2 เมษายน 2550 01:43 น.
ภาเกตุ
แด่ความเจ็บปวดที่ใครเล่าจะรู้เท่าเรา
การบูชาความรัก กับเงื่อนเวลาที่แปรเปลี่ยน สร้างความบอบช้ำให้สภาพจิตใจ อนิจสงค์ของความรักมีอนุภาพ เพียงแค่ใครจะเป็นผู้รับกรรม ความเจ็บปวดจะปรากฏแก่ท่าน ความทุกข์ทรมานนั้นคืออะไร ใครเล่าจะรู้เท่าเรา ผู้บูชาเป็นทาสแห่งรัก และคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ราวๆสามปีที่แล้ว เรื่องที่ผมได้ประสบพบเจอ ทำให้ผมหวนรำลึกความหลังสมัยยังเป็นเด็กหนุ่ม วัยที่เริ่มแรกรัก ตอนนั้น ผมหมายถึงเมื่อสามปีที่แล้ว เพื่อนหญิงของผมคนหนึ่งเธอเดินร้องไห้เข้ามาหาผม ผมก็ไม่รู้เธอเป็นอะไร ผมมองๆและครุ่นคิด และเริ่มแน่ใจว่าคงไม่มีอะไรทำให้คนตรงหน้าผมร้องให้ได้ นอกจากเรื่องรักๆใคร่ๆ เมื่อผมเริ่มถามสาเหตุอาการร่ำร้องของเธอ ผมก็ได้ความจริงเช่นนั้น เธอเล่าวนเวียนวกวนไปๆมาๆก็ มีแค่เรื่องเดียวคือเขาทิ้งเธอ ทิ้งอย่างไม่ไยดี ทิ้งเพราะเหตุผลเพียงเวลานี้เธอไม่ใช่ คนที่เขาต้องการ ผมอยากจะรู้จริงๆว่าชายคนนั้นเขาต้องการอะไร ผู้หญิงที่เขามีอยู่คนนี้ต้องมานั่งร้องไห้ใจจะขาด ความเจ็บปวดที่เธอได้รับมาจากความไม่ต้องการของคนๆหนึ่งเท่านั้น จำได้ว่ากว่าเพื่อนหญิงของผมคนนี้จะคลายทุกข์ก็ปาไปเป็นปี ใช่แล้วเธอยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปพร้อมกับลบเลือนความเจ็บปวดที่ยังครั่งค้างอยู่ได้ คำพูดมากมายถูกพูดขึ้นเพื่อชี้แนะเตือนสติหรือสร้างความผ่อนคลาย ที่สะกิดใจผมก็มีอยู่สักสี่ห้าประโยชน์จากบุคคลที่ต่างกัน
ทำไมวะ ทำไมแกต้องมาเสียน้ำตาให้คนแบบนั้นด้วย มันไม่คุ้มกันเลย จากผู้หญิงบุคลิกโดดเด่นเรื่องความเป็นผู้นำ เธอรุ่นเดียวกับพวกเราแต่มีตำแน่งการงานเป็นหัวหน้า
เขาทิ้งไปก็ชั่งเขา แกก็ออกจะสวยหาใหม่ได้ง่ายๆจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
ฉันเข้าใจ ฉันก็เคยเป็น แกยังโชคดีนะที่มีโอกาสได้รัก อาจจะนานหน่อยนะ แต่มันก็ต้องทำใจ จากผู้หญิงที่ดูเรียบกับคำปลอบโยนที่แสดงความเห็นใจ
ทำอย่างอื่นดีกว่า เอาแบบสนุกๆ เรื่องไม่ดีไม่ต้องไปคิด เชื่อเราเถอะ จากชายร่าเริงในกลุ่มเพื่อนอีกคน
อยากจะบอกว่าถึงแกไม่มีใคร แกก็ยังมีเรา นี่คือคำพูดของผมเอง
ผมไม่รู้ว่ามันจะช่วยเธอได้แค่ไหนเพราะมันเป็นเพียงคำปลอบใจ ถ้าลองไล่ดูจากคำปลอบใจเหล่านี้ สมองของผมกลับไปสะดุดกับประโยคที่สาม จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้จักเธอมานานตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ จะบอกว่าเราผ่านวัยเด็กหนุ่มเด็กสาวมาด้วยกันก็ได้ เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆไม่ค่อยเด่นเหมือนคนอื่นๆ ผมเข้าใจดีว่าวัยนั้นเราๆก็อยากสวยอยากหล่อกันทั้งนั้น เพียงความมั่นใจอีกเล็กน้อยก็สำคัญแล้ว