เวลาทำงานโทรศัพท์เรียกใช้ก็ตื๊ดมาแต่เช้า   ระหว่างเวลาทำงานก็ยุ่งเป็นมือลิงติดร่างแห  ผมน่ะทำงานทั้ง
เบื้องหน้าเบื้องหลัง   วันนี้ตอนเย็นไปเป็นพิธีกรร่วมกับฝ่าย พีอาร์  ก็โดนตำหนิมาอีก  แต่ที่ทำให้คนอื่น
ได้หน้ากลับไม่มีใครชื่นชม  ทำดีก็เสมอตัว  หากพลาดก็ถูกเพ่งเล็ง   เป็นคนเก่งก็หาว่าล้ำหน้า
เป็นคนกล้าก็หาว่าอวดเบ่ง   สู้ทำไปวัน ๆ พอใกล้สิ้นปีก็เขียน เจ อา ดี ให้มันสวยหรูเข้าไว้...   ดีไหมลุง 
เจ้านายครับ  ชิมกล้วยหอมก่อนดีกว่าครับ   ลุงกล้วยหอมส่งกล้วยให้เขา 2 ลูก พร้อมเผยยิ้มแบบ
คนใจเย็น    ที่ไหน ๆ  ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ  อย่างซีเคียวริตี้พวกนี้ บางคนมันก็มัก
เอาเปรียบเพื่อน  บางคนตรงต่อเวลาแต่ซื่อบื้อ บ้างก็เจ้าเล่ห์ชอบแอบหลับยาม  บางคนยิ่งซ้ำร้ายพอถูกเตือน
หลายครั้งมันก็ประชดแอบถ่ายลงลานจอดรถ เหม็นหึ่งไปหลายวัน   นี่ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดผมคิดว่า
คงเกิดปัญหามากกว่านี้     
เออ!  กล้วยหอมลุงหวานจริง ๆ   เขาเอ่ยชมขณะปอกเปลือกกล้วยลูกที่ 2
สมัยผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่สาธารณรัฐอินเดีย   ผมลำบากและเครียดกว่านี้ครับเจ้านาย
ลุง ๆ ตะกี้ลุงพูดอะไรนะ  ลุงบอกว่าเคยเรียนอยู่อินเดีย  แล้วทำไมมาเป็นยาม
เรื่องมันยาวครับเจ้านาย   คือว่าถ้าใครไม่ถาม   ผมจะไม่บอกว่าเรียนจบปริญญาโท 
สาขา  ฟิโลโซฟี  แอนด์ ไซคอล ละจิ   ผมไปเรียนขณะยังบวชอยู่  การใช้ชีวิตที่นั่นถ้าเทียบกับบ้านเรา
ก็ลองย้อนไปที่ศรีสะเกษ เมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างไรก็อย่างนั้น  ผมลงมือทำเองหากินเองทุกอย่าง
เงินทองก็จำกัดจำเขี่ย   ป่วยไข้แต่ละทีแทบเอาชีวิตไม่รอด  อย่าหวังว่าจะมีสวัสดิการให้นอนใน
โรงพยาบาลที่มีห้องแอร์เย็นฉ่ำเหมือนบ้านเรา  ถ้าตายก็เผากันง่าย ๆ ริมแม่น้ำ   เมื่อเรียนจบแล้ว
ผมกลับมาเมืองไทยสักพักจึงลาสิกขาไปสมัครงานที่ไหนมันก็แก่เกินวัย เขาจึงไม่รับอีกอย่างรูปลักษณ์ของผม
ก็ตัวเตี้ยจมูกบี้ผิวดำ  สรุปว่าเป็นยามน่ะดีแล้ว  พอสิ้นเสียงลุงกล้วยหอมอารัมภบทชีวิต เขาขยับเก้าอี้เข้าใกล้
ด้วยความสนใจใคร่รู้ในวิชั่นใหม่ ๆ อีก      
	





                                                                                                                                                                               4
	คนเราถ้ารักและตระหนักในสิ่งที่ตนทำ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็สำเร็จได้ทั้งนั้น  สิ่งสำคัญ
อยู่ที่ใจว่าหนักแน่นหรือเปล่ากับสิ่งต่าง ๆ ที่โคจรมากระทบหรือกระทุ้งกระแทกกระทั้นกับชีวิตและ
หน้าที่ของเรา   ผมไม่เคยน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง  แต่ผมกลับภูมิใจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ทั้งวัน
ลุง ๆ   การนั่งในตำแหน่งเดิมนาน ๆ จะทำให้เป็นริดสีดวงทวารไม่ใช่หรือ เขาขัดจังหวะขึ้นคั่นเวลา
ขณะที่ลุงนั่งกับพื้นเล่าเรื่อง   เจ้านายครับ ไม่เห็นยากเลย  ก็อย่างลุงนี่ไง นั่งเก้าอี้ตัวสูงแล้วเปลี่ยนอิริยาบถ
นั่งต่ำให้ติดดินบ้าง  เท่านี้ก็ได้ความแตกต่าง  และมองเห็นขาเก้าอี้ที่มันขึ้นสนิมได้ชัดขึ้น 
ส่วนความรู้คือสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต  แต่ความจริงคือสิ่งที่จิตใจเราต้องกระจ่างกับมัน  
มิเช่นนั้นความมืดจะเข้ามาครอบงำให้หงุดหงิด  และง่ายต่อการกระทบกระทั่ง ทั้งไม่รู้จักยอมหรือปล่อยวาง
เจ้านายจำได้ไหม  เมื่อสักครู่ที่เจ้านายหิ้วกล้วยมาฝาก   แล้วผมบอกว่า ปล่อยวางไว้ตรงนั้นเถอะ
ยิ่งถือไว้นานยิ่งหนัก  นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังสื่อถึงเจ้านาย เพราะผมสังเกตเห็นเปลือกนอกที่ไม่สู้ดีมา
ตั้งแต่เช้าแล้ว   ลุงกล้วยหอมทิ้งคำพูดประโยคสุดท้าย  พลันปอกเปลือกกล้วยออกง่ายนิดเดียว       
	หลังจากที่สนทนากับลุงกล้วยหอม  นามสกุลแสนดี    พลบค่ำวันนั้นเขาขับรถกลับบ้าน
ด้วยอารมณ์ที่ปลดปล่อย  ไม่มีคนตัดหญ้าบนขอบถนนข้างสวนจิตรลดา (เขาคิดถ้ามีก็ช่างมัน)  ไม่มีเสียง
โทรศัพท์รบกวน  เขาคิดถ้ามีก็ถือว่าเป็นการได้รับเกียรติที่มีผู้บริหารระดับสูงตลอดจนคนอีกหลายระดับ
หลายองค์กรเห็นความสำคัญของเขา
	รถของเขามาจากเงินเดือนที่ได้จากองค์กร  เจ้าตัวเล็กได้เรียนอนุบาลชั้นแนวหน้า
มาจากเงินเดือนของเขา   เก้าอี้ในตำแหน่งของเขานั่งนุ่มและสามารถปรับเอนให้นั่งเขียนอะไรต่อมิอะไร
ได้อย่างเฉียบคม  มาจากความเมตตาของผู้บริหารระดับสูงที่มอบให้
หากตะวันยังคงส่องแสง จะหมดแรงผิดหวังทำไม  เสียงเพลงเก็บตะวันในโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เขา
ขับรถถึงหน้าบ้านพอดี
สวัสดีครับท่าน
เฮ้ย!  ราเชนทร์ ยินดีด้วยนะ  เขาออกอาการตื่นเต้นและประหลาดใจ ในคำทักทายของผู้บริหารฯ
ท่านประธานฯ  ชื่นชมคุณ  ท่านบอกว่าคุณเขียนประวัติผู้วายชนม์ดีมาก  ทั้งอ่านก็ฉะฉานชัดถ้อย
ชัดคำ  และที่น่าภูมิใจท่านนายก  รวมทั้งรัฐมนตรีอีกหลายท่านได้ให้เกียรติร่วมในพิธีและฟังคุณกล่าวด้วย
 ไอมีของดีจากท่านประธานเป็นของขวัญให้ยูได้เซอร์ไพรส์
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง    แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ
	พรุ่งนี้เช้า...  เขาจะไปทำงานเป็นปกติ  ขับรถอย่างปกติ ควบคุมอารมณ์ต่อสิ่งกระทบระหว่าง
ทางด้วยอาการปกติ   แวะทักทายลุงกล้วยหอมให้เป็นปกติ     และเขาจะทานกล้วยหอมของลุงไปอีกตราบเท่าที่
ลุงยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้นอย่างเป็นปกติวิสัยแห่งความสุขของลุง

E-mail :     pphoovadol@yahoo.com				
29 มิถุนายน 2552 17:11 น.

