11 ตุลาคม 2544 05:33 น.
ภีม
เหนือแผ่นดินขึ้นไปในท้องฟ้า ดังแผ่นผ้าสีครามงามสดใส
นกกาเคยโผผินบินเที่ยวไป ผืนนภากว้างใหญ่ไม่ลำเค็ญ
มาวันนี้ฟ้าหม่นปนสีแดง ทุกหนแห่งร้อนรุ่มสุมทุกเข็ญ
คนและสัตว์ขัดข้องต้องลำเค็ญ โลกร่มเย็นต้องทุกข์ลุกเป็นไฟ
ฝูงนกเหล็กบินว่อนร่อนไปมา เต็มผืนฟ้าเสียงลั่นสนั่นไหว
ทิ้งระเบิดแล้วกลับลับหายไป ตาลีบันเป็นไฟเพราะใครกันหมดสิ้นสันติภาพเคยอาบหล้า เกิดสงครามตามล่าให้อาสัญ
ขนอาวุธหลากหลายหมายประจัญ ระดมพลห้ำหั่นไม่หวั่นเกรง
เอาชีวิตเข้าสู้ให้รู้ผล หมายต่อต้านทุรชนคนข่มเหง
อเมริกายิ่งใหญ่ไยมิเกรง มาทำโตคุยเบ่งว่าเก่งจริง
จึงอาฆาตมุ่งร้ายให้ตายดับ ให้อีกฝ่ายย่อยยับกับทุกสิ่ง
บุกเข้าไปไม่ละไม่ประวิง ไม่ล้อเล่นทำจริงยิงใส่กัน
ชาวประชาหน้าดำรับกรรมทั่ว พบกับความหวาดกลัวจนหัวปั่น
เพราะสองฝ่ายอาฆาตเข้าฟาดฟัน อพยพหลบกันกลัวบรรลัย
ไม่มีวันสิ้นสุดหยุดสงคราม ต่างฝ่ายต่างทำตามความกระหาย
เป็นศัตรูคู่ข้องจ้องทำลาย ใจกลับกลายเป็นสัตว์กัดกันเอง ฯ
9 ตุลาคม 2544 10:16 น.
ภีม
ฉันเที่ยวเพลินเดินย่างข้างถนน
เห็นผู้คนมากมายกายเคลื่อนไหว
ก้าวขึ้นรถลงรถทดกันไป
ดูขวักไขว่วุ่นวายเพราะหลายคน
ในเส้นทางรถวิ่งชิงกันแซง
ต่างเบียดแย่งซ้ายขวาน่าสับสน
ฝ่าไฟแดงติดไฟเขียวเลี้ยววกวน
ปากก็บ่นด่าว่าประสาคน
ฉันเดินถึงทางม้าลายที่หมายปอง
แล้วยืนมองซ้ายขวาน่าฉงน
รถมากมายวิ่งไวไม่เห็นคน
ยอมยืนทนต่อไปในทางคน
พอรถติดไฟแดงแย่งกันเดิน
ไม่มัวเพลินเผลอไผลในถนน
หากเดินช้ามีหวังพังแน่คน
ถูกรถชนสิ้นใจไม่เป็นคน
เสียงแตรรถแปร๊นดังเหมือนสั่งเร่ง
ต้องเขย่งก้าวกระโดดทำโลดโผน
เป็นโชคดีของฉันไม่งั้นโดน
เร่งกระโจนให้ถึงซึ่งทางคน
ผ่านเวลาหวาดเสียวประเดี๋ยวใจ
เพลินต่อไปก้าวย่างข้างถนน
เดินเรื่อยเปื่อยต่อไปไม่ยินยล
เพราะเป็นคนคนหนึ่งซึ่งเป็นคน ฯ
2 กันยายน 2544 11:09 น.