ผมเองก็หาวิธีให้ตัวเองดูเด่นดังอยู่เหมือนกันโดยวิธีเข้ากลุ่มเด่นๆ จะเตะฟุตบอล เล่นบาสเก็ตบอล กีฬาอะไรผมก็เล่นทั้งนั้น ผมยังโชคดีอยู่อีกอย่างคือผมเป็นคนเรียนเก่ง สาวทั้งที่เป็นเพื่อน และรุ่นน้อง ติดผมเกลียวกราว ใจจริงผมก็ดีใจแต่ที่แสดงออกไปมันไม่ใช่เลย ผมมีข้อเสียข้อหนึ่งที่สำคัญคือ ผมไม่ชอบแสดงออก พูดน้อย ส่วนใหญ่จึงได้แต่ยิ้มตอบเท่านั้น มีคนเคยบอกผมว่าบุคลิกแบบนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบนัก มันดูเท่ดี มีความลึกลับ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้คิดเช่นนั้น กลับรู้สึกว่าเป็นปัญหาแทน
ผมขอพูดถึงผู้หญิงสมัยเรียนที่ไม่เด่นคนนั้นที่เป็นเจ้าของคำปลอบใจประโยคที่สามอีกครั้ง เธอชื่อ กัญ ย่อมาจากชื่อจริงที่ว่า กัญญารัตน์ เราอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด แต่ผมเพิ่งมาสนิทกับเธอสองปีหลังก่อนเรียนจบ กัญเป็นคนพูดน้อยทำให้ผมไม่ขัดเขินเมื่ออยู่กับเธอ คล้ายกับว่าเราเป็นคนที่เหมือนๆกัน ผมเริ่มรู้จักกับเธอเพราะผมเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้ที่ปกหลังสมุดการบ้านของเธอ ซึ่งความจริงผมเขียนผิดเล่ม มันเป็นมือถือที่พี่ชายผมให้มา แล้วเขาโทรมาบอกเบอร์เครื่องที่หลัง ผมก็เลยหาอะไรจดไว้ และคิดว่ามันเป็นสมุดการบ้านของตัวผมเอง แต่แล้วกลับเป็นของกัญ คืนนั้นเองกัญก็โทรหาผมพอรู้ว่าเป็นผมเธอก็ทำเสียงตกใจ แต่เราก็ยังคุยกันต่อ โดยผมให้เบอร์บ้านเธอเพราะโทรเข้าบ้านจะถูกกว่า เธอมักจะโทรเข้ามาตอนทุ่มครึ่ง มันเป็นเวลาประจำและการโทรก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเพิ่งจะรู้ว่ากัญคนเรียบร้อยที่ผมเห็นตัวจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย การพูดการจาและเรื่องที่หามาคุยมันทำให้ผมสนุกตามเสมอ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกัญตามสายมา เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเราอยู่ที่โรงเรียนเราถึงไม่คุยกัน ไม่พูดกัน ทำหน้าที่คนรู้จักกันด้วยการยิ้มให้หรือส่งสายตาบอก การสื่อความหมายผ่านทางสายตาไม่ได้บ่งบอกอะไรที่มากไปกว่าเพื่อนที่เหินห่าง ผมควรจะเข้าไปหากัญไปพูดคุยกับเธอแบบที่เคยคุยผ่านโทรศัพท์ บอกความมีตัวตนของผมให้เธอได้รู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆกับเธอ ถ้าตอนนั้นผมกล้านะ
หลายเดือนผ่านพ้นไปหัวใจของผมเริ่มอ้างว้าง แม้กัญจะยังโทรมาคุยกันเหมือนเคย แลดูจะสนิทกันมากขึ้นเสียอีก แต่สิ่งที่ผมรู้คือความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปอาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคย จนเสมอเหมือนเป็นเพื่อนธรรมดาๆไปแล้ว จนผมกล้าพูดคำว่ารำคาญแล้ว อย่ายุ่งให้มาก และอะไรอีกมากที่เพื่อนจะพูดกับเพื่อน รวมถึงปรึกษาเรื่องความรัก ความคิดที่เคยลึกซึ้งเกินไปบ้างมันดูจะเหือดหายไปอย่างที่ผมไม่ทันรู้ตัว
และวันหนึ่งความรู้บางอย่างก็เกิดขึ้น ผมเรียนรู้มันจากความผิดหวังของใครบางคน ที่ผมสงสารจนจับใจ ผมไม่รู้จะช่วยเธอยังไง การที่ผมห่วงใยเธอมากมายแต่แสดงออกไม่ได้ มันชั่งทรมานแทบเป็นแทบตายในห้วงวินาทีหนึ่งๆได้เลย ทุกความเคลื่อนไหวของเธอสถิตเสถียรในสายตาของผม พะวงต่อการเป็นไปของชีวิตที่บอบบางนั้น หลายครั้งผมสับสนว่าผมจะเป็นเช่นนี้เพื่ออะไร ทำไมผมถึงอยากพูดอยากคุย ถามและพยายามทำอะไรๆไปได้มากขนาดนั้นโดยไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ก็ไม่อาจละเลิกสิ่งเหล่านั้นได้ มันเหมือนสิ่งที่เป็นกฎบัญญัติไว้ให้เป็นไป สรรสร้างและสร้างสรรค์ในเรื่องเล็กน้อยให้มีความหมาย ขอให้มันเกี่ยวกับเธอเท่านั้นก็พอใจ ทุกวันผมกุรีกุจรไปรับเธอและรอเธอหลังเลิกงานเพื่อไปส่ง บ้านผมคนทางและห่างไกลกับเธอมากพอดู มันไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยเลย ผมสดชื่นทุกเช้าที่ตื่นขึ้น และอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกหลังเลิกงาน ที่เคยคิดว่าตัวเองพูดน้อยและมีนิสัยเงียบขรึมเป็นส่วนใหญ่ กลับต่างออกไป ใครจะรู้ว่าผมก็มีความสามารถจะพูดเรื่องราวมากมายที่ขบขันทั้งยังมีชีวิตชีวาออกมาได้ ผมได้แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะผ่อนคลายหัวใจของเธอลงได้ และน่าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมมีความสุข สุขอย่างที่ไม่เคยพบเลยสักครั้งในชีวิต
ทีหลังไม่ต้องมาส่งเราแล้ว เรากลับเองเป็น
คำพูดนี้ทำผมสะอึกกลั้นเสียงลมหายใจที่กำลังจะผ่านลำคอออกไปถามว่าทำไม ที่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ถามสมใจ แท้จริงใจของผมมันสั่นสะท้านเมื่อคนเป็นโรคหอบ แต่ก็ไม่กล้าต่อปากด้วยถ้อยคำใดอีก มีเพียงความชอกช้ำที่มาจากไหน ซัดเอารอยยิ้มของผมไปโดยไม่บอกกล่าว
ทำไมถึงได้ทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ คิดมากไปหมดทุกเรื่องเลยน่าเบื่อจริงๆ
แรกฟังคำพูดจากปากเธอ ผมเตือนใจตัวเองให้คิดเพียงคำพูดเล่น จวนจะยับยั้งอะไรได้ทัน เพราะหัวใจของผมได้ร่วงหล่นกราวไปเสียแล้ว การหายใจผมเริ่มหอบเหือด ร้อนลมวาบตามใบหน้าและร้อนที่สุดที่กกหู เหมือนจะมีอะไรแปลกๆมาครอบครองพื้นที่แห่งดวงตา มีทางเดียวคือการฉีกปากออกไปจนแลดูยิ้มอย่างเบิกบานที่สุด แสนทรมานแต่ต้องทนให้ได้
เราคิดว่าเราจะคบกับป้อมละ แกว่าดีมะ
