15 กันยายน 2547 12:55 น.
ภากร
..มาอำลากล่าวบอกเพื่อนทุกท่าน
ภากรนั้นขอหยุดหลบพักผ่อน
คงไม่ได้พร่ำบรรยายในบทกลอน
ยังอาวรณ์จำต้องจากร้างลาไป
เสียงหัวใจตอนนี้มันอ่อนแผ่ว
หมดแรงแล้วมิอาจสู้ต่อไหว
หยุดสักพักเก็บแรงสร้างกำลังใจ
นานเท่าไหร่บอกไม่ได้จะกลับมา
จะคิดถึงเพื่อนพี่น้องทุกท่าน
ผลงานนั้นขอฝากช่วยศึกษา
ดีไม่ดีติบอกกล่าววาจา
เหมือนต้นกล้ารากยึดไม่ติดดิน
จรดปากกาขีดเขียนเพิ่งเริ่มหัด
วจีคัดจากใจใฝ่ถวิล
เหมือนนกน้อยล่องลอยหัดโผบิน
ก้าวสู่ถิ่นฟ้ากว้างเพื่อเป็นครู
ขอติดตามผลงานเพื่อนนักเขียน
ที่พากเพียรสรรสร้างงานเลิศหรู
กลั่นจากจิตจากใจน่าเชิดชู
ศิษย์มีครูขอชื่นชมในผลงาน
...นามภากรความหมายคือแสงอาทิตย์
อาจแรงฤทธิ์น่าเกรงขามด้วยแสงจ้า
คงมีบ้างอ่อนแรงบางเวลา
เมฆเมธาบดบังดูครึ้มไป
แต่ไม่นานคงกลับมาสว่าง
ไม่เคยร้างห่างหายจากไปไหน
ยังวนเวียนหมุนผ่านตามทางไป
สัญญาไว้ภากรจะกลับมา
14 กันยายน 2547 12:53 น.
ภากร
...อยากบอกว่าที่จริงใจนั้นรัก
แต่ยากนักแตกต่างด้วยเหตุผล
กลัวความรักดำเนินไปไม่มั่นคง
กลัวรักล้มล่มกลางทางหัวใจ
...เพราะอดีตที่ผ่านมามีแบบสอน
เป็นภาพหลอนฝังจิตยังจำได้
ด้วยความต่างจำแยกจากกันไป
เหลือทิ้งไว้ภาพเก่าคนหลอกลวง
...อยากจะได้คำว่าแฟนกลัวเสียเพื่อน
กลับดูเหมือนลังเลไม่หนักหน่วง
อยากให้รู้ว่ารักอยู่เต็มทรวง
ทั้งรักห่วงและหวงมากกว่าใคร
...แต่จำต้องเก็บความรู้สึกไว้
อยู่ภายในไม่กล้าเอ่ยด้วยหวั่นไหว
เพราะไม่รู้เธอคิดกับฉันนั้นอย่างไร
จำเผื่อใจไว้เจ็บหากรักเธอ
...พรรณาบอกกล่าวให้เธอรู้
หากอ่านอยู่คงเข้าใจใช่ฝันเพ้อ
ความหวังดีห่วงใยมีให้เธอ
รักเสมอคือเสียงก้องของหัวใจ
14 กันยายน 2547 12:41 น.
ภากร
...เรื่องราวผ่านเตือนสติให้จำไว้
อย่าเชื่อใจไว้ใจใครใครเขา
ฟังหูไว้หูอย่าเชื่ออย่าหูเบา
เพียงลมปากเป่าผ่านเดี๋ยวคงลืม
...เวลาผ่านความทรงจำก็จางหาย
เมฆหมอกร้ายครอบคลุมสุดทนฝืน
ศรัทธาหมดสุดช้ำทนกล้ำกลืน
จำต้องยืนกลางทางเปลี่ยวน่าหวาดกลัว
...มองหนทางข้างหน้าไร้ไออุ่น
เปรียบอรุณไม่ส่องแสงทางสลัว
ค่อยค่อยก้าวค่อยค่อยย่องทางมืดมัว
อยู่อย่างคนเจียมตัวต้องทำใจ
...มาวันนี้ตัวเราเหงาโดดเดี่ยว
อยู่คนเดียวหวิวหวั่นสะท้านไหว
ขาดทั้งเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจ
เคยสัญญาเอาไว้เขาก็ลืม
...ไม่เคยโกรธโทษใครให้ลำบาก
เพียงกาฝากเกาะกิ่งเขาหยิบยื่น
ยามอ่อนแอล้มลุกต้องหยัดยืน
ฝันหลับตื่นขึ้นมาไร้คู่ใจ
13 กันยายน 2547 14:50 น.
ภากร
...ในชีวิตที่ผ่านมามีเรื่องราว
มีปวดร้าวมีสุขทุกข์ผสม
มีสมหวังดีร้ายเคล้าเปปน
มีสับสนวุ่นวายเหงาสุดใจ
...เก็บอดีตบันทึกเพื่อเตือนจิต
ปัจจุบันคิดทำดีจิตผ่องใส
อนาคตตั้งมั่นฝันให้ไกล
ก้าวเดินไปอย่าท้อแพ้ตัวเอง
...หากเหนื่อยนักหยุดพักสักนิดก่อน
ค่อยค่อยผ่อนลมหายใจอย่างอ่อนแผ่ว
ล้มแล้วลุกขึ้นต่อเดินตามแนว
จิตแน่แน่วมุ่งสู่ประตูชัย
13 กันยายน 2547 14:43 น.
ภากร
...นามรดาแปลความหมายรื่นรมย์แล้ว
ส่องประกายวับวาวแสงสดใส
บทกลอนเด่นถ้อยคำอันจริงใจ
เป็นหนึ่งในไทยโพเอ็มด้วยผลงาน
เก็บเอาคำร้อยเรียงมาจัดสรร
ช่วยสรรสร้างบทความอันแสนหวาน
กลอนคุณภาพคือหนึ่งในตำนาน
จะติดตามผลงานด้วยจริงใจ
ขอยกย่องบอกกล่าว ณ ตรงนี้
ด้วยฝีมือยังด้อยสื่อความหมาย
ฝากติชมผลงานจากดวงใจ
โปรดจงให้ความเห็นเป็นบทเรียน
อย่างน้อยน้อยรดา-ภากรก็คือเพื่อน
อย่าแชเชือนมองผ่านหรือแปรเปลี่ยน
ช่วยตักเตือนให้สติหรือติเตียน
รดายังเป็นเทียนส่องสว่างในหัวใจ