16 เมษายน 2548 00:33 น.
ภูวดินทร์
มะลิเจ้าเอย
มะลิเจ้าเอยเจ้านั้นขาวใส
บริสุทธิ์ยวงใยน่าสนใจจริงจริง
มะลิเจ้าเอยเจ้านั้นมีมนต์สิง
ผุดผาดงามยิ่งกว่าสิ่งใดใด
มะลิเจ้าเอยดอกเจ้ามีประโยชน์
เป็นดอกไม่มีโทษไร้พิษไร้ภัย
มะลิเจ้าเอยเจ้านั้นสดใส
บริสุทธิ์เย็นใจคราได้ชมมอง
มะลิเจ้าเอยเจ้านั้นสูงค่า
ส่งออกมีราคาเป็นเงินเป็นทอง
มะลิเจ้าเอยปลูกง่ายผู้คนจับจอง
ปองเป็นเจ้าของเลี้ยงง่ายไม่กวนใจ
มะลิเจ้าเอยเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์
พอวันแม่เขาคิดบูชาแม่มาแต่ไกล
มะลิเจ้าเอยข้ายกย่องเจ้ายิ่งไว้
ขอชื่นชมเจ้าจากใจต่อแต่นี้ไปปลูกเจ้ามากกว่าเดิม.
รักดอกไม้ชนิดนี้มากเลยแต่งขึ้นบูชาแม่ครับ
ขอผลงานชิ้นนี้ไว้บูชาแม่ผู้มีพระคุณต่อเราครับ
พอถึงวันแม่จะแต่งต่อจากนี้อีกครับ
ภูวดินทร์
๑๖ เมษ.๒๕๔๘
15 เมษายน 2548 18:07 น.
ภูวดินทร์
มาคลายเครียดมาเบียดขำกัน
ถึงพระกันสาธุกันสักหน่อย
สาธุแล้วบาปนั้นจะไม่มาคอย
เล่าเรื่องพระหน่อยคล้ายหลวงพี่เท่ง
เรื่องในเรื่องนั้นบอกเล่าว่า
รูปที่จะเล่าเป็นพระที่เกิดปีมะเส็ง
จึงเรียกแท็กซี่คนขับรถก็เก่ง
สถานที่เล็งคือจะไปโรงพบายาบาล
พระก็โดยสารในรถแท็กซี่ไป
หมาตัวใหญ่วิ่งตัดหน้ารถแท็กซี่
คนขับรถแบรกเร็วทันที
แบรกเต็มที่จนหัวพระโขกประตู
หมาใหญ่วิ่งขึ้นไปบนฟุตบาท
แต่คนขับไม่อืดอาดด่าก้องเต็มหู
ว่า ไอ้สัตว์ วิ่งอย่างไรไม่ตั้งใจดู
ก็รู้อยู่ว่ารถมาเร็วและอันตราย
หมานั้นไม่ได้ยินหรอกจะบอกให้
เพราะติดกระจกใสใสทั้งสี่ด้าน
แต่พระได้ยินจังจังเต็มสองหูอึ้งอยู่นาน
ด่าหมาประจานไงพระมาได้ยินจังจัง
อ่านจากฮาสุดขีด ๔ ลองช่วยกันขำที
ภูวดินทร์
๑๔ เมษ.๒๕๔๘
15 เมษายน 2548 17:36 น.
ภูวดินทร์
มองไปนอกหน้าต่าง
แลสว่างฟ้ากว้างสดใส
แสงแดดอุ่นอ่อนแผ่ไป
อุ่นในฤทัยบัดดล
เดินมาที่ริมหน้าต่าง
บัดนี้ในใจทุกอย่างสับสน
ทุกอย่างประดังมืดมน
มีแต่สันสนวุ่นวาย
ขอบฟ้าดูแล้วสดใส
แต่ใจคนวุ่นวายหนักหนา
ไม่สดใสสดชื่นในอุรา
ดูท้องฟ้าน่าอิจฉาความงาม
เก็บมาเรียงร้อยความคิด
ทำไมจิตวกวนมิมีจุดหมาย
ไร้ขอบคิดจิตวุ่นวาย
โอหนอ...! ฟ้าใสใสใจบอบบาง
มีหลายครั้งที่ใจเราก็สับสนมาก
ภูวดินทร์
๑๕ เมษ.๒๕๔๘
15 เมษายน 2548 01:44 น.
ภูวดินทร์
อิงไออุ่นครุ่นคิดชิดนวลน้อง
ได้หมายปองนวลน้องไว้แนบขวัญ
คิดถึงเช้าร่ำจรดเย็นไม่เว้นวัน
ในใจนั้นมีแต่น้องมิปองใครอีกคน
หากแม้นเลือกเกิดกำเนิดได้
ทุกคนอยากเกิดอย่างไรตามใฝ่ฝัน
เลือกเกิดได้ให้รักเกื้อกูลกัน
ตัวฉันนั้นเลือกเกิดอยู่คู่กับนาง
น้องเป็นนกพี่ขอเป็นต้นไม้
นวลน้องได้จับกิ่งอิงร่มฉัน
น้องร้อนกายเกิดเป็นลมห่มกายพลัน
ให้ร้อนนั้นเย็นลงบุษบงใจยินดี
หากหนาวนักขอเอารักเป็นผ้าห่ม
ได้เฝ้าชมกายาผาสุขขี
ได้เป็นหมอนให้นอนหนุนอุ่นโสภี
ด้วยรักนี้จัดให้ได้ทุกทาง
เป็นแป้งเย็นแป้งหอมที่หอมกรุ่น
ลูบไล้ละมุนที่สองปรางนางสุดสวย
เป็นสร้อยคอประดับยามร่ำรวย
และสุดสวยเป็นต่างหูดูงามตา
เป็นดอกไม้ยามเจ้าชื่นชมนัก
ขอเอารักแปลงสร้างอย่างหรูหรา
เป็นสวนดอกไม้ดูสุดหูงามสุดตา
ชื่นอุรายามชื่นชมภิรมย์ครวญ
จะขอเป็นแหวนน้อยสวมก้อยนิ้ว
วาบระยิบพลิ้วแหวนต้องแสงไม่กำสลวล
เป็นกำไรใส่ข้อมือแนบเนื้อนวล
ยามยียวนชวนมองจ้องตาเรา
ทั้งหมดนี้คือใฝ่ฝันอันสดใส
ที่ระบายบอกสู่คงโง่เขลา
จะเป็นได้อย่างไรโอหนอเรา
เขาว่าเขลาเฝ้าเพ้อละเมอจริง
ก็อาศัยแรงรักฝักใฝ่มั่น
ถึงอาสัญก็ยังรักประจักษ์ยิ่ง
ขอนวลรู้แล้วโปรดจิตประวิง
ขอเป็นสิ่งตั้งจิตสัมฤทธิ์พลัน.
ด้วยรักและความผูกพันวันที่รัก รัก รัก
แรงบันดาลใจที่ทำให้แต่งกลอนนี้ขึ้นมาเพราะ อยากรักใครสักคนในเวลานี้
คุณหละอยากเป็นอย่างไรเมื่อใจอยากรักใครเขาบ้าง
ภูวดินทร์
๑๕ เมษ. ๒๕๔๘
15 เมษายน 2548 01:34 น.
ภูวดินทร์
ในบางทีที่บางหนคนบังรัก
รักแล้วรักรักอีกรักมากมายว่า
รักมากมายคนนั้นทีคนนี้มา
รักมากมายรักหนักหนาไม่มีพอ
รักอย่างนี้มีหรือที่จักรัก
ใครได้รักจักตรมขื่นขมหนอ
รักแล้วซ่อนไม่ยอมบอกคอยต้องรอ
รักมากหนอรักปิดบังยังอำพราง
เมื่อคนรักบอกว่ารักเราเท่านั้น
แต่ใจพลันไปนึกถึงใครกว่า
รักเราทิ้งไปนึกถึงรักอื่นเกินทรมา
นี่เรียกว่า ซ่อนรัก หักอกเรา
รักอย่างนี้มีหรือจะไม่ซ้ำ
ต้องระกำซ้ำทรวงที่โง่เขลา
รักคนโน้นจำเป็นไรโกหกเรา
เราโง่เขลาเพราะรักซ้อนซ่อนรักจริง.
*** หมายเหตุ : คนมีปัญหาเรื่องรัก ผิดหวังในรักส่วนหนึ่งก็มีสาเหตุมาจาก รักซ้อนซ่อนรักนี้นี่เอง
ภูวดินทร์
๑๕ เมษ.๒๕๔๘