10 สิงหาคม 2544 14:22 น.
ภีม
อ้อมอกแทนผ้าห่มกันลมหนาว
อิ่มคำข้าวแม่ป้อนก่อนหลับใหล
เสียงเพลงกล่อมขับขานกังวาลไกล
คือสายใยผูกพันนิรันดร์กาล
ดั่งดวงใจแก้วตาชีวาแม่
บริสุทธิ์รักแท้แผ่ไพศาล
ชีวิตหนึ่งในมือคือตำนาน
สองมือท่านลิขิตชีวิตคน
สองมือที่อุ้มใส่ไกวเปลกล่อม
เปลี่ยนผ้าอ้อมผืนขาวคราวหมองหม่น
แววตาที่เป็นห่วงช่วงซุกซน
เป็นกังวลดวงใจยามไกลตา
โตแล้วเจ้าห่างกายหายไปไหน
ลืมแล้วหรืออย่างไรใครห่วงหา
เฝ้าคิดถึงเจ้าตัวน้อยคอยเวลา
เจ้าตัวน้อยกลับมาหาแม่ที
กลับมาเถิดกลับมาหาไออุ่น
ตักเคยหนุนเคยซบพบสุขี
รับขวัญเจ้าเริงรื่นชื่นชีวี
ด้วยเสียงที่เคยเฝ้ากล่อมเจ้านอน
โอละเห่ตัวน้อยกลอยใจแม่
อย่างอแงโศกเศร้าเจ้าขวัญอ่อน
แม่อยู่ใกล้เคียงเจ้าเมื่อเข้านอน
เมื่อเจ้าร้อนพัดคลายให้กายเย็น
เฝ้าดูแลกล่อมเคียงเลี้ยงแต่อ้อน
เฝ้าอาทรจนใหญ่ไม่ทุกข์เข็ญ
จากอกแม่ลาไกลไปลำเค็ญ
กลับร่มเย็นเมื่อพบซบอกแม่ ฯ
2 สิงหาคม 2544 10:22 น.
ภีม
ทุกถ้อยคำที่จารผ่านอักษร
เป็นบทกลอนจากใจใฝ่สืบศิลป์
เพื่อนกวีทั่วไทยได้ยลยิน
ได้ถวิลร้องหาเมื่อลาจร
ทุกถ้อยคำคัดคั้นกลั่นจากใจ
ดุจสายใยผูกจิตมิตรอักษร
รวมกระแสแห่งรักลงวรรคตอน
ภาพสะท้อนข้างในฤทัยดล
เรียงร้อยพันวจีกวีสรรค์
เพื่อกำนัลมวลมิตรสัมฤทธิ์ผล
เสพย์งานศิลป์เริงรื่นชื่นกมล
เพราะทุกคนล้วนรักอักษรกานท์
ฝากบทกลอนเอาไว้ให้มวลมิตร
กลั่นจากจิตจารึกอย่างฮึกหาญ
หวังสถิตคู่ใจไปยาวนาน
แม้ล่วงผ่านเวลาอย่าลืมกัน
เมื่อถึงบทกวีที่สุดท้าย
จากสหายร่วมทางร่วมสร้างสรรค์
จบวรรคตอนถ้อยคำที่รำพัน
ขอลาพลันเพื่อนรักมวลนักกลอน ฯ
1 สิงหาคม 2544 22:04 น.
ภีม
ล่วงมาแล้วดั่งกาลเมื่อวานนี้
แต่ยังมีเรื่องค้างบนทางฝัน
เหมือนดังบ่วงห่วงคล้องเกี่ยวข้องพัน
เมื่อเยาว์วันแห่งรุ่นดรุณวัย
ตกลงในหลุมรักสลักจิต
หรือบุพเพลิขิตคิดสงสัย
คนสองคนมาปองต้องฤทัย
ต่างห่วงใยสมัครรักผูกพัน
ไร้เดียงสาเยาว์วัยฤทัยวุ่น
รักแรกรุ่นแปลกใจเหมือนในฝัน
พบครั้งแรกแปลกนักหลงรักพลัน
ดั่งเทวาสร้างสรรค์ดลบันดาล
ฉันวันนี้แกร่งกล้ากว่าคนเก่า
ยังคงเฝ้าห่วงหาเวลาหวาน
แม้รักแรกล่วงลับไปกับกาล
เป็นตำนานรักหนึ่งตราตรึงใจ
แม้คิดถึงทุกครั้งยังเริงรื่น
ทุกวันคืนเฝ้าคิดพิสมัย
รักครั้งแรกประทับกับฤทัย
รักครั้งใหม่รออยู่มิรู้เลย
รักแรกแม้หายลับราวดับฝัน
เทวาท่านคงแกล้งแสร้งนิ่งเฉย
โปรดบันดาลวานวันอันล่วงเลย
ขอรักเอยเคยจรให้ย้อนมา
ฉันวันนี้ไม่เป็นเช่นวันวาน
แสนเสียดายรักหวานเพราะเดียงสา
แม้ขอได้อยากฝืนคืนเวลา
เพื่อรักษารักแรกไว้ให้ยืนยง ฯ
30 กรกฎาคม 2544 08:43 น.
ภีม
ค่ำคืนที่เดือนดาวไม่พราวฟ้า
หมู่เมฆามืดดำทำหวั่นไหว
โศกกำสรดหงอยเหงาเศร้าหัวใจ
นั่งรอใครบางคนไม่เห็นมา
ดึกสงัดฝนตกอกปวดร้าว
ทั่วกายหนาวป่วนปั่นสั่นผวา
ฉ่ำไอฝนโปรยปรายคล้ายน้ำตา
ล่วงเวลานัดหมายคล้ายแกล้งกัน
ทนฝืนทนกายหนาวนั่งเฝ้ารอ
ไม่ทดท้อแม้หมองต้องโศกศัลย์
หากคืนนี้ไม่มาเจอหน้ากัน
พรุ่งนี้ฉันลาก่อนขอจรไกล
แต่รอแล้วรอเล่าเฝ้าทั้งคืน
อุตส่าห์ฝืนรอรั้งรู้บ้างไหม
รอทั้งคืนร้าวรวดปวดหัวใจ
แต่ว่าใครบางคนไม่เห็นมา
ก็ไม่รู้เหมือนกันฉันรอใคร
นั่งรอไปแสนเหนื่อยทั้งเมื่อยล้า
ลุกขึ้นเดินก้าวไปในมรรคา
ฉันมันบ้ารอใครไม่เห็นมา ฯ
30 กรกฎาคม 2544 07:22 น.
ภีม
หวังสักวันอยู่ใกล้ กอดกาย
เราห่างกันมากมาย หม่นไหม้
ขอรักไม่จากหาย เหินห่าง คงเทอญ
ดังอยู่เคียงกายใกล้ ค่ำเช้าทุกวัน
ดาวเดือนคงคู่ฟ้า ราตรี
ปลาคู่สายนที ท่วมท้น
ทิวาคู่สุรีย์ แสงส่อง อยู่นา
ดังคู่เรารักล้น เรื่อยรื้นต่อกัน ฯ