20 ธันวาคม 2548 16:00 น.

สับ สน

ภาวิดา

๏วันแล้ววันเล่าที่โลกร้าย  
เป็นวันสุดท้ายที่โลกเร้า
บีบเค้นเข่นคั้นหัวใจเรา   
วันนี้ฉันเข้าไปลุยเพลิง
 
๏รีบร้อนรอนรอนมิผ่อนร้อน
ลุยโลกละครมิหลุดเหลิง
ลงเล่นราคาพาระเริง
ช่วงชิงชั้นเชิงบันเทิงทา

๏หลุดโลกโลกรั้งพะวังหลุด
ยังอยากมิยั้งหยุดจะไฝ่หา
ยังยอกแย้มย้ำไว้ในวาจา
ติดฟ้าฟากฝากฟ้าถลาลม
 
๏ข่มใจโง่ข่มเขลาบรรเทาแรง
ข่มท่าเข้มแข็งแสร้งมิขม
สุขซ่านหวานลิ้นต้องสิ้นลม
สิ้นแสงสุขสมระงมงาม

๏กลั่นใจแกล้งกลั่นมิหลั่นลด
กลอยใจเจ้าหมดความเกรงขาม
เกลียวใจกลืนกล้ำในคำความ
กลางใจวาบหวามในความจริง
 
๏วันผ่านกาลยุดให้หยุดคิด
วูบผ่านชีวิตที่ปลิดทิ้ง
วันหวานปานหอมยอมประวิง
ทำลายสรรพสิ่งมิกริ่งเกรง

๏ถูกแท้ทิ้งทวนให้ครวญคิด
ถูกแล้วทางผิดให้ถอยเร่ง
ถูกแท้ถูกถ้อยค่อยบรรเลง
ถูกทิ้งลอยเท้งอยู่ท้ายลม
 
๏สุขชั่วเวลาประกาศิต
สุขวันละนิดประสิทธิ์สม
สุขนิดทุกข์น้อยชม้อยชม
สุขเคล้าระทมผสมพอ
				
1 ธันวาคม 2548 23:29 น.

อาศิรวาท

ภาวิดา

๏ รวมประชาประนมและน้อมประนต
สรวมคุณานภาจรด
ณ พื้นดิน

๏ เทิดพระคุณชละชโลมระริน
ประทานประทับฤทัยมิสิ้น
ประชากร

๏ ราชดำริทะนุบำรุงนคร
ธ เตือนคติพสกนิกร
ระรื่นเย็น

๏ ทั้งเสด็จประพาสพระบาทลำเค็ญ
จะทุกข์ ฤ ร้อน ธ ผ่อนทุกข์เข็ญ
กระเซ็นสาย

๏ ทรงมิเหน็ดมิเหนื่อยพระวรกาย
พระหัตถ์กระทบเม็ดเหงื่อเม็ดทราย
ซร้องสรรเสริญ

๏ ขอพระองค์บิดาทรงพระเจริญ
สถิตหทัยสยามเทอญ
ยิ่งยืนนาน

				
4 ตุลาคม 2548 00:13 น.

ยัง บางกอก

ภาวิดา


๏ 6 บาทมาหยุดตรงสุดสาย
มุ่งหมายย้ายเยื้องยังเหมืองหลวง
ยิ้มหยอกหลอกฟ้าประดาดวง
ฟ้ายิ้มพิมพ์สรวงดังรวงทอง

๏ ชื่นมื่นเช้าใหม่ในวันหมาย
ริบหรี่คลี่คลายเมื่อย้ายของ
สีเสกสรรสั่งดังรับรอง
แม้คนหม่นหมองเมื่อมองมา

๏ ลมผ่านสัมผัสดูรัดรึง
ลูบกล้ำคำนึงถึงใบหน้า
โรยรินกลิ่นไอที่ไกลตา
ลำเลียงอุษามาเรไร

๏ รถราเรียงคันในวันว่าง
ลัดระยะทางให้กลางใกล้
ละลิ่วลมเร้าดังเป่าไป
ก็ถึงจุดหมายดังใจนึก

๏ กรีดกรายเกาเหลาสำเภาข้าว
หงส์ร่อนร้อนหนาวจึงรู้สึก
หากกายแต่ใจยังรู้ลึก
พร่างประกายพฤกษ์ปรากฏชัด

๏ เหินขึ้นร่อนลงทั้งตรงเฉียง
กระดานกรานเกรียงลำเลียงฉัตร
เลื่อนเหลื่อมเอื้อมข้ามศตวรรษ
อุโมงค์อุบัติประภัสสร์ซ้อน

๏ ใต้พื้นถนนบนคอนกรีต
บังเกิดเหล็กรีดใยกรีดก้อน
บังอาจแย้มเยือนยังเรือนรอน
กำแพงหินอ่อนอรอัญชัญ

๏ ณ ถิ่น "มารวย" อำนวยกิจ
อาคารบ่มวิทยาสันต์
แอร์เย็นอุ่นไอใกล้ตะวัน
ชื่นธารกำนัลชมเยาวชน\\
				
31 กรกฎาคม 2548 03:43 น.

วาน หวาน

ภาวิดา

๏เพียงฝันระเรื่อเมื่อวันหวาน
ภาพพริ้มประสานบนลานสาย
ผีเสื้อกระพริบระยิบลาย
ผิวผ่องเพทายกระจายฟ้า

๏หวานเอยหวานใดหวานดูดดื่ม
หวานมิรู้ลืมรสหวานว่า
หวานชื่นแว่วหวังกระดังงา
หวานแว่วแววตาที่น่ามอง

๏พาดผ่านเวลาระย้าย้าย
หวานลมสลายละม้ายหมอง
เว้งว้างสละเพียงละออง
วานหวานมิป้องประคองกาย

๏วันนี้มิหวานดังวานก่อน
วานเฝ้าเว้าวอนขจรฉาย
วันนี้เปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
วานหวานวานหายมิวายวอน

๏อยากย้อนใยเยื่อเมื่อวันหวาน
ยอกย้อนทะยานยังกาลก่อน
ยังแย้มแซมยิ้มพะพริ้มพร
ยากอยากจะย้อนนิกรกาล

๏วันหวานวานนั้นหรือวันนี้
วอนฤดีว่าให้กล้าหาญ
วิมุตหวั่นไหวสู่ชัยชาญ
แว่วหวังวังหวานทะยานไกล

๏ภาพพริ้มพิมพ์รักสลักจิต
พาดผ่านนิมิตสถิตย์ไว้
เพียร ลบเก็บลับอยู่กับใจ
พลันเลือนหายไปมิไหววอน

๏ลืมแล้ววันหวานดังวานนี้
ลายสีสะพรั่งดุจสั่งสอน
ลบเลือนรอยร้าวเมื่อคราวร้อน
เหลือเพียงเศษก้อนตะกอนดิน

๏ตักเตือนตะกอนเจ้าก้อนกรวด
เติมความเจ็บปวดโดยก้อนหิน
รดน้ำชาเฉยจนเคยชิน
ตราบมิสิ้น หวานฤทธิ์วานวัน


ปล. วิมุต  =  หลุดพ้น , พ้น
       นิกร =  หมู่ , พวก				
12 กรกฎาคม 2548 01:11 น.

ประทาน นาม

ภาวิดา


๏  ปานประวิงน้ำปิงเมื่อวันหวาน
ปานประดับนภาที่โปรดปราน
ปันประสานนงคราญปานประกาย

เปรียบประทีบลานนาประดู่เด่น
แปมปนเป็นปิ่นประดับระยับสาย
ปรางค์ผกา รวงระย้าประดาราย
เปี่ยมประทับปรับปรายประกายปวง

ยามหญิงหนึ่งถือเกิดกำเนิดนั้น
เสด็จลงจากสวรรค์ในชั้นสรวง
สู่โลกทิพย์จุติรับสดับดวง
สิริ ทรวงสั่งหล้าสุมาลี

สิ้นราตรีพยับโพยมโสมนัส
สุดจรัสแสงสร้างสุรีย์ศรี
โสมอุษาสาดสรรอัญชุลี
สาดส่องแสงทะลุลี้ฤดีดวง

เสด็จ ธ ประสูติประเสริฐศักดิ์
ปวงประชาจงรักประจักษ์หวง
ผิวละมุนกรุ่นสะพรั่งดั่งจันทร์จวง
กิตติกุสุมพุ่มพวงยังดวงดาว

อัศจรรย์กัญญา ณ ราตรี
ปรากฏเก็จแก้วมณีสีขาว
ประกายเด่นดวงหน้าดาราพราว
สดสกาวยืนยาวทั้งค่ำคืน

ประทานนาม"......" ดังการณ์ว่า
ทรงกำหนดนามานี้ด้วยมีพื้น
ให้ทราบเหตุระบัดที่หยัดยืน
ให้เก็บกลืนสิ่งด้อยสู่รอยลาง
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภาวิดา