1 มิถุนายน 2546 10:09 น.
ฟ้าสาง
วันหนึ่งฝนตกรถติด ผมนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ในรถที่จอดสนิทมานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยิ่งมองไปข้างๆ เห็นเด็กหนุ่มในรถยี่ห้อแพงหน้าตาหงุดหงิดพอกันแล้วก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีเข้าไปใหญ่
ผมอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อเด็กขายพวงมาลัยเดินมาเคาะกระจกรถเรียกให้ช่วยซื้อ เวลาปกติผมยังไม่ค่อยอยากจะซื้อเลย อารมณ์หงุดหงิดอย่างนี้ยิ่งไม่ค่อยอยากซื้อเข้าไปใหญ่ ผมส่ายหัวปฏิเสธอยู่พัก เจ้าเด็กจอมตื๊อจึงยอมเดินผละจากผมไปที่รถคันโก้ข้างๆ
คาดว่าเจ้าตี๋ในรถคันนั้นคงปฏิเสธเหมือนกัน เพราะเห็นเจ้าเด็กน้อยยังคงเดินไปตามรถคันโน้นคันนี้ แต่ผมเข้าใจผิด เพราะเจ้าเด็กขายพวงมาลัยเดินกลับมาที่รถของผมอีกครั้ง ในมือถือพวงมาลัยที่ยังเหลือยอยู่อีกสองสามพวง เขาพยายามจะพูดอะไรซักอย่างกับผมด้วยหน้าตาร้อนรนจนผมมต้องลดกระจกลงคุยด้วย
เด็กคนนั้นยื่นพวงมาลัยให้ผม ผมยืนยันคำเดิมว่าไม่ซื้อ เด็กบอกว่าให้ฟรีไม่เอาเงิน เพราะผู้ชายในรถข้างๆจ่ายเงินให้แล้ว
".....พี่เขาให้เงินมา แต่ไม่เอาพวงมาลัย เขาให้ผมเอาไปขายต่อ แต่ผมไม่อยากขาย ผมมีพวงมาลัยเท่านี้ ก็ควรจะได้เงินเท่านี้ พี่เขาเลยบอกให้ผมเอาไปเดินแจกรถคันอื่นๆ พี่ช่วยเก็บไปหน่อยสิ ผมอยากไปเล่นน้ำฝนกับเพื่อน"
ผมรับพวงมาลัยพวงเล็กๆสองพวงนั้นมาอย่างงงๆ ตามองตามเด็กคนนั้นไป ก็เห็นวิ่งเร็วจี๋ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเย้วๆกลางสายฝนกันอย่างสนุกสนาน
ละอองฝนตรงกระจกข้างเตือนให้ผมกดปุ่มเลื่อนกระจกขึ้น กลิ่นหอมของดอกมะลิทำให้ผมยิ้ม และค้อมหัวขอบคุณเด็กหนุ่มหน้าตี๋ในรถคันข้างๆ เขายิ้มตอบผม ป่านนี้รถหลายๆคันแถวนี้คงอบอวลไปด้วยกลิ่นมะลิและรอยยิ้มไปเหมือนรถของผม
กลิ่นมะลิยังคงหอมอยู่ในใจผมอีกหลายวัน