23 เมษายน 2548 17:11 น.
ภูวดินทร์
มะเมี๊ยะ
เมื่อสองพันสี่ร้อยห้าสิบสอง
สมัยของเจ้าแก้วนวรัฐ
มีเรื่องราวความรักแสนอึดอัด
เล่าเรื่องลัดมะเมี๊ยะสาวพม่า
เธอเป็นเหมือนแก้วตาของเจ้าน้อย
ชื่อนามลอยศุขเกษมเป็นเจ้าฟ้า
ลูกเจ้าเมืองปกครองนครา
ทั้งสองพาความรักให้เกิดมี
แม่ค้าสาวชาวพม่าวัยสิบหก
ได้หยิบยกอาชีพขายบุหรี่
มะละแม่งชื่อตลาดขายกันนี้
ก็เพื่อที่จุนเจือซึ่งครอบครัว
ครั้งวันหนึ่งเจ้าน้อยออกเดินเที่ยว
ได้แลเหลียวมะเมี๊ยะฉันเมียผัว
พร้อมดูแลตัวเธอและครอบครัว
รักกันชั่วฟ้าสิ้นดินมลาย
เช้าวันหนึ่งเมษาคราต้องเศร้า
วันที่เผาใจทั้งคู่ให้มอดไหม้
ศุขเกษมต้องลามะเมี๊ยะไป
เศร้าอาลัยอาดูรเสียจริงจริง
คำเจ้าน้อยสัญญาหน้าพระนั่น
ใจ้ตะหลั่นนามวัดว่าจะร่วมอิง
ยึดสัญญาด้วยใจแทนทุกสิ่ง
จะประวิงมะเมี๊ยะทุกวันคืน
นางได้เพ้อเฝ้าคอยแต่เจ้าน้อย
ใจคงคอยไม่ลอยไปเป็นอื่น
ได้นับเดือนนับวันแลนับคืน
สุดกล้ำกลืนรอคอยหวนกลับมา
โอ้ชะตาฟ้าลิขิตชีวิตนั่น
เจ้าน้อยอันต้องสมรสเข้าวิวาห์
ตามคำสั่งพ่อใหญ่นครา
ต้องฝืนลาเข้าพิธีครั้งนี้ไป
มะเมี๊ยะเสียใจอย่างสุดซึ้ง
พอทราบถึงงานมงคลบังคับใจ
รู้เป็นมาเหตุการณ์ที่เป็นไป
นางจึงได้ตัดสินใจบวชเป็นชี
ต่างฝ่ายต่างเสียใจที่เกิดขึ้น
ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าเปลี่ยนสี
ตามตำนานได้เล่าเข้าท่าดี
ภูวดินทร์นี้ซึ้งใจความรักนาง
เพลงมะเมี๊ยะเพลงโปรดของฉันมาก
ใครได้หากฟังแล้วรักไม่จาง
โฟลคซองเมืองอัดไว้ปูเป็นทาง
ได้ลืออ้างล้านนาว่าต่อไป.
ซึ้งใจความรักสาวชาวพม่าครับ
ภูวดินทร์
๒๒ เมษ.๒๕๔๘
23 เมษายน 2548 15:23 น.
ภูวดินทร์
คืนนี้พี่รอเจ้า
หากคืนนี้เธอไร้คนห่วงใย
ขอเธอได้อยู่พักใจฉันนี้
ฉันอยู่รอเฝ้ารอดวงฤดี
รอเพื่อที่ห่วงใยใจสัมพันธ์
ค่ำคืนนี้อยากมีเธอไว้แนบชิด
อยากมีจิตร่วมคิดแนบชิดขวัญ
เราสองคนคุยกันใต้แสงจันทร์
ชีวิตนั้นให้มีสุขไม่ทุกข์ใจ
คำออเซาะอ้อนคำรำพันหวาน
เสกสรรผ่านเอ่ยคำปลอบใจให้
จวบจนฟ้ารุ่งสางสว่างไป
แว่วเสียงไกล้นกไพรสำเนียงกัน
กล่อมให้เธอนวลน้องได้นิทรา
คำสรรหากล่อมหวานถึงในฝัน
รักอยู่เพียงเคียงใจได้ทุกกัน
ค่ำคืนนั้นหมอนหนุนอุ่นถึงใจ
หากคืนนี้หัวใจเธอมิเป็นอื่น
ขอชูชื่นได้รับอย่าผลักไส
ห้วงรักนี้ที่นี่แสนห่วงใย
ขอรับไว้อย่าได้ใจบิดเบือน.
ทุกค่ำคืนยังห่วงใยเธอ
ภูวดินทร์
๒๓ เมษ.๒๕๔๘
23 เมษายน 2548 14:24 น.
ภูวดินทร์
ขอเยียวยาใจเธอ
ขอฝากกลอนแด่เธอผู้อ่อนล้า
ทั้งน้ำตาอาบนองแก้มนวลขาว
ในใจเธอมากมายด้วยเรื่องราว
มีแต่เศร้าเคล้าปนทนทุกข์ใจ
เธอต้องเก็บเรื่องราวที่ผันผ่าน
อันตระการมากมายสุมใจให้
เรื่องใหม่เก่าประดังเข้าหมองใจ
ยากที่ใครเกินไหวจำทุกข์ทน
เห็นน้ำตาเธอไหลใจซอกซ้ำ
สุดระกำแทนใจเข้ารับผล
ทุกข์ทุกอย่างที่มีกับหน้ามน
อยากเป็นคนรับแทนให้ดวงใจ
อยากเข้าไปให้รู้ว่าคนหนึ่ง
คนที่ซึ่งอยากให้กำลังใจ
เข้าไปมอบหวังดีห่วงใยให้
ดูแลใจยามเหงาเศร้าอาดูร
คนคนนี้อาสาเป็นหมอใจ
รักษาไข้ให้เธอไข้สาบสูญ
เยียวยาใจให้เธอไม่อาดูร
ทวีคูณไร้ทุกข์มีสุขใจ
คนคนนี้คอยเป็นขวัญกำลังให้
เพียงให้ใจได้มีสุขมีสดใส
จะดูแลปลอบใจกล่อมขวัญให้
เพื่อเธอได้สุขใจแลรื่นเริง.
อยากเป็นคนในหัวใจเธอ
ภูวดินทร์
๒๓ เมษ.๒๕๔๘
22 เมษายน 2548 18:39 น.
ภูวดินทร์
จิ้มตูดเทวดาเล่น
ยินเขาว่าพอดับจิตลาสังขาร
ทางสองผ่านต้องไปนั้นมีอยู่
หนึ่งทางเดินต้องเดินเข้าไปสู่
สวรรค์อยู่เมืองทิพย์แก้ววิมาน
สองทางเดินคนตายต้องย่ำเข้า
ต้องไปเฝ้าทักทายยมบาล
ทั้งสองทางทางเดินที่เดินผ่าน
ไม่ต้องการก็ต้องเดินเขาพาไป
ภูวดินทร์พอดิ้นสิ้นสังขาร
ทางที่ผ่านไปสวรรค์ชั้นสดใส
ช่างสวยงามจับจิตน่าพิศใจ
งามวิไลว์ชวนอยู่ขึ้นทันที
ก่อนขึ้นไปสวรรค์ชั้นดุสิต
ผู้ที่ติดคอยส่งอ้างสักขี
เป็นเทวดาผู้เป็นเจ้าหน้าที่
พลอยยินดีส่งทางสัญจรมา
เทวดาได้พาเที่ยวสวรรค์
ชั้นหนึ่งนั้นจาตุมหราชิกา
ผู้ใหญ่กว่าสี่ท่านปกครองหนา
มีปัญญาล้ำเลิศประเสริฐตน
ชั้นที่สองภูวดินทร์ได้กลิ่นไม้
หอมชื่นใจปาริฉัตรมิสับสน
หอมกลิ่นทั่วดาวดึงส์จับจิตตน
จอมเทพล้นบารมีสักกะครอง
ชั้นที่สามยามาก็น่าเที่ยว
ใจเฉลียวอยากชวนท่านทั้งผอง
ไปเที่ยวกันชมกันเหลียวแลมอง
ผู้ปกครองท้าวสุยามท่านใจดี
ชั้นที่สี่นี่ไงชั้นดุสิต
ภูวดินทร์จิตฝักใฝ่สมศักดิ์ศรี
ดินกลบแล้วฝังร่างจิตใฝ่ดี
มาเกิดที่ชั้นดุสิตช่างดงาม
คงได้ชมพาเที่ยวแค่สี่ชั้น
เจ้าหน้าที่พลันพาไปมิไต่ถาม
แว๊บที่พักครู่เดียวทิวธงงาม
ผู้คนตามรับใช้เบื้องบาทองค์
ชวนเชิญท่านอย่าประมาทขลาดการบุญ
สมทบทุนหนุนสร้างตายไม่หลง
จะไปเกิดชั้นฟ้าจิตจำนง
ขอได้จงหมั่นสร้างคุณความดี.
อย่าลืมทำความดีกันนะครับ
ไว้โอกาสต่อไปค่อยสรรสร้างงานให้ครบ ๖ ชั้นนะครับ
เทพบุตรภูวดินทร์
๒๒ เมษ.๒๕๔๘
22 เมษายน 2548 15:55 น.
ภูวดินทร์
ร่างรักที่ไร้วิญญาณ
ทอดทิ้งร่างไร้วิญญาของเรานั้น
ไว้ที่อันสงบกลบฝังไว้
ทิ้งกายาแสนเศร้าอาดูรใจ
ลงคงไว้กับแม่ธรณี
มองดูร่างของตนใจหดหู่
ภาพที่ดูนึกถึงความสุขขี
คราครั้งกายของตนวิญญามี
อดีตที่ยังคงไม่ร้าวราน
มองดูไปอดีตครายังสุข
คนร่วมทุกข์คู่สุขรักแสนหวาน
มีเอาอกกระแซะใจเยาวมาลย์
อ้อนออกขานวจีเพราะเสนาะดัง
เราทั้งคู่หยอกเย้ากระเช้าแหย่
เราเรียกแม่เธอว่าพ่อสุขสมหวัง
แลกเปลี่ยนกันป้อนข้าวสุขประดัง
มีพลังห้วงรักความจริงใจ
เราทั้งสองสัญญาจะรักมั่น
ตราบชั่ววันสิ้นฟ้าดินสลาย
สัญญากันรักนั้นไม่กลับกลาย
เราสองได้คงรักดั่งเหมือนเงา
นึกนึกภาพในอดีตสะอื้นอก
วิญญาณพบตัวตนที่หม่นเศร้า
แม้สิ้นลมวิญญาณยังซบเซา
จะกล่าวเล่าคราชีวิตไม่สิ้นลม
โอ้อกเอ๋ยระกำสุดแสนซ้ำ
สิ้นน้ำคำพล้นก็เปลี่ยนให้ขื่นขม
มาบัดนี้ดินกลบวิญญาณตรม
ให้ขื่นขมในหลุมฝังขังวิญญาณ.
ดินกลบหน้า วิญญาณครวญ
ภูวดินทร์
๒๒ เมษ.๒๕๔๘