25 มิถุนายน 2548 01:55 น.
ภาวิดา
(โคลง ๔)
ความต้องการหยุดยั้ง อย่างใจ
ครุ่นคิดทำสิ่งใด เฉื่อยช้า
เกินกิจก่อนทำไป กาลหมด
ตกดึกแรงอ่อนล้า ปัดพ้นผ่านวัน
ยังมีวันพรุ่งนี้ นอนรอ
หลับตื่นอย่างเพียงพอ ค่ำเช้า
เจ้านายบ่นบ้าบอ บ้างเบื่อ
จนจิตนำโน้มน้าว อยากให้ผ่อนคลาย
หลากหลายกิจวัตรล้น สืบสาน
งกงกเงิ่นงุ่นงาน เสร็จชิ้น
ฉุกคิดจิตจับกานต์ กลอนเก็บ
หลากเลื่อนจับปลายลิ้น จากร้างอาลัย
ปราศรัยใจพร่ำเพร้อ บันดาล
สัมผัสศัพท์ผ่านซ่าน แสบเนื้อ
ลหุโดดเด่นลมปราน ปากเปล่ง
จิตจับจังหวะฉันท์เชื้อ เฉกเฉ้นประดา
(อินทรวิเชียนรฉันท์ ๑๑)
กล่าวทฤษฎีหิน ฤสุบินพิสูจน์ไหว
เวิ้งว้าง ณ กลางใจ วิเคราะห์สิ่งเสน่หา
ฟังก์ชั่นก็คาดหวัง มิสะพรั่งก็สั่งมา
พอใจมิไคลคลา จะประดิษฐ์นิมิตเอง
(โคลง ๔)
มามิทันตระเนื้อ เตรียมตัว
แจกแผ่นquizขึ้นหัว คาดเคว้ง
คำถามไล่ชาญชั่ว ฉายฉัตร
ภวังค์ขึ้นลอยเท้ง ถ่ายถ้อยทดแทน
ดูแคลนวิชาไปไซร้ ควรทำ
มิอาจหาญน้อมนำ สักน้อย
ลำบากท่านตรากตรำ ลิขิต มานา
ให้สรรพสิ่งเรียงร้อย อยู่ขู้ทฤษฎี
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)
บทนี้จะเรียนยุทิลิตี้ ทฤษฎี ธ พอใจ
เริ่มแรกจะMax ฤ Minimize วิเคราะห์ในตลาดนี้
Subject จะหา ณ ปริมาณ สมการประมาณ P
รายได้มิอิสระคดี ผลรวมขนาดศูนย์
Lagrange สมานสมณสูตร ผิวภูตพลากูล
คำนวณคณิตสะระตะคูณ อนุภาคดนัยผล
(โคลง ๔)
เศรษฐศาสตร์ดังเด่นด้าว แห่งโลก ใดฤๅ
อันสิ่งเสพย์บริโภค มากล้น
กระดาษหมึกเปียกโชก สีฉาบ ลายลาน
ใดหากได้หลุดพ้น จากห้วงกิเลศมาร
ดาลเราดั่งพ่อค้า หน้าชาด
ขูดรีดจากความฉลาด ฉีกเนื้อ
ปากป้องป่าวประกาศ กิจช่วย
สรรสิ่งแสนเอื้อเฟื้อ หลอกหล้อคนจน
ผจญภัยพาลแผดร้าว รานรน
มิเกี่ยวมิมาสน ไต่เต้า
ฉอเลาะอีกฉ้อฉล ฉายเฉิด
ฝนฝ่าละอองเฝ้า หลั่งไห้ยินดี
(สุรางคนางค์ ๓๒)
พิรุณประทาน พิศาลพิศักดิ์ สมาณจักร สลักฤดี
จะโปรยจะปราย สลายมณี ยหยดวิถี นทีขจาร
(โคลง ๔)
ละอองฝนพร่ำพร้อม ภักดี
สู่ธรนินทร์อินทรีย์ สาดส้าน
โปรยปริ่มให้เปรมปรีดิ์ ปานหยาด ทิพย์นา
โปรยปลุกผืนผ่าผ้าน ฝากฝ้าฝ่าฝัน
สำคัญอย่างยิ่งแล้ว อารมณ์
ขณะแล่นสวนสังคม อย่างดื้อ
ขนาบขึ้นข่มคารม ครวญขอบ
ยังมิยอมหยุดยื้อ หลากเหล้นลีลา
2 มิถุนายน 2548 22:38 น.
ภาวิดา
๏ เคลื่อนเคลื่อนไหวไหวใบขยับ
ระรื่นคลื่นขับอย่างช้าช้า
วุ่นวิ่งวิ่งไหวอยู่ไปมา
สืบสลับพลับพลามายาพรรณ
๏ ดึงกิ่งดันก้านก้านกระดิก
เหยียบยอดยอดพลิกยะเย้ยหยัน
ย้ายต้นเยื่องย่างตามตะวัน
ยืนแอบแนบกระชั้น ณ กลางกราย
๏ ย่ำกิ่งซ้ำรอยมาห้อยโหน
ระย้าร้อยย้อยโยนระยางสาย
ทิ้งตัวโน้มน้าวราวระบาย
กระโดดก้านกรานก่ายสลายแรง
๏ ลิ่วลิ่วเป็นริ้วเป็นเรือนร่าง
รูปใสอำพรางสว่างแสง
ทะลุยอดทอดยิ้มมาทิ่มแทง
ถนอมสินธุ์สำแดงจำแลงกาย
๏ เวียนวนวนวะว่อนวะหวีดหวิว
กรายกรายกระทบผิวผะแผ่วผาย
สัมผัสนุ่มนวลมาทักทาย
เย็นเย็นผล่อนคลาย ธ กายา
๏ แล่นแล่นพาพัดสัมผัสพลัง
รินหลั่งละล้าโลมโสมอุษา
ทิ้งตัวยั่วย้ายสยายนภา
โบกบัตรสะบัดท้าสายตาเรา
๏ รื่นรมย์ดวงจิตสนิทเนื้อ
รวงริ้วปลิวเครือระเรื่อเร่า
เสียงเสนาะเยาะยิ้มพะพริ้มเพรา
ลวงหลอกหยอกเย้าให้เข้าไป
๏ ฤๅเล่นลวงเล่ห์สเน่หา
ลวงหลอกสายตาอยู่หนไหน
ลิ่วลิ่วปลิวขยับอยู่กับใบ
ลับลับขยับไหลไล่ไม่ทัน
๏ ดังเจ้ามีกายที่ไร้หน้า
โปร่งแสงเจิดจ้าพะพร่าฝัน
ซ่อนอยู่แห่งใดแห่งไหนกัน
ใจฉันคอยเฝ้านะเจ้าลม
���