ผีตัวเป็น ๆ

ภูวเชวง

เรื่องสั้น เขียนโดย  ภูวดล  ภูภัทรโยธิน        E-mail:    pphoovadol@yahoo.com
                                                            ผีตัวเป็น ๆ 
	น้ำเนื้อในศพแตกกระทบเปลวเพลิงปลายท่อแก๊สที่พวยพุ่งเสียงดัง ตุ๊บ ตั๊บ ตุ๊บ ตั๊บ ให้ตื่นเต้น
สัปเหร่อรูปร่างผอมสูงในชุดซาฟารี  ผิวดำแดง จมูกบี้คล้ายอึ่งอ่างถูกมอเตอร์ไซค์ทับแบน       เขาลากไม้  เขี่ยผีที่ทำด้วยเหล็กท่อแป๊ปขนาด 8 หุน ความยาว 5 เมตร มีคราบน้ำเหลืองระดะโดยรอบอันบ่งบอกได้ว่า
ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน  ซึ่งกำลังเลือกแทงส่วนท้องและทรวงอก   เพราะ 2 จุดนี้เผาไหม้ช้ากว่าส่วนอื่นของซาก     พอแล้ว ๆ อย่าแทงแรงเดี๋ยวศพเจ็บ
ท่านมหาก็มีมุกตลกด้วยหรือนี่  สัปเหร่อสมชายเปรยคำพูดระคนเสียงหัวเราะ   ทั้งที่มือยังกำไม้เขี่ยผีอยู่
เฮ้ย !  ก่อนเผาเอ็งเปิดฝาโลงตรวจดูหรือยัง  บางศพเจ้าภาพชอบเอาตุ๊กตาพลาสติกและของใช้ใส่ในโลง   
บางชิ้นก็เป็นอะลูมิเนียม  เผายาก  กินแก๊สเกิน 2 ถังใหญ่กว่าจะหมด    กทม.เขามีคำเตือนมา เราต้องคำนึง
ถึงเรื่องพอลลูชั่นด้วย  ตกลงเอ็งตรวจแล้วใช่ไหม    สมชายพยักหน้าแล้วเอี้ยวตัวไปกดปุ่มปรับอุณหภูมิ
ความร้อนพลังแก๊สให้ได้ระดับองศา โดยตั้งหัวฉีดเผาผีสูงสุด 800 องศา  หัวฉีดเผามลพิษควันดำ 900 องศา
ทันทีที่ปรับปุ่มเผาเสร็จ   เขาหย่อนก้นนั่งอ่านสมุดบันทึกที่เก็บได้ในโลง  ด้วยความตื่นคิดและติดใจความ
	ใต้แผ่นอก...ก้อนเนื้อก้อนหนึ่งเท่าดอกบัวตูม เต้น ตึ่ก ตัก ตึ่ก ตัก ๆ  มิรู้หยุด  โดยได้รับมาจาก
ผู้บริจาค  ซึ่งเวลานี้คงไปอยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว   ทั้งที่เขากับฉันไม่เคยรู้จักกันเลย  และไม่เคยทวงบุญคุณ
ว่าได้ฝังอยู่ใต้แผ่นอกของใคร    ช่างเป็นปรากฏการณ์อภิมหาอนันตคุณต่อการได้ครอบครองยิ่งนัก
จังหวะของการเต้นแม้จะผิดแผกไปจากคนปกติอยู่บ้าง  ซึ่งอัตราชีพจรของคนปกติเฉลี่ย 72-78 ครั้งต่อนาที
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุวัยและประสิทธิภาพ)    ไม่เพียงแต่เต้นเพื่อสูบฉีดโลหิตให้หมุนเวียนหล่อเลี้ยงร่างกาย
แต่ฉันคิดว่า  เต้นเพื่อเสริมสร้างประดิษฐกรรมชีวิต ให้เคลื่อนไหวในโลกแห่งประดิษฐกาลเวลา  หรือเต้น
เพื่อสืบสายเผ่าพันธุกรรมมนุษย์  ที่อวตารอะตอมจักรวาลใดปรุงแต่งให้เป็นโลกแห่งดาวเคราะห์  ก็มิเกิน
กว่าที่ก้อนเนื้ออีกหลาย ๆ ก้อน จะเต้นตามหาคำตอบ    13 ปีแล้วสิ ที่สิงสถิตอยู่ในตัวฉัน คือก้อนเนื้อที่ยัง
มีคุณภาพในองคาพยพนี้
	ไม่รู้สิ  บางครั้งฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า   ฉันคือผีมีชีวิตที่สัมผัสได้  ผีที่คนในครอบครัวรัก
ห่วงใย  ผีที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับ  ผีที่ยืน  เดิน นั่ง  นอน  ดื่ม  ทำ  พูด  คิด และรับรู้เรื่องราวของกิจกรรม
กิน  กาม  เกียรติ  ทุกข์  สุข  ได้ทุกเมื่ออย่างเป็นรูปธรรมเหมือนบุคคลทั่วไป   และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
คือคนใกล้ชิด ไม่มีใครรังเกียจ หรือกลัวโครงร่างของผีมีชีวิตนี้เลย    โดยเฉพาะน้องแตมลูกสาวสุดที่รัก
ของฉัน  มักมานอนหนุนตัก  เอียงหูเข้าแนบสนิทหน้าอก เพื่อฟังจังหวะบรรเลงแห่งการเต้นของก้อนเนื้อ
ซึ่งฉันไม่เคยปริปากถามเธอ แม้สักครั้งเดียวว่าเนื้อหาของเสียงเต้นเป็นอย่างไรบ้าง   แต่ทุกครั้งที่สาวน้อย
เข้ามานอนแนบเนื้อหน้าอก  ดูเธอมีความสุขและอบอุ่นอย่างไม่รู้อิ่ม          หลังจากที่อุ้มเธอไปวางบนที่
นอนแล้ว  ฉันไม่ลืมที่จะก้มลงหอมแก้มอันเนียนนุ่มเบา ๆ   หลับฝันดีนะลูก
	



                                                                                                                                                              2

	เสียงแตกดัง  ตุ๊บ  ตั๊บ  ตุ๊บ  ตุ๊บ  ในเตาเผา  สมชายตกใจ รีบเปิดประตูเผาผี  เออ ! โล่งอก
ไปที  นึกว่าจะหลอกกูเข้าแล้ว   ที่แท้ก็นอนงอกุ้งอยู่เหมือนเดิม  อย่าห่วงเบื้องหลังเลย ไปสู่ที่ชอบ ๆ เถิด
เขาโพล่งพูดออกไป ก่อนจะซิทดาวน์ที่เก้าอี้  แล้วไล้สายตาเลาะเล็มระหว่างบรรทัดต่อไป ด้วยหัวใจระทึก
	บางโอกาสฉันไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ  ช่างสงสารเจ้าภาพเสียเหลือเกิน ที่สูญเสียบุคคล
อันเป็นที่รัก   บ้างบางคนก็อายุยังน้อยน่าจะอยู่ในโลกได้อีกยาวนาน   บางคนยังมีภารกิจพันธนาการ
ที่ต้องรับผิดชอบดูแล  แต่ต้องมาด่วนจากไป  ชีวิตช่างเอาอะไรแน่นอนไม่ได้จริง ๆ   
