28 กรกฎาคม 2544 22:58 น.
ภีม
เปล่านะไม่ใช่ความผูกพัน
เธอกับฉันแค่คนเคยรู้จัก
ไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่ารัก
แค่ทายทักเพราะรู้จักกันเท่านั้นเอง
ไม่นะฉันไม่บังอาจหรอก
ที่คิดจะบอกเธออย่างนั้น
เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์
บอกรักกันฉันไม่เคยคิด
ก็เธอบอกฉันแค่เพียงเพื่อน
เป็นเหมือนคนรู้จัก
เปล่าจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดรัก
ไม่เคยคิดสักนิดจริง ๆ
เปล่านะไม่ใช่ฉันปากแข็ง
ทำเป็นแกล้งเฉยชา
ไม่เลยสักครา
ที่คิดว่าจะรักเธอ
ขอโทษหากเธอไม่พอใจ
ฉันทำได้เพียงเท่านี้
ปฏิเสธทั้ง ๆ ที่รู้ดี
ใจดวงนี้คิดอย่างไร ฯ
28 กรกฎาคม 2544 22:34 น.
ภีม
ในเส้นทางสายนี้ที่ก้าวเดิน
น่าเพลิดเพลินไร้ทุกข์เปี่ยมสุขสันต์
เป็นเส้นทางความรักความผูกพัน
เป็นเส้นทางแห่งฝันอันงดงาม
ไม่ต้องการอะไรสิ่งใดเพิ่ม
ไม่ต้องเสริมให้เลยเถิดจนเลิศล้ำ
ไม่ต้องพูดหวานหวานแสนล้านคำ
ไม่ต้องพร่ำพรรณาก็เข้าใจ
เพียงคำรักคำหนึ่งซึ่งเกินพอ
แม้จะรอผ่านคืนวันนานแค่ไหน
แม้อ่อนล้าคิดท้อทนรอไป
เพราะรักให้ความหวังกำลังใจ
เมื่อเส้นทางสายนี้มีทางแยก
มีเหตุผลเข้าแทรกเริ่มหวั่นไหว
กำลังรักเริ่มหมดลดน้อยไป
ความรู้สึกข้างในใจก็จาง
มีเหตุผลนานามาเป็นหนึ่ง
รักที่ซึ้งกลับเปลี่ยนเป็นบาดหมาง
ในที่สุดรักนั้นพลันแยกทาง
รักจึงร้างเป็นรองหมองหัวใจ
เริ่มมีทุกข์โศกเศร้าเหงาเปล่าเปลี่ยว
อยู่คนเดียวเพราะรักโดนผลักไส
สิ้นเรี่ยวแรงความหวังกำลังใจ
ฝันก็ไม่สวยสดไม่งดงาม
คือความรักระหว่างทางชีวิต
มีถูกผิดสมหวังทั้งร้องร่ำ
มีสว่างย่อมมีที่มืดดำ
มีชอกช้ำมีสุขทุกข์ปะปน ฯ
28 กรกฎาคม 2544 05:01 น.
ภีม
ตอกย้ำกันใช่ไหม
เธอถึงได้เดินมากับเขา
ทำเฉยเมยระหว่างเรา
ฉันสิเจ็บเหงาอยู่คนเดียว
ตอกย้ำกันใช่ไหม
เห็นหน้ากันทีไรเธอไม่สน
ทำอย่างกับฉันไร้ตัวตน
ฉันก็แค่คนเดินผ่านไป
ตอกย้ำกันใช่ไหม
เพื่อความสะใจของเธอ
ปล่อยให้ฉันพร่ำเพ้อ
แต่ว่าเธอไปกับใคร
ตอกย้ำในความรู้สึก
เธอไม่เคยนึกถึงฉัน
เธอลืมความผูกพัน
ที่เรามีกันและกันเมื่อวันวาน ฯ
28 กรกฎาคม 2544 02:37 น.
ภีม
ความรักหรือ ? ใครๆ ก็รู้จัก
สมหวังหรือ ? ใครๆ ก็ต้องการ
ความสุขหรือ ? ใครๆ ก็ปรารถนา ฯลฯ
อกหักหรือ ? ใครๆ ก็เคยเจอ
ผิดหวังหรือ ? ใครๆ ก็เบือนหนี
ความทุกข์หรือ ? ใครๆ ก็หวาดกลัว ฯลฯ
คู่กันไปเสมอบนเส้นทางชีวิต
มีถูกมีผิดมืดดำสว่างขาว
เพราะใครๆ ก็มีหัวใจ
28 กรกฎาคม 2544 02:04 น.
ภีม
ปลิดขั้วปลิวพริ้วล่วงร่วงบนทราย
เปื่อยสลายตามกาลที่ผ่านผัน
อากาศเย็นร้อนรุกทุกคืนวัน
เร่งบีบคั้นทำลายกลายเป็นดิน
เปื่อยผุพังไม่ยั่งยืนฝืนไม่ได้
สลายไปเปื่อยป่นจนหมดสิ้น
กาลเวลาขย้ำกล้ำกลืนกิน
ต้องพังภินท์เปื่อยป่นบนพื้นทราย
กลางคืนที่เหน็บหนาวดาวเต็มฟ้า
ส่องแสงจ้าสว่างต่างเฉิดฉาย
หยาดน้ำค้างฉ่ำเย็นเซ็นกระจาย
ระเหยหายเมื่อฟ้ารับตาวัน
ดินชุ่มฉ่ำน้ำค้างที่พร่างพรม
ยอดหญ้าล้อเล่นลมที่โลมผ่าน
ทุกทุกสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาล
ดั่งดนตรีขับขานแล้วจบลง
ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
เป็นคำสอนให้ละโลภโกรธหลง
อย่ายึดมั่นอัตตาว่ามั่นคง
จักดำรงยั่งยืนฝืนอนิจจัง
เป็นปรัชญาใบไม้ให้ข้อคิด
ช่วยสะกิดตักเตือนเหมือนสอนสั่ง
เกิดมาแล้วชีวิตนี้ไม่จีรัง
ล้วนต้องพังแตกดับลับสิ้นไป ฯ