ผมกำลังหยุดนิ่งในสมองอันว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกอะไรอีก ลมหายใจผ่อนออกผ่อนเข้าได้ไม่ทั่วท้อง ร่างกายของผมเปราะบางโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมอยากจะแทรกตัวเองออกไปกลับอากาศที่อยู่รอบตัว เหมือนผมไม่ได้มีตัวตนอีกแล้ว ใครกันทำให้เป็นแบบนี้ ความเจ็บปวดกระแทกเข้าไปลึกที่สุดของหัวใจ ที่ผมรู้ว่าไม่มีทางที่ใครจะรับรู้ได้เลย มีความจริงบางอย่างที่ผมทราบทันทีที่เธอพูดประโยคนั้นคือไม่มีใครจะเจ็บปวดแทนตัวเราได้ ถ้าเราไม่เลือกที่จะเดินออกมาจากความเจ็บปวดเองก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากมันได้เลย
ผมได้เริ่มเรียนรู้อะไรบางอย่างที่มีคุณค่า การจะห่างไกลจากความเจ็บปวด มีวิธีใดบ้างที่ผมจะทำได้ การร้องไห้ผมไม่เชื่อว่าการร้องไห้จะช่วยอะไรได้ ผู้ชายอย่างผมควรหรือจะมาร้องไห้กับเรื่องผู้หญิง แต่กลับเป็นว่าหยาดน้ำตาใสๆจากผู้ชายคนหนึ่งจากตาของผมมันมาช่วยชะล้างจิตใจให้เศร้าน้อยลงไปบ้าง อย่างน้อยทุกครั้งที่ผมร้องไห้เสร็จผมก็จะเหนื่อย และนอนหลับไปเพราะความเพลีย ที่ผมคิดอีกอย่างก็คือผมไปทำบาปกรรมอะไรกับใครไว้หรือไม่ ถ้าเคยพรากใครเขาให้จากกันในพบชาติใดก็ขอให้มันพ้นไปสิ้นกรรมกันแต่เพียงนี้ ยังจำคำพูดของกัญที่ใช้ปลอบใจเพื่อนหญิงที่ผิดหวังเรื่องความรักมาได้ไหมฉันเข้าใจ ฉันก็เคยเป็น แกยังโชคดีนะที่มีโอกาสได้รัก อาจจะนานหน่อยนะ แต่มันก็ต้องทำใจ ใช่แล้วผมกำลังคิดว่าอาจเป็นกรรมที่ผมทำกับกัญ คนที่กัญชอบอาจเป็นผม ผมไม่ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ผมคิดในตอนแรก ผมไม่พูดความรู้สึกที่แท้จริงว่าเริ่มแรกนั้นผมสนใจในตัวกัญ ผมปฏิเสธในสิ่งที่ผู้ชายควรจะทำคือการเข้าไปหาเธอก่อนบ้าง ทั้งที่กัญคอยโทรหาผมตลอดและผมก็รู้ว่ากัญห่วงใยผมในทุกๆเรื่อง และไม่ว่าผมจะแสดงออกอย่างไรเธอก็รับได้เสมอนั้นเป็นสิ่งที่ผมคิด ไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อเวลาได้เปลี่ยนไปใจคนก็เปลี่ยนตามอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ผมจะเปลี่ยนความรู้สึกไปเป็นเพื่อนแน่แท้กับกัญในภายหลัง ผมก็แสดงออกไปอย่างตัวผมรู้เพียงคนเดียว หากกัญสังเกตเห็นผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าการเปลี่ยนไปของผมจะสร้างความเจ็บปวดให้เธอได้มากแค่ไหน ถ้าผมบอกเอ่ยปากว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างจริงจังสักครั้งผมคงไม่รู้สึกผิดได้มากมายขนาดนี้ สิ่งที่ควรจะทำเมื่อนานมาแล้วอาจไม่มีค่าแล้วเมื่อเวลาผ่านไป แต่ยังไงผมก็จะพูด
กัญเราขอโทษ แกนะ
เรื่องอะไรของแก มาขอโทษอะไร
เมื่อก่อนเราเคยชอบแกนะ แต่พอรู้จักกันมากๆเข้า สนิทกันไปนานๆแกก็กลายมาเป็นเพื่อนรักของเราแทน เราขอโทษ ที่ไม่เคยบอกแกเลย หลังสิ้นเสียงผม ใบหน้าของกัญก็ต่างออกไป เหมือนว่ากำลังตกตลึงอะไรบ้างอย่าง พราวตาของกัญเริ่มเอ่อล้น แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มได้อย่างที่ผมไม่เคยเห็น เธอนิ่งไปสักพักก่อนจะเอื้อคำที่ประเสริฐยิ่งแก่ผม