ฉันเคยได้ยินพิธีกรกล่าวไว้อาลัยผู้วายชนม์  โดยเปรียบชีวิตเสมือนรถยนต์  มีมือและเท้า 2 ข้าง
เปรียบเป็นล้อรถ   และรถคนนี้เป็นรถสปอร์ตตกแต่งพิเศษ  มีประตูเปิด-ปิด 9 ประตู  ซึ่งประกอบด้วย 
ดวงตา  หู  จมูก  ปาก  ทวารหนัก  ทวารเบา             สรีระยนต์คันนี้แล่นไปจากจุดสตาร์ทคือการเกิด  
ในบางช่วงของชีวิตที่แล่นไป  อาจมีอุปสรรคน้อยใหญ่ตามความแตกต่างของการดำเนินชีวิต   และแน่นอน
เมื่อรถถูกใช้มากวันมากเวลารถก็ยิ่งสึกหรอ  ซึ่งต้องได้รับการซ่อมแซม   หากมีอาการน้อยก็พอซ่อมได้
หาอะไหล่เปลี่ยนได้  แต่ถ้ามีอาการมาก  แม้ว่ามีช่างผู้เชี่ยวชาญเพียงใด  ก็ไม่สามารถที่จะซ่อมได้  จนใน
ที่สุดสรีระยนต์ย่อมถึงกาลอวสาน  ที่ต้องจอดสนิท  ณ  ป้ายสุดท้ายคือความตาย     อย่างไรก็ตาม
สรีระยนต์ชีวิตยังมีป้ายทะเบียนแห่งชื่อและนามสกุล  รวมทั้งคุณความดี  ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในโลกใบนี้
ไปอีกนานแสนนาน
	ภายใต้แผ่นอก...ก้อนเนื้อเท่าดอกบัวตูมยังเต้นอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเติมเต็มชีวิต  และหยอกล้อ
วงเล็บแห่งกาลเวลาไปอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ สำหรับชีวิตฉัน...วันพรุ่งนี้ครอบครัวของเราจะเดินทางไป
เที่ยวประเพณีสงกรานต์ที่จังหวัดน่าน  ซึ่งเป็นถิ่นมาตุภูมิของคุณฆ้อง พ่อของน้องแตม  เธอบ่นมานาน
แล้วว่า     ถ้าครอบครัวเรามีรถสักคัน  อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่พาไปกราบเท้าคุณย่า   ซึ่งคงสมใจ
ปรารถนา   เพราะคุณพ่อซื้อรถเก๋งคันใหม่ สีดำ ที่ถูกใจลูกแตมมาก ๆ      พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทาง
แต่เช้าตรู่ เพื่อไปรดน้ำดำหัวขอพรคุณย่า กับทั้งเยี่ยมญาติ อย่างที่ตั้งใจเอาไว้
	ฉันคลำแผ่นอก...ก้อนเนื้อเต้น  ตึ่ก ตัก  ตึ่ก  ตัก ๆ  เหมือนจะบอกว่ายังไม่อิดอ่อนในการเต้น
ระบำกับชีวิตมา  13 ปี  ขอให้นอนหลับและฝันดีทุกคน   บันทึกเสร็จเวลา 23.13 น. วันที่ 13 เมษายน 2552
(กระต่าย) ผีตัวเป็น ๆ ที่สัมผัสได้ค่ะ     ราตรีสวัสดิ์
	
สมชาย หมดแก๊สไปกี่ถังแล้ว  ท่านมหาตะโกนมาจากศาลาข้างเมรุ  เดี๋ยวผมขอดูวาวด์ก่อนนะครับ
เขาวางสมุดบันทึกไว้ที่จิตกาธาน แล้วรีบไปดูวาวด์       ท่านครับเกือบ 2 ถังแล้ว  เขารายงานขณะที่
