24 สิงหาคม 2544 10:18 น.
ภีม
ภายใต้ความเงียบเหงาความร้าวราน
หนึ่งชีวิตตำนานผ่านความหมาย
แสวงหาคำตอบรอบข้างกาย
จุดสุดท้ายหวังลับดับวูบพลัน
คือสายธารจากตาคราโหยไห้
มารินไหลนองหน้าว่าโศกศัลย์
อุปสรรคนักสู้ผู้ฝ่าฟัน
ใกล้จุดหมายปลายฝันกั้นปิดทาง
ล้มทรุดกายสิ้นท่าผู้ปราชัย
อุปสรรคยิ่งใหญ่ใดกีดขวาง
มิอาจเป็นเช่นผู้รู้ปล่อยวาง
บนเส้นทางนักสู้ผู้ปราชัย
โทษว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต
ให้ชีวิตเสียหลักแทบตักษัย
ช่างไร้ความเมตตาให้อาลัย
สิ้นสงสัยยอมแพ้แก่ชะตา
ใจหนึ่งใจแพ้พ่ายกายจึงทรุด
จึงสิ้นสุดแค่นี้ที่ฝันหา
สายธารเศร้าเข้าครองทั้งสองตา
ได้รู้ว่าที่แท้ยอมแพ้เอง ฯ
18 สิงหาคม 2544 11:29 น.
ภีม
วันนี้อาจท้อใจไร้ความหมาย
อาจโชคร้ายเศร้าหมองต้องผิดหวัง
แต่ชีวิตใช่สิ้นป่นภินท์พัง
ชีวิตยังคงอยู่จงสู้ไป
วันนี้อาจท้อแท้เพราะแพ้พ่าย
อย่าเพิ่งหมายเปลี่ยนจิตคิดหวั่นไหว
ประสบการณ์ครั้งหนึ่งซึ้งหัวใจ
คือบทเรียนสอนให้ใฝ่ระวัง
วันนี้อาจล้มลงจงทนฝืน
ลุกขึ้นยืนก้าวไปด้วยใจหวัง
เอาบทเรียนมาเป็นเช่นพลัง
สู้อีกครั้งเพื่อวันฝันสมปอง
พรุ่งนี้อาจไม่เป็นเช่นวันนี้
จะร้ายดีอย่าคิดให้จิตหมอง
แม้ล้มลงอีกหนทนประลอง
ใช่ว่าต้องพ่ายแพ้ทุกทีไป
วันนี้เป็นพลังสร้างพรุ่งนี้
อย่าคิดหนีทิ้งฝันอันสดใส
พลาดกี่หนทนสู้อยู่ต่อไป
แม้พรุ่งนี้หัวใจไม่เลิกรา ฯ
10 สิงหาคม 2544 14:22 น.
ภีม
อ้อมอกแทนผ้าห่มกันลมหนาว
อิ่มคำข้าวแม่ป้อนก่อนหลับใหล
เสียงเพลงกล่อมขับขานกังวาลไกล
คือสายใยผูกพันนิรันดร์กาล
ดั่งดวงใจแก้วตาชีวาแม่
บริสุทธิ์รักแท้แผ่ไพศาล
ชีวิตหนึ่งในมือคือตำนาน
สองมือท่านลิขิตชีวิตคน
สองมือที่อุ้มใส่ไกวเปลกล่อม
เปลี่ยนผ้าอ้อมผืนขาวคราวหมองหม่น
แววตาที่เป็นห่วงช่วงซุกซน
เป็นกังวลดวงใจยามไกลตา
โตแล้วเจ้าห่างกายหายไปไหน
ลืมแล้วหรืออย่างไรใครห่วงหา
เฝ้าคิดถึงเจ้าตัวน้อยคอยเวลา
เจ้าตัวน้อยกลับมาหาแม่ที
กลับมาเถิดกลับมาหาไออุ่น
ตักเคยหนุนเคยซบพบสุขี
รับขวัญเจ้าเริงรื่นชื่นชีวี
ด้วยเสียงที่เคยเฝ้ากล่อมเจ้านอน
โอละเห่ตัวน้อยกลอยใจแม่
อย่างอแงโศกเศร้าเจ้าขวัญอ่อน
แม่อยู่ใกล้เคียงเจ้าเมื่อเข้านอน
เมื่อเจ้าร้อนพัดคลายให้กายเย็น
เฝ้าดูแลกล่อมเคียงเลี้ยงแต่อ้อน
เฝ้าอาทรจนใหญ่ไม่ทุกข์เข็ญ
จากอกแม่ลาไกลไปลำเค็ญ
กลับร่มเย็นเมื่อพบซบอกแม่ ฯ
2 สิงหาคม 2544 10:22 น.
