25 ตุลาคม 2550 13:09 น.
ภู ภัทรชนน
อวตารลงมาจรุงจรัส
สารพัดพสุธาเกลือกกระแส
มโนนึกผนึกหนัวนั่นตัวแปร
พลิ้วผ่านแผ่แพร่ผลด้นทรวงใน
เทียบฐานตระการตาระยิบระยับ
โลกวาววับสลักเสลาเนื่องเนาสมัย
สร้อยร้อยรมณีย์ศิวาลัย
โยงเหย้าเย็นสายใยฉ่ำในทรวง
เห่เห่โหมประโคมคำระบำบท
ตลิ่งใจจรึงจรดบนบทสรวง
อวตารติดดินถิ่นทั้งปวง
จริตล่วงรู้รสบทบาทครอง
ว่ายแหวกลมหายใจในชีวิต
คละเคล้าโลกความคิดผิดถูกจ้อง
ลมหายใจกระจัดกระจายหลายมุมมอง
เรียงใจจองจ้องใจรับกับวันคืน
ก้อนเมฆมัฆวานตระหง่านฟ้า
พสุธามหาสมุทรสุดฝ่าฝืน
ระเหยไออันเป็นเมฆวิเวกจุดยืน
ขอบฟ้ากลืนน้ำลายสลายตัวตน
25 ตุลาคม 2550 09:03 น.
ภู ภัทรชนน
"เป็นประทีปแห่งปัญญา"มากหน้าที่
เป็นเข็มทิศทางดี ชี้เหตุผล
เป็นผู้หว่านความดีงาม ความเป็นคน
เป็นรากแก้วแผ่นดินดล ค้นตำรา
เป็นแม่พิมพ์ที่ไม่พร่องครรลองหลัก
เป็นมิตรรักมวลศิษย์เรียน เพียรศึกษา
เป็นผู้แทนมือแม่พ่อ ก่อวิชา
เป็นคุณค่าความสามารถหยาดเหงื่องาน
เป็นผู้หา ผู้ให้ในศาสตร์กว้าง
เป็นผู้สร้างให้โลกชื่นสุขพื้นฐาน
เป็นผู้ดับร้อนอาเพศ ทันเหตุการณ์
เป็นผู้ต้านความชั่ว ทั่วถิ่นไทย
ไหว้ครู...ไหว้ทั้งใจไว้เหนือเกล้า
ปั้นเป็นเรามีความรู้ ชูสมัย
ชีวิตครูทั้งชีวิตทุ่มจิตใจ
สังคมให้อะไรมอบ การตอบแทน
24 ตุลาคม 2550 12:50 น.
ภู ภัทรชนน
เปิดหัวใจ ให้กระจ่าง ทางสุขแจ้ง
เปิดด้วยแรงเรียนรู้ผู้ขยัน
เปิดตำราวิชาเรียนเขียนอ่านพลัน
เปิดให้ทันเพื่อนร่วมห้องต้องทันคน
เปิดความคิดวิทยาสหศาสตร์
เปิดฉลาดรู้เพิ่มเสริมเหตุผล
อย่าเผลอหลับสัปหงกจะตกตน
เดี๋ยวได้หล่นลงสู่พื้น...สะอื้นเอย
24 ตุลาคม 2550 09:05 น.
ภู ภัทรชนน
ผิวไผ่ตัดใส่กระบอกออกจากบ้าน
ฝังรกรากหลักฐานนานไฉน
รอเติบโตรู้ต้นธารการเป็นไป
จักจดจำจิตใจไว้สืบครอง
ต้นไม้ใหญ่ริมนาปู่ย่าปลูก
ไว้เพื่อลูกเพื่อหลานงานทั้งผอง
รากแก้วคือรากแกร่งแห่งทุ่งทอง
ลำต้นต้านลมต้อง ของท้องนา
กิ่งก้านเกิดสาขากิ่งอายุ
มุ่งมั่นมุดอกผลดลคุณค่า
ใบผลัดใบบอกบทผ่านกาลเวลา
ตุ่มแตกตาแตกหน่อแตกต่อเติม
ฝังรกรากมาแต่แรกมิแผกผัน
ผองเผ่าพันธุ์สมบูรณ์แพร่พูนเพิ่ม
รากแก้วมิเกยดินถกถิ่นเดิม
แตกรากเสริมสืบตำนานเถิดบ้านเรา
หมอตำแย แม่ตำยา มาเรือนฟาก
ฝังรกรากต้นไม้ใหญ่ไว้พงศ์เผ่า
นานไฉนได้จดจำภูมิลำเนา
ฝากใฝ่เฝ้ารกราก ฝากแผ่นดิน
หมายเหตุ : ประพันธ์ พ.ศ.2542
พิมพ์สโมสรสมานมิตร สกุลไทยรายสัปดาห์
เดือนกันยายน 2549
24 ตุลาคม 2550 08:43 น.
ภู ภัทรชนน
(กาพย์ยานี)
ไออุ่นอันโลกอาบ มณีภาพมโนถนอม
เสพสรรพทรัพย์ออม ล้อมอินทรีย์ฉวีวรรณ
เชิดช่วงทั้งปวงปลุก เน้นสนุกสุขสืบสรรค์
เจนจัดกระหวัดพลัน จรดโลกโฉลกราย
จับไฟกลายเป็นน้ำ สั่งมืดค่ำฉ่ำเฉิดฉาย
พริบดาวดินพราวพราย งามเมืองส่ายร่ายรำรอ
ครึกครื้นกลืนอายุ เก็บบรรจุลุโลกขอ
ภูมิรู้เชิดชูคอ ควะโลกคว้างหว่างใจคม
ขูดยุคทุกข์หยาบย้อม เสื้อโลกล้อมพร้อมผิวสม
หมุดหลักปักโลกชม บัญชรเชิดเปิดสัญญา
พริบตาตระการแก้ว พบโลกแล้วแสวงหา
คลั่งไคล้อยู่ไปมา มโนเนื่องเพริศเฟื่องฟู
ลุ่มหลงโลกดงดิบ ซ่านกระซิบทิพย์สองหู
เก่งกาจวาดหวังชู หลากหลุมรู้เล่ห์ผู้แรง
พักหนึ่งซึ้งลาภร้าย ตวัดกายฤทธิ์ร้ายแฝง
วนเวียนและเปลี่ยนแปลง แย้งในตัวชั่วตามตน
ต่อตาต่ำตีนแต่ง ป่ายปีนแย่งแย้งแห่งหน
โลกถีบล้มบีบกล จนแจ้งเจ็บเหน็บหนีบนาน
ยิ่งยอมก็ยิ่งแย่ ยิ่งหยัดแก้ยิ่งแพ้ผลาญ
หยุดนิ่งพรึบสิ่งพาล สั่นสังขารโลกร่านลวง
จับไฟไหม้มือกล้า พสุธาค่าใหญ่หลวง
กี่ภูมิขยุ้มทรวง ขยี้ย้ำจำใจครอง
เก็บสุขก็ทุกข์เคล้า ใครเขย่าเหล่าโลกผอง
ขูดโลกส่ำโศกนอง นิจเนื่องเน่าเนืองนาม
ไอร้อนสะท้อนฐาน จิตวิญญาณอันล้นหลาม
หนักวางเบาสร่างทราม งามง่ายง่ายพริบภายใน
หมายเหตุ : พิมพ์ในหนังสือกวีนิพนธ์
"เรามีเวลาที่เท่ากัน" โดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน
หน้า 79