ท่านมหาเดินขึ้นเมรุมาพอดี      นั่นสมุดอะไรหรือ   เออ ! คือว่าเป็นของผู้ตายมันอยู่ในถุงพลาสติก
 เข้าใจว่าเจ้าภาพคงเผลอเก็บรวมกับข้าวของใส่ในโลง   
แล้วเป็นไง  ท่านมหาย้อนถาม   
ครับคือว่า ผมอ่านแล้วรู้สึกอิ่ม อีกทั้งอิน และชวนให้ตั้งคำถามเพื่อต่อยอดความคิดอีกหลายประเด็น
เขาพูดพลางหยิบน้ำเย็น ถวาย



                                                                                                                                                              3

ท่านครับ ท่านคิดว่าผีมีจริงไหมครับ   
มันมีอยู่ในความไม่มี    สมชายคิ้วย่นยังงุนงง ในคำตอบ
ขอได้โปรดให้อรรถาธิบายให้กระจ่างหูกระจ่างตาหน่อยเถิดท่าน
ก็อย่างที่เอ็งอ่านบันทึกนั่นแหละ   เขาคือคนที่มีซากผีอยู่ในชีวิต  และรู้จักปรับตัวให้เข้ากับผีได้
อย่างแนบแน่นอย่างกะปลาท่องโก๋  ทั้งยังรู้คุณค่าของก้อนเนื้อที่ได้มาด้วยการใช้เป็น และทำใจได้
เอ็งคงเคยได้ยินคำว่า  จงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ  จงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต  แต่ข้าอยากต่อ
อีกนิด  จงสละชีวิตเพื่อชีวิตอีกหลายชีวิตได้มีลมหายใจต่อไป     แล้วจะมีผีที่ไหนให้น่ากลัว
อีกเล่า    คนเราถ้าเข้าใจในสัจธรรมความเป็นจริง  รู้จักแบ่งบุญ  โลกก็คงเบิกบานมีระเบียบ
สดใสน่าอยู่กว่านี้แน่          เขาขยับเก้าอี้เข้าใกล้ท่านมหา  เงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ  เหมือนว่า
อยากบรรลุอะไรบางอย่าง   แต่ในมือถือกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่เปิด
ท่านครับ  คนที่บริจาคอวัยวะให้คนอื่น  ชาติหน้าถ้าเขาเกิดมาจะมีอวัยวะครบไหมครับ
ขณะที่ตั้งคำถามมือดึงฝากระป๋องเบียร์เสียงดัง เป๊าะ  ฟองเบียร์ทะลัก  เขาแลบลิ้นเลียอย่างรีบร้อน
เอ็งเงยหน้าขึ้นฟ้า  มองไปที่เชิงชั้นฉัตรยอดเมรุ  เห็นต้นไม้ต้นเล็ก ๆ นั่นไหม   ตรงนั้นเป็นปูน
แต่มันยังเจริญเติบโตได้  นับประสาอะไร   ยิ่งถ้าต้นไม้ต้นใดได้อยู่ในที่มีดินอุดมสมบูรณ์
ก็ย่อมเจริญพันธุ์  พร้อมให้นกกามาพึ่งพาอาศัยร่มเงา  และได้กินดอกผลแห่งเมล็ดพันธุ์
อีกทั้งช่วยขยายพันธุ์   เมื่อพวกมันโบยบินไปถ่ายมูลไว้ที่ใด  ที่แห่งนั้นย่อมมีชีวิตที่งอกเงย