ภีม
ทุกถ้อยคำที่จารผ่านอักษร
เป็นบทกลอนจากใจใฝ่สืบศิลป์
เพื่อนกวีทั่วไทยได้ยลยิน
ได้ถวิลร้องหาเมื่อลาจร
ทุกถ้อยคำคัดคั้นกลั่นจากใจ
ดุจสายใยผูกจิตมิตรอักษร
รวมกระแสแห่งรักลงวรรคตอน
ภาพสะท้อนข้างในฤทัยดล
เรียงร้อยพันวจีกวีสรรค์
เพื่อกำนัลมวลมิตรสัมฤทธิ์ผล
เสพย์งานศิลป์เริงรื่นชื่นกมล
เพราะทุกคนล้วนรักอักษรกานท์
ฝากบทกลอนเอาไว้ให้มวลมิตร
กลั่นจากจิตจารึกอย่างฮึกหาญ
หวังสถิตคู่ใจไปยาวนาน
แม้ล่วงผ่านเวลาอย่าลืมกัน
เมื่อถึงบทกวีที่สุดท้าย
จากสหายร่วมทางร่วมสร้างสรรค์
จบวรรคตอนถ้อยคำที่รำพัน
ขอลาพลันเพื่อนรักมวลนักกลอน ฯ
1 สิงหาคม 2544 22:04 น.
ภีม
ล่วงมาแล้วดั่งกาลเมื่อวานนี้
แต่ยังมีเรื่องค้างบนทางฝัน
เหมือนดังบ่วงห่วงคล้องเกี่ยวข้องพัน
เมื่อเยาว์วันแห่งรุ่นดรุณวัย
ตกลงในหลุมรักสลักจิต
หรือบุพเพลิขิตคิดสงสัย
คนสองคนมาปองต้องฤทัย
ต่างห่วงใยสมัครรักผูกพัน
ไร้เดียงสาเยาว์วัยฤทัยวุ่น
รักแรกรุ่นแปลกใจเหมือนในฝัน
พบครั้งแรกแปลกนักหลงรักพลัน
ดั่งเทวาสร้างสรรค์ดลบันดาล
ฉันวันนี้แกร่งกล้ากว่าคนเก่า
ยังคงเฝ้าห่วงหาเวลาหวาน
แม้รักแรกล่วงลับไปกับกาล
เป็นตำนานรักหนึ่งตราตรึงใจ
แม้คิดถึงทุกครั้งยังเริงรื่น
ทุกวันคืนเฝ้าคิดพิสมัย
รักครั้งแรกประทับกับฤทัย
รักครั้งใหม่รออยู่มิรู้เลย
รักแรกแม้หายลับราวดับฝัน
เทวาท่านคงแกล้งแสร้งนิ่งเฉย
โปรดบันดาลวานวันอันล่วงเลย
ขอรักเอยเคยจรให้ย้อนมา
ฉันวันนี้ไม่เป็นเช่นวันวาน
แสนเสียดายรักหวานเพราะเดียงสา
แม้ขอได้อยากฝืนคืนเวลา
เพื่อรักษารักแรกไว้ให้ยืนยง ฯ