20 มีนาคม 2553 13:41 น.
ภูมะ
คิดเถิดคิดว่าเราเคยพบกัน
แล้วร่วมฝันถึงวันอันสดใส
ได้จับมือลดเลี้ยวท่องเที่ยวไป
มอบหัวใจแบ่งปันมิผันแปร
ฝันเถิดฝันหากเราเข้าใจอยู่
เพื่อเคียงคู่ต่อไปอย่าแยแส
ให้ชาวโลกอิจฉาหันมาแล
ว่ารักแท้มีจริงใช่สิ่งลวง
รักเถิดรักหากใจปรารถนา
แล้วไขว่คว้ามาครองอย่างแหนหวง
จะบังเกิดเยื่อใยในทั้งปวง
พร้อมกันล่วงก้าวผ่านกาลเวลา
หวงเถิดหวงห่วงไว้ให้ซาบซึ้ง
เมื่อมีรักครั้งหนึ่งซึ่งห่วงหา
แล้วต่อไปใจเราเข้าแทนตา
เพราะรู้ว่ารักแท้คือเช่นไร
13 กุมภาพันธ์ 2553 15:45 น.
ภูมะ
คอยครุ่นคิดคะนึงถึงคราวนั้น
แม้คืนวันผันผ่านไปนานแล้ว
ยังฝังจิตจดจำอยู่ในแวว
ลอยแผ่วแผ่วติดตาอยู่มิลืม
คืนสิบสี่ปีนั้นยังจำได้
ต่างสดใสในอ้อมของความปลื้ม
ท่ามแสงดาวแสงจันทร์อันดูดดื่ม
ต่างหยิบยืมเวลามาแบ่งปัน
จนรุ่งสางต่างจากแล้วจางหาย
ดั่งสายลมพรมจูบให้วูบฝัน
เช่นน้ำค้างต้องแสงแห่งตะวัน
ลอยจากกันไม่เหลือไร้วี่แวว
เพียงเหลือไว้ให้คิดและรู้สึก
ในส่วนลึกลึกลงจนใจแผ่ว
ต้องแอบเก็บความรักมาเป็นแนว
จวนถึงแล้วคืนนั้นฉันมิลืม
4 กุมภาพันธ์ 2553 17:21 น.
ภูมะ
ทุกนาทีที่ผ่านไปนานแล้ว
ยังนั่งแกร่วใจลอยคอยความหวัง
วันและคืนเฝ้าเวียนเพียรประทัง
ให้ยืนยั้งหยัดสู้อยู่ต่อมา
เมื่อเหงาเยือนเรือนใจให้นั่งกลุ้ม
มรสุมซุ่มอยู่ขู่หนักหนา
เจ้าความเงียบเหยียบย่างข้างกายา
จะเข้ามาตอนใดดูระทม
กาลผ่านไปใจลอยคอยเสพซึ้ง
เป็นที่พึ่งพิงพักเพื่อสะสม
ใช้อักษรย้อมใจในอารมณ์
คืนวันจมจนสิ้นดินแดนกลอน
จึงอาศัยในสื่อคือเพื่อนแท้
ไว้คอยแก้บาดเจ็บเก็บมาผ่อน
ทุกบทนั้นนำให้ใจอาวรณ์
ดั่งสะท้อนย้อนถึงซึ่งตัวตน
พลอยเคลิบเคลิ้มเติมสิ่งอิงใจฝัน
คืนและวันผ่อนคลายการสับสน
เสพอักษรสืบไว้ในกมล
หวังหลุดพ้นหนทางหมางจิตใจ
4 กุมภาพันธ์ 2553 12:03 น.
ภูมะ
สบตาเธอที่ไรใจหวั่นไหว
ไม่รู้ไงใยจึงถึงเป็นหนัก
ประหม่าไปให้กลุ้มจนชะงัก
แค่อยากทักสักนิดแค่นิดเดียว
อาการสั่นหวั่นไหวให้นึกกลัว
พอถึงตัวมัวงงคงนึกเสียว
หากทักทายไปแล้วถูกไม้เรียว
จะวิ่งเลี้ยวไม่ทันฟันอาจลา
จึงแอบมองมองไปได้แค่ฝัน
ว่าสักวันหวังวาดปรารถนา
กาลเวลาพาให้ใกล้กานดา
วาสนามาเกยเปรยความเป็น
และแล้ววันอันใกล้ก็มาถึง
ตกตะลึงอึ้งไปในสิ่งเห็น
เด็กเล็กเล็กลูกสองของเนื้อเย็น
วิ่งตามเล่นเข็นรถกับแฟนเธอ
สบตาเธอที่ไรใจสั่นไหว
ต่อนี้ไปไม่งงหลงไผลเผลอ
เกือบจะแย่แพ้ใจในเรื่องเจอ
ช่างแสนเซ่อซุ่มซ่ามตาถั่วจัง
2 กุมภาพันธ์ 2553 00:25 น.
ภูมะ
แค่อยากถามสักคำว่าเหนื่อยไหม
ด้วยห่วงใยในคราวที่ห่างหาย
ตอบสักนิดเถิดหนาว่าสบาย
อย่าใจร้ายเกินไปไม่ใยดี
เพียงอยากรู้อยู่ดีมีความสุข
หรือมีทุกข์เท่าไรในวิถี
โปรดเถิดหนาวาจามาปราณี
อย่าหลีกลี้หนีไกลโปรดรับฟัง
แค่คำขอสุดท้ายก่อนลาจาก
คงไม่มากเกินไปอย่าขึงขัง
เพียงเพราะห่วงบอกให้ได้ระวัง
หากพลาดพลั้งบาดเจ็บจงกลับมา
เพราะรู้ดีว่าเราคงจบสิ้น
เพียงถวิลวันเก่าและห่วงหา
จะกอบเก็บความรักและน้ำตา
ขึ้นบูชาชั่วกาลตามใจปอง
จากกันไปวันนี้ให้ดีเถิด
สิ่งประเสริฐประสบครบทั้งผอง
อยู่ร่วมสุขสดชื่นและปรองดอง
ขอทั้งสองจงสุขนิจนิรันดร์