28 มกราคม 2553 15:22 น.
ภูมะ
ตาสบตาตะลึงจึงสั่นไหว
ดั่งถูกไฟไล่ลามตามแขนขา
วิ่งปลาบแปล๊บแลบเลียเขี่ยวิญญา
แผ่ซาบซ่าซ่านทรวงท่วงก้าวเดิน
พลังแฝงแรงยิ่งสิ่งที่เห็น
ช่างงามเด่นดูดีดั่งหงส์เหิน
แผ่รังสีสิงใจให้เพลิดเพลิน
สุดสะเทิ้นท่วงท่าตาวูบวาว
สองพวงแก้มแต้มสีสวยสดใส
ช่างยองใยไอกลิ่นประทินขาว
ยามเยื้องย่างเยียรยงหลงเงาดาว
ตาพร่าพราวราวเห็นเกล็ดมณี
ลมหายใจให้สั้นกระชั้นถี่
ฤาชีวีนี้สิ้นสุดวิถี
สะโอดสะองคงรูปราวเพชรดี
เพียงพอที่ชี้ชมสมฝันไกล
8 ธันวาคม 2552 18:52 น.
ภูมะ
จิตสำนึกน้อยไปในเวลา
จึงให้พาผัดผ่อนก่อนสะสาง
งานอีนุงตุงนังยังว่างวาง
เทียวกล่าวอ้างอิดเอื้อนเลือนเรื่อยไป
จากงานเล็กงานน้อยพลอยสะสม
ปล่อยตามลมเรื่อยไปใช้ผลักไส
ทำเช้าชามเย็นชามตามแต่ใจ
หมดเชื้อไฟไร้จิตคิดปรับปรุง
จะหวังใดในวันเวลาว่าง
ทำเงื้อง้างวางจิตคิดเสียฟุ้ง
จึงเฉโกโลเลนอนตีพุง
คอยผัดวันประกันพรุ่งเพลิดเพลินไป
สร้างสำนึกฝึกจิตคิดคุณค่า
วันเวลาหลายหลากมากสุกใส
เร่งประสานงานเสร็จสำเร็จไว
สำเริงใจสำราญจินต์จึงจำเริญ
ชีพเรานี้มีน้อยนับวันโรย
ควรกอบโกยก่อเก็บคำสรรเสริญ
มัวผัดวันประกันพรุ่งเพียงพอเดิน
เวลาเนิ่นนานไปพาลเสียใจ
เพียงสำนึกหนึ่งวันนั้นมีค่า
จึงนำพาพอเพียงเลี้ยงชีพไหว
งานเล็กน้อยค่อยเก็บสำเร็จไว
สบายใจสบายกายบั้นปลายตน