ไม่เป็นไร อย่างน้อยแกก็รู้แล้ว แค่นี้ก็พอผมและกัญปิดข้อสนทนาสั้นๆเพียงแค่นั้น แต่จิตใจของเราก็ต่างเป็นอิสระจากกันโดยแท้
หลายวันจากนั้นผมกับกัญก็สนิทกันมากยิ่งขึ้น ความเป็นเพื่อนอย่างแท้จริงเกิดขึ้นได้เมื่อเราไม่คล่องใจกันและกันอีกต่อไป กัญบอกผมว่ายังมีอีกอย่างที่ช่วยให้หลุดพ้นความเจ็บปวด และผมก็เข้าใจในทันทีที่กัญบอก เวลาเท่านั้น เวลาจะบรรเทาทุกข์เวลาจะเยียวยาหัวใจ แม้จะไม่ทุกอย่างแต่เวลาก็มีผลมากที่สุดสำหรับเรื่องของความรัก ผมรู้แล้วกัญผมรู้แล้วว่ากว่าจะหยัดยืนอยู่ได้ทั้งที่ใจเจ็บปวดมันต้องอาศัยความเข้มแข็งแค่ไหน เวลาจะทำให้เราเคยชินเองและผ่านพ้นมันมาได้
แต่เรื่องของแก น้ำตากับเวลาไม่ช่วยอะไรหรอกนะ เพราะแกยังมีโอกาส กัญพูดกับผม และเฉลยอะไรบางอย่างแก่คนโง่เขลาเช่นผม
แกต้องมีความกล้า บอกความจริงให้ก้อยรู้สิ ถ้าแกปล่อยเวลาไปสิ่งที่แกเคยทำนอกจากมันจะไม่ให้อะไรกับแกแล้ว แกจะมีแต่เจ็บกับเจ็บที่ต้องคิดถึงมัน โดยที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย บอกก้อยซะ แกรู้ไหม สิ่งที่จะช่วยให้คนเราพ้นจากความเจ็บปวดนะคือความกล้า กล้าที่พูดความจริง กล้าที่จะบอกออกไปโดยไม่กลัวที่จะเจ็บปวดทีหลัง เพราะความเจ็บปวดจากการเก็บกดไว้ในใจแบบที่เราไม่มีทางรู้อะไรเลยได้แต่คิดไปเองมันเจ็บมากว่าความเจ็บปวดจากเรื่องจริงที่ต้องยอมรับให้ได้นะแก
ผมอยากบอกว่าจากคำพูดของกัญวันนั้น เป็นแรงส่งชีวิตของผมเลยทีเดียว กัญคือเพื่อนรักเพียงคนเดียวของผม และยังเป็นคนที่ผมนับถือต่อเรื่องความเจ็บปวดที่เคยอดทนของเธอแม้ผมจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เรียกได้ว่าผมสร้างกรรมไว้กับเธอ ความกล้าของผมเพียงบอกขอโทษเธอก็เป็นการปลดปล่อยจิตใจของเธอให้เป็นอิสระแล้วพอจะเป็นตัวอย่างได้ คนเราต้องมีความกล้าถึงจะอยู่อย่างเข้าใจตัวเองและรู้จักความสุขที่แท้จริงของชีวิตได้ ตราบใดที่เรามีโอกาสก็จนใช้ความกล้านั้นคือสิ่งที่ผมคิดก่อนจะเอ่ยปากกับก้อย ว่าผมรักเธอ และไม่รู้ว่าผมรักเธอตั้งแต่เมื่อไร จำได้เพียงวันนั้นเธอเดินร้องไห้เข้ามาหาผมเพราะใครคนนั้นทำเธอให้ต้องเสียใจ จากนั้นผมก็รู้สึกเจ็บปวดเสมอมาเมื่อเห็นเธอเจ็บปวด ผมดีใจที่ก้อยคลายทุกข์ลงได้ สามปีที่ผ่านมาผมรู้สึกดีๆกับก้อย ความรู้สึกมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ และผมก็รู้ดีว่าก้อยกำลังคบกับใครคนใหม่อยู่ ผมขอบอกก้อยไว้เพียงเท่านี้ ความกล้าของผมประจักษ์ใจของผมเองไม่ว่าก้อยจะตอบเช่นไรผมก็จะยอมรับมัน ถึงแม้มันจะต้องเจ็บปวดก็ตามผมคิดว่าผมคงยอมรับได้ เพราะอย่างน้อยก้อยก็ได้รู้แล้ว ว่าผมรักเธอ สำหรับผมแค่นี้ก็พอ จริงไหม
อย่าหวาดหวั่นถ้าเขาบอกว่าไม่รัก
อย่าหยุดพักถ้าหัวใจเธอเรียกร้อง
อย่าท้อถอยถ้ารักนี้ไม่สมใจปอง
อย่าเก็บไว้ถ้าเธอรักเขาจริงจริง