งดงาม   นี่คือวัฏจักรชีวิต           ผู้ให้อวัยวะก็เช่นเดียวกัน   ถ้ามีโอกาสได้เกิดมาอีกชาติหนึ่ง
ไยต้องไปกังวลกับอวัยวะที่บริจาค  เพราะนั่นคือบุญมหาศาล  เมื่อปฏิสนธิในที่แห่งใด
ย่อมงอกเงยงดงามได้ใหม่ในที่แห่งนั้น   ทั้งใหม่สด ซิง ๆ เสียด้วย  ร้องอุแว้ อุแว้ เลยล่ะ
  ท่านมหาก้มหน้าอธิบายร่ายปรัศนีชีวิตเสียยืดยาว
 เบียร์กระป๋องยิ่งถือไว้นานยิ่งขม  สมชายบ่นพึมพำกับรสชาติที่ขาดน้ำแข็ง
ก็แน่ล่ะสิ  มันไม่ขมที่ปากลิ้นเท่านั้น  แต่มันจะขมแข็งติดตับ   แล้วสักวันก็จะแตก ตุ๊บ ตั๊บ
ตุ๊บ ตั๊บ  อย่างเสียงเผาผีไม่ผิดเพี้ยน    แก่คงไม่มีโอกาสได้เป็นนายกสมาคมสัปเหร่อ กทม.
แล้วกระมัง      ท่านมหากล่าวเชิงประชดประชัน    แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ  เพราะรู้ว่า
ฝากปากฝากท้องไว้กับวัด
ตามที่ท่านมหาได้ให้เหตุผลมาทั้งหมด  ทำให้ผมอยากจะบริจาคร่างกายเสียแล้วล่ะครับ
ขออย่างเดียวเวลาดองศพ  กรุณาสวมกางเกงในให้ด้วยเถอะ  เพราะว่าผมเคยไปดูห้องเก็บศพ
แต่ละศพนอนเปลือยโป๊ โด่ ซะเด้งเชียว  เขาอายนะ   
ไอ้เวร  เอ็งคิดมากถึงเพียงนี้เลยหรือวะ  ตายแล้วยังจะติดหล่ออีก   ดูข้าสิ  ตั้งแต่บวชมา
ยังไม่เคยรู้จักกางเกงใน  ไม่เห็นเป็นไรนี่หว่า   ท่านมหาสบถแบบมีอารมณ์
สมชายยกมือไหว้ท่วมหัวสาธุ   แล้วลุกไปเปิดประตูเตาเผาผีอีกครั้ง    




                                                                                                                                                           4

เปลวเพลิงลามเลียซาก  ดุจว่าอร่อยรสอันเลอเลิศ   ไฟฟอนสีส้มอมแดงแผดเผาองคาพยพพร้อม
กับเหตุการณ์ที่เป็นไป...    ภายใต้หน้ากากครอบแว่นตาดำของเขา
ภาพทรวงอกยังคุกรุ่นอัคคีกาลอันร้อนระอุ คล้ายภูเขาไฟปะทุลาวา  
ดอกบัวตูมดอกนั้นผุดอยู่ใจกลางลาวาร้อน   ทว่าช่างงดงามในผนึกนึกคิดของเขาเป็นยิ่งนัก
ใครหนอคือเจ้าของดอกบัวตูมดอกนั้น
ข้าว่าเอ็งน่าจะบวชเสียตั้งนานแล้ว   อุตส่าห์เรียนจนจบปริญญา  ฝากให้ไปทำงานที่บริษัทฯ
ได้ไม่นาน  ยังหนีไม่พ้นวัดมาเป็นว่าที่นายกสมาคมสัปเหร่อเอาจนได้
อย่าโกรธข้านะ  ที่พูดก็เพราะเป็นห่วงอนาคตเอ็ง  กลัวจะหมดไปกับน้ำเมานั่นประไร
ท่านมหากึ่งบ่นกึ่งสอนด้วยความเอ็นดู  และเอ่ยถามถึงสมุดบันทึกเล่มนั้น
อ๋อ ! อยู่นี่ครับ   ผมว่าท่านเก็บไว้ก็ดีนะ    พรุ่งนี้เช้าเก็บอัฐิ  จะได้แก้ต่างให้ผมว่าไม่ใช่
สัปเหร่อขี้ขโมย   ผมไม่มีเจตนาจริง ๆ   เพราะมันอยู่ในถุงพลาสติกจึงต้องเอาออกจากโลง
เขายิ้มเจื่อน ๆ  ใจยอมรับกับสิ่งที่กระทำ     ไม่เป็นไรหรอกนึกว่าเห็นแก่มุโขโลกนะ  ข้ากับเจ้าภาพ
รู้จักกัน  อีกอย่างจะหาโอกาสไปเยี่ยมคุณฆ้องที่โรงพยาบาล  ทราบว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ แกเจ็บหนัก
เอาการ  ต้องถูกผ่าตัด  แต่หมอยังรอเลือดบริจาค  เพราะแกกรุ๊ป AB หาเลือดยาก  ส่วนลูกสาว
เจ็บนิดหน่อย      ว่าแต่เอ็งเถอะปลงได้หรือยังกับเรื่องผี ๆ      แหม !  ทั้งที่มัดตราสังศพแทบทุกวัน
ยังไม่เปิดโลกทัศน์ให้รู้ปลงอีก
สมัยนี้  ผีตัวเป็น ๆ ที่มีศีลธรรมมีน้อย   ส่วนใหญ่เป็นผีที่ยั้วเยี้ยยัดเยียดแย่งกันอยู่  จนโลกขึ้น
สนิม      ท่านมหากล่าวสำทับพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นจิบในรสชาติจืด ๆ  แต่แจ่มอยู่ในจิตใจ
ใครบางคน      สมชายกดปุ่มเปิดประตูเตาครั้งสุดท้าย  เปลวเพลิงลดระดับอุณหภูมิความร้อนแรง
ซากสรีระมอดไหม้เกือบหมดแล้ว       ซากกาลเวลาเกือบสิ้นสุด
ซากความโศกเศร้ายังล่องลอยในอากาศ รอกิเลสสูดดม
ซากความคิดยังต่อยอดแบ่งบาน ดังดอกบัวตูมดอกนั้น  และอีกหลาย ๆ ดอก  อันจะยังประโยชน์
ต่อมวลมนุษยชาติอย่างไม่จบสิ้นอวสาน
	รุ่งเช้าของวันใหม่   เวลา 07.13 น.  แสงแดดอ่อนเลียต้นไม้อ่อน ๆ ปลายเชิงชั้นฉัตร
ยอดเมรุเก่า      นกพิราบไซ้ซอกขนบนช่อฟ้าหลังคาโบสถ์     สมชายเรียงอัฐิสีขาวหม่นเป็นรูปคน
เจ้าภาพหน้าหม่นหมองนองน้ำตาในพิธี       พระสงฆ์ 4 รูป  ห่มจีวรสีกรักหมองริ้วรอยหม่น
อันมีพระมหาเชวงวงศ์เป็นหัวหน้า     พิจารณาผ้าบังสุกุล  อนิจจา วตสังขารา ฯ  (เสร็จพิธี)
สมชาย...เพลวันนี้ ข้าไม่อยู่ฉันนะ  ถ้ามีญาติโยมถามถึง ให้บอกว่ามีธุระไปศูนย์รับบริจาค
สภากาชาดไทย    ท่านมหาเอ่ยปาก แล้วก้าวขึ้นแท็กซี่ออกจากวัดบัดเดี๋ยวนั้น...
แสงแดดกระทบเหลี่ยมกระจกหลากสีปลายช่อฟ้างามระยิบระยับ    นกพิราบสลัดปีกเบาสบาย
โบยบินไปในอากาศ อันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างอิสระ   เวลา  08.13 น.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภูวเชวง