12 มิถุนายน 2556 19:35 น.
แสงไต้บ่ใช้น้ำมัน
ริ้วแสงค่ำถามทางย่างก้าวกลับ
ประคองจบไต้ตะเกียงไฟเอียงไหว
เหนื่อยหรือเปล่าแม่บักน้อย*ยอดกลอยใจ
จูงไอ้ทุยลุยลายในค่ำแลง
สองฝั่งข้างทางเทียวก็เปลี่ยวแล้ว
มีแต่แก้วแมงค่ำร่ำเล่นแสง
กับหรีดหริ่งจักจั่นขานสำแดง
ด้วยเรี่ยวแรงจากน้ำค้างวางยอดใบ
หอมลำด่วนครวญคร่ำจำจากทุ่ง
กดกลิ่งคลุ้งสาบตมโคลนหล่มไหน
หอมเย็นเรื่อยเอื่อยอ้อยลอยรำไร
ปลุกแรงใจให้แกร่งมีแรงเดิน
อ้ายแบกไถเดินตามเจ้างามนัก
สุดที่รักเดินช้าช้าอย่าห่างเหิน
ไม้คานโค้งแอ่นนักคงหนักเกิน
ทุกท่าเดินราวย่องทำนองลำ
ลมหัวนาซาหลังประดังไล่
ลอดโลมไล้ซอกคอยังฉ่อฉ่ำ
หอมกลิ่นไอหมาดฝนปนลำนำ
เริงระบำกับลมที่โถมมา
นี่หากเช้าเนาว์ท้องผองทุ่งไร่
เราคงได้มองเห็นลมเล่นกล้า
ทุกซอกใบสายสั่นทั้งงานนา
เสียงซู่ซ่าคงเสนาะเพราะดังพิณ
"แม่บักหำ*เร่งจ้าวเข้าบ้านสา
ฟังเสียงฟ้าฮ้องขู่บ่ฮู้สิ้น
อีกจักหน่อยเบิ่งถ่อนฝนฮอนฮิน
สิได้กินน้ำเย็นเป็นแซบแฮง
สักหลังฝนคืนนี้ปลาคงขึ้น
มันสิบืนใส่กันมาขันแข่ง
ข่อยสิเอาไฟฉายไปไต้แงง
จับมาแกงสักต้มสู่บักน้อย*"
ความเหนื่อยล้าหักหายไปในค่ำ
ด้วยรักร่ำห่วงหาไม่ล้าถอย
สานสองแรงสองพักจักทยอย
ไม่รั้งคอยวาสนามาคอยชู
ใช่ชาวนาต่ำต้อยด้อยคุณค่า
ตราบใบกล้าอวดขจีสีเขียวอยู่
หนังและขนยังชุ่มขุมอนู
ข้าวก็อยู่เลี้ยงท้องของผู้คน
ลึกลึกแล้วชีวิตของชาวนา
ใช่เติบโตได้มาด้