29 กันยายน 2552 15:06 น.
ภูวเชวง
แต่งงาน
(ผัว) น้ำต้มผักก็ว่าหวาน ปานน้ำผึ้ง
สุดซาบซึ้งจิตใจไว้ความหวาน
เพียงยินเสียงมาแต่ไกลให้ชื่นบาน
หอมทั่วบ้านกลิ่นกายมิหน่ายนาง
สมเป็นแม่ศรีเรือน เพื่อนชีวิต
เป็นคู่คิดความขยันร่วมสรรค์สร้าง
ความดีงามจากจิตใจไม่จืดจาง
เราสุขบ้างทุกข์บ้างบางเวลา
เหนื่อยก็มีน้ำเย็นให้เป็นปลื้ม
ได้ดูดดื่มเอาความดีที่รักษา
เจ็บก็รีบดูแลและหมอยา
สู้อุตส่าห์ป้อนข้าวน้ำ ความคู่เคียง
บางเวลาไม่เข้าใจ ก็ไม่โกรธ
ไม่ถือโทษขึงขังพลังเสียง
บางเวลาช้ำฟกเพราะตกเตียง
เธอเป็นเยี่ยงพยาบาลการดูแล
กลับบ้านผิดเวลาไม่หาเรื่อง
ไม่แค้นเคืองเค้นเอาคำทำแง่งแง่
ไม่งกเงินงุบงิบ ควรหยิบแบ
ให้รู้แก่เม็ดเหงื่องานการได้มา
ช่วยกันต่อช่วยกันเติมเพิ่มสินทรัพย์
ช่วยกำกับการเป็นอยู่รู้คุณค่า
คำว่าชู้ จงอย่ามีทั้งชีวา
ไปจนกว่าแก่เฒ่า เข้าแก่กาล
หลังแต่งงาน
(ผัว) น้ำต้มผักขมเป็นบ้า ข้าอยากทิ้ง
ใจไม่จริงหรือไรจึงไม่หวาน
แค่ยินเสียงมาแต่ไกลให้รำคาญ
ยิ่งอยู่บ้านยิ่งปวดหัวแม่ตัวดี
(เมีย) ไปกินเหล้าเมายา กลับมาดึก
ไม่รู้สึกแรกรักสร้างศักดิ์ศรี
เส้นผมใครติดเสื้อผ้ามาวันนี้
ซักถามแต่ละที เลี่ยงหนีไกล
(ผัว) ทำหน้างอนเหมือนเคียวโค้งเกี่ยวข้าว
ทำเรื่องราวไม่เป็นเรื่องขุ่นเคืองใส่
พุงก็หลาม ลามถึงขา ระอาใจ
กินเข้าไปให้พ่วงพี ที่หน่ายนาง
(เมีย) ปากร้ายยิ่งกว่าหญิงยิ่งใกล้ตู๊ด
บทพิสูจน์พูดดีดี ไม่มีบ้าง
เงินเก็บออมเหลือแค่เศษสตางค์
ชอบกินทิ้งกินขว้าง ยังอวดรวย
อ้วนไปตามสังขาร พาลดูถูก
ที่อุ้มลูกอุ้มท้อง ไยต้องสวย
เกิดชาตินี้มีครอบครัวได้ผัวซวย
จำอยู่ด้วย เพื่อเลี้ยงลูก ปลูกความดี
ใจไม่เคยจริงใจ ไม่ยอมแก่
ชอบเฉแฉกินหญ้าอ่อนร้อนเหลือที่
อ้างเป็นผัวสมัยใหม่ใช้ชีวี
ทนเต็มที ที่สุดทน ผลแต่งงาน
18 กันยายน 2552 14:50 น.