ภีม
โดดเดี่ยวแม้ในฝันคืนฉันเหงา
เป็นฝันเศร้าแสนเจ็บใจเหน็บหนาว
ราตรีที่อ้างว้างช่างแสนยาว
ทนปวดร้าวรับรู้อยู่ข้างใน
เธอเงียบหายหลบหน้าจากลาร้าง
มาเหินห่างอยากรู้ว่าอยู่ไหน
แกล้งมาทำเหมือนรักถักสายใย
แล้วก็จากฉันไปไม่ใยดี
ทิ้งให้ฉันโศกเศร้าเหงาคนเดียว
อยู่เปล่าเปลี่ยวใจกายเธอหน่ายหนี
ดั่งนิทราฝันค้างกลางราตรี
โอ้คนดีตัดสายใยใจดำนัก
วานนี้รักวันนี้ลืม บทเพลงว่า
อนิจจาใจหมองต้องช้ำหนัก
เหมือนว่ามีหัวใจให้เขาลัก
เอามีดปักกรีดลงตรงหัวใจ
แม้คืนนี้มีดาวพราวเต็มฟ้า
แต่เหว่ว้าหงอยเหงาเศร้าหวั่นไหว
หลับลงอย่างคนเหงาปวดร้าวใจ
ร้างคนเคยชิดใกล้ดั่งไร้ดาว ฯ
24 สิงหาคม 2544 10:18 น.
ภีม
ภายใต้ความเงียบเหงาความร้าวราน
หนึ่งชีวิตตำนานผ่านความหมาย
แสวงหาคำตอบรอบข้างกาย
จุดสุดท้ายหวังลับดับวูบพลัน
คือสายธารจากตาคราโหยไห้
มารินไหลนองหน้าว่าโศกศัลย์
อุปสรรคนักสู้ผู้ฝ่าฟัน
ใกล้จุดหมายปลายฝันกั้นปิดทาง
ล้มทรุดกายสิ้นท่าผู้ปราชัย
อุปสรรคยิ่งใหญ่ใดกีดขวาง
มิอาจเป็นเช่นผู้รู้ปล่อยวาง
บนเส้นทางนักสู้ผู้ปราชัย
โทษว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต
ให้ชีวิตเสียหลักแทบตักษัย
ช่างไร้ความเมตตาให้อาลัย
สิ้นสงสัยยอมแพ้แก่ชะตา
ใจหนึ่งใจแพ้พ่ายกายจึงทรุด
จึงสิ้นสุดแค่นี้ที่ฝันหา
สายธารเศร้าเข้าครองทั้งสองตา
ได้รู้ว่าที่แท้ยอมแพ้เอง ฯ
18 สิงหาคม 2544 11:29 น.
ภีม
วันนี้อาจท้อใจไร้ความหมาย
อาจโชคร้ายเศร้าหมองต้องผิดหวัง
แต่ชีวิตใช่สิ้นป่นภินท์พัง
ชีวิตยังคงอยู่จงสู้ไป
วันนี้อาจท้อแท้เพราะแพ้พ่าย
อย่าเพิ่งหมายเปลี่ยนจิตคิดหวั่นไหว
ประสบการณ์ครั้งหนึ่งซึ้งหัวใจ
คือบทเรียนสอนให้ใฝ่ระวัง
วันนี้อาจล้มลงจงทนฝืน
ลุกขึ้นยืนก้าวไปด้วยใจหวัง
เอาบทเรียนมาเป็นเช่นพลัง
สู้อีกครั้งเพื่อวันฝันสมปอง
พรุ่งนี้อาจไม่เป็นเช่นวันนี้
จะร้ายดีอย่าคิดให้จิตหมอง
แม้ล้มลงอีกหนทนประลอง
ใช่ว่าต้องพ่ายแพ้ทุกทีไป
วันนี้เป็นพลังสร้างพรุ่งนี้
อย่าคิดหนีทิ้งฝันอันสดใส
พลาดกี่หนทนสู้อยู่ต่อไป
แม้พรุ่งนี้หัวใจไม่เลิกรา ฯ