6 มิถุนายน 2552 22:30 น.
ภัทราภา
อันชีวิตคนเราช่างเศร้านัก
ไม่พร้อมพักความสุขซึ่งทุกข์หนี
ยังเวียนว่ายปะปนความเลวดี
มีราคีหมองมัวให้พัวพัน
มีใครบ้างเพียบพร้อมทั้งชีวิต
บ้างจริตมารยามาห้ำหั่น
มีเงินทองเหลือล้นหมื่นล้านพัน
ที่ทำกันเพียงอ้างความรวยจน
มีความสุขสุขที่ใจใช่สิ่งของ
เพียงเหลียวมองลอบข้างทุกแห่งหน
ตัดปัญหาเนื่องจากความมีจน
อยู่อย่างคนเห็นค่าของตัวเรา
ไม่ต้องเปรียบชีวิตกับคนอื่น
พาขมขื่นไม่มีเหมือนดั่งเขา
จงพอใจในสิ่งที่เป็นเรา
อย่าเอาเงาคนอื่นมาขืนตน
เกิดเป็นคนก็มีเพียงเท่านี้
ยังโชคดีมีสิทธิทำกุศล
มีโอกาสอย่าข้ามความเป็นคน
เร่งรู้ตนรู้อยู่คู่ความดี
20 พฤษภาคม 2552 22:05 น.
ภัทราภา
อันความฝันมีไว้อยู่ในจิต
แม้มืดมิดหนทางไม่ห่างหาย
หอบหัวใจใส่กระเป๋าเคียงคู่กาย
จุดมุ่งหมายแม้ไกลก็พร้อมทน
เกิดเป็นคนครั้งหนึ่งควรมีฝัน
ร่วมฝ่าฟันปัญหามีสักหน
แม้หนทางยาวไกลให้อดทน
ผ่านแดดฝนกระหน่ำให้ช้ำใจ
เปรียบความฝันก็เหมือนทางสายหนึ่ง
ที่คล้ายคลึงเรื่องจริงดั่งสิ่งหมาย
ผ่านที่สวยงดงามดอกไม้พราย
บางทีร้ายลำเค็ญไม่เห็นทาง
แม้สองเท้าก้าวเดินทีละนิด
ไม่หลงผิดแม้มีเครื่องกีดขวาง
มีทางโค้งวกวนให้หลงทาง
เพียงก้าวย่างมั่นใจในตัวเรา
18 พฤษภาคม 2552 21:26 น.
ภัทราภา
คุณเคยเกิดความเหงากันบ้างไหม
คุณเคยไหมที่ใจมันอ้างว้าง
นั่งซึมเซาเหม่อมองไม่รู้ทาง
เหมือนนกร้างคืนถิ่นถวิลมา
เหมือนดั่งเป็นหุ่นฟางกลางท้องทุ่ง
เฝ้าผดุงทั่วถิ่นจากปักษา
ปล่อยโดดเดี่ยวอ้างว้างกลางท้องนา
มีแผ่นดินท้องฟ้าเป็นเดิมพัน
เหมือนดั่งเป็นต้นไม้ที่โดดเดี่ยว
ยืนต้นเรียวแห้งตายน่าอาสัญ
เหลือกิ่งก้านทิ้งใบสีสายัณห์
ล่วงละลิ่วพลิ้วพลันตามเวลา
ความเหงานี้จมลึกถึงดวงจิต
สอดซ่อนในความคิดแห่งห้วงหา
ความเหงานี่เอ่อล้นเกินอัตรา
จึงได้มารำพันเป็นคำกลอน
17 พฤษภาคม 2552 21:39 น.
ภัทราภา
ถึงรุ่งเช้าไอหนาวจากฝนตก
แผ่สะบกทั่วหล้าขอบฟ้าเขียว
มองท้องฟ้าเบื้องบนเมฆกลมเกลียว
ยอดไม้สูงริบเรียวเขียวตามทัน
แดดลับหายโรยอ่อนผ่อนจากฟ้า
ทั้งพื้นดินต้นหญ้าต่างสุขสันต์
ป่าไม้แห้งเร่งเขียวเฉลียวพลัน
ดอกพฤกษานานาพันธุ์ต่างผลิบาน
ห้วยละหานหนองบึงคิดถึงน้ำ
วารีวารไหลรวมร่วมผสาน
หมู่มัจฉาพลุบโผล่โล้ลำธาร
เพียงหยาดฝนหล่นลานม่านธารา
ภูเขาเขียวเงาตกกระทบน้ำ
บรรพตพายผุดพรายใต้เวหา
สรรพสิ่งบนโลกฟื้นคืนมา
ด้วยหยาดฝนล้ำค่าฟ้าประทาน