ภูวเชวง
อนุสรณ์
คุณพ่อจี๋ ปร่ำเป็ง
ถึงแก่กรรมวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒
สิริอายุ ๗๔ ปี
พิธีฌาปนกิจ ณ ป่าช้าตำบลปงสนุก อ.เวียงสา จ.น่าน
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๒
บ่าเคยแบก เคยหาม ความหลากหลาย
ห้วยสันทราย เกษตรกรรม ความเป็นอยู่
เม็ดเหงื่องาม บนไร่นา หาเลี้ยงดู
ให้ลูกหลานรับรู้ สู้การงาน
ข้าวทุกคำ น้ำทุกขัน ขยันสร้าง
พ่อตัวอย่าง ยังความสุข สู่ลูกหลาน
ความเข้มแข็ง ดั่งหินผา เป็นปราการ
สืบเนื่องนาน หนักแน่น ใจแสนดี
บุญที่สร้าง ทางที่สุข ปลุกชีวิต
ให้รู้คิด สิ่งเกิดก่อ จากพ่อจี๋
ปร่ำเป็งบุญคุณธรรมนำชีวี
บุญช่วยชี้ ทางสวรรค์ ชั้นฟ้าเทอญ
กตัญญูกตเวทิตาคุณโดย
ภริยา-บุตร-ธิดา-สะใภ้-เขย และหลาน ๆ เจ้าภาพ
3 กันยายน 2552 08:58 น.
ภูวเชวง
มองเห็นโลกเล็กนิดเดียวเที่ยวดูโลก
ทั้งทุกข์โศก สุขผสมอารมณ์สถาน
ประชากรโลกล้น จนท้องมาน
โลกกลมผิวหยาบกร้าน เพราะงานกรำ
มนุษย์สร้างอะไรให้โลกหนัก
หรือไม่รักก็ไม่ว่ามันน่าขำ
สิ่งก่อสร้างสารพัด ขึ้นชัดจำ
หน่วงหนักย้ำถึงแกนในให้เบ่งบวม
พอบูดบึ้งพ่นลาวา หาว่าร้าย
พอน้ำแข็งละลายน้ำได้ท่วม
อุณหภูมิสูงสะท้อน ให้ร้อนรวม
มนุษย์ร่วมมือทำลายร้ายกว่าใคร
ทุกทวีปทุกประเทศ เหตุขยะ
สร้างสวะรกโลกทุกข์โศกสมัย
ก๊าซมีเทนเรือนกระจกปกแผ่ไกล
โลกหายใจอึดอัดโอ้อัตตา
โลกขอยื่นฎีกาศาสดาโลก
มนุษย์สร้างทุกข์โศก โลกต่อว่า
ศาสนิกชนโลกโยกเวลา
โยนปัญหาให้โลกแก้ แพ้พิษมวล
ศาสดา ฟ้าใด โปรดได้รู้
โลกเป็นอยู่สู่วิกฤตจิตปั่นป่วน
แย่งครอบครองด้วยอารมณ์ไม่สมควร
ผิวโลกล้วนกระพือร้ายกระหายแรง
ศาสดาฟ้าใด ได้สอนสั่ง
โลกย่อมพอมีหวัง ยังสร้อยแสง
โลกข้างในใจมนุษย์หยุดสำแดง
หยุดยื้อแย่ง โลกอยู่ได้ หลายล้านปี
E-mail : phoovadol2505@hotmail.com
10 สิงหาคม 2552 08:41 น.
ภูวเชวง
อาศิรวาท
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๒
เคียงดาวเดือนเด่นฟ้า นภาเรือง
เคียงราษฎร์รักเคียงเมือง มิ่งล้อม
เคียงดินดับทุกข์เยือง ยอดเยี่ยม เย็นเอย
เคียงคู่ภูมิพลพร้อม เพริศแพร้วเพ็ญสมัย
คือดินน้ำลมไฟ ให้ความสุข
คือเสียงปลุกเปล่งปัญญามาแต่ต้น
คือเกาะแก้วกลางสายธารต้านความจน
คือฟ้ามิ่งมงคล หยาดฝนเย็น
คือพระในโลกเคลื่อนเป็นเพื่อนโลก
คือแสงส่องทุกข์โศกคลายโลกย์เข็ญ
คือลมหายใจแห่งรักประจักษ์เป็น
คือบุญหลวงบำเพ็ญ เป็นบุญญา
คือความกล้ายิ่งกว่ากล้าฝ่าความทุกข์
คือความสุขยิ่งกว่าสุขปลุกรักษา
คือแม่ยิ่งกว่าแม่แผ่เมตตา
คือชีวาเลี้ยงชีวิตสถิตนาม
แม่แห่งบุญคุณธรรมนำบทบาท
แม่แห่งชาติคู่ราชันขวัญสยาม
แม่แห่งยุคยังศิลป์พราวข้าวน้ำงาม
แม่แห่งความดีหนักแน่นแก่นธรรมทอง
ให้ห้วงหัตถ์แห่งฟ้ามาแหวกทุกข์
จรุงสุข จรุงดินถิ่นไทยผอง
สิริกิติ์อุทิศชีวันสร้างครรลอง
เกียรติเกริกก้องโลกหล้า ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นาย ภูวดล ภูภัทรโยธิน ผู้รจนาบทร้อยกรอง
31 กรกฎาคม 2552 09:22 น.
ภูวเชวง
บทกวีรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี พ.ศ.2552 เกิดการเปลี่ยนแปลงแห่งการเป็นไป
ภูมิภาวะยุคสะท้านกาลสมัย
ผืนไผททุกข์ทับถมบ่มฝักฝ่าย
ความเจ็บปวดสะท้อนนามทั้งความตาย
ชนะ-พ่าย ใช่จุดหมายในแผ่นดิน
คือบทเรียนบทโลกโศกสะท้อน
คือบทย้อนยังลูกหลานทั่วฐานถิ่น
ลมหายใจเดียวกันอันชาชิน
ทั่วทั้งสิ้น กินอยู่ได้ก็คล้ายกัน
เจ็บจึงรู้จดจำ กรำวิกฤติ
แผ่นดินคือชีวิต สิทธิ์สร้างสรรค์
อุทกธารน้ำตา หลั่งมาครัน
ท่วมชีวัน หลากชีวิตจิตวิญญาณ
หยุดยุคหยาบ อาบพลัง ตั้งสติ
ร่วมดำริรักแผ่นดินทั้งถิ่นฐาน
หลอมรวมสีให้บริสุทธิ์หยุดก่อการ
หยุดต่อต้านกันและกันอันเป็นไป
ข้อเท็จจริง ต้องเป็นจริงยิ่งตรงตั้ง
แปรความชังเป็นความรักหลักสมัย
ปลดความทุกข์เอาความสุขปลุกจิตใจ
แหวกความชั่วที่ว่ายไหว ในพสุธา
เปลี่ยนอาวุธเป็นดอกไม้ให้โลกหอม
เสียงโห่ไล่เป็นเพลงกล่อมพร้อมรักษา
มือที่ตบเคารพสิทธิ์จิตวิญญาณ์
ตีนที่ตบไม่ตั้งท่า จะตบตี
เรือนกระจกฟ้าเปิดช่องต้องแสงใส
เรือนจิตใจกระจ่างสร้างศักดิ์ศรี
แดดแจร่ม ดินจรัส ปฐพี
ม่านเมฆคลี่ฟ้างามความสุขครอง
ต้นกล้ากาลสมัย ได้ยืนหยัด
เปรื่องประวัติวิวัฒน์ใหม่ให้ผุดผ่อง
แตกหน่อขึ้นต่อยอดตลอดครรลอง
ฟ้าสีทองส่องภาพลักษณ์หลักมั่นคง
ปฏิวัติ เผด็จการ มารอย่าเกิด
ร่วมกันเปิดประชาธิปไตยในประสงค์
ตอกหลักหมุด ยุติธรรม มุ่งดำรง
บริสุทธิ์สูงส่งจรรโลงทาง
ประชาชนคือผืนฟ้า ตาสับปะรด
ผู้กำหนด ความถูกต้อง ส่องสว่าง
ประชาชนเปรียบแกนโลก อยู่ตรงกลาง
รู้ความกว้าง ความกลม นิยมใด
แก้วหูแห่งแผ่นดิน ยินถึงฟ้า
ทุกหย่อมหญ้ายังชูยอดกอดแสงใส
แผ่นดินแห่งเสรีภาพตราบเป็นไป
เกิดสิ่งใหม่ ได้ประจักษ์ รักษ์แผ่นดิน
คือบทเรียน บทโลก โศกสะท้อน
คือบทย้อนจิตวิญญาณทั่วฐานถิ่น
เจ็บจึงรู้จดจำ อยู่ย้ำยิน
เราไม่สิ้นประวัติศาสตร์ชาติสังคม
ภูวดล ภูภัทรโยธิน ผู้ประพันธ์ (รางวัลชมเชย)
E-mail : pphoovadol@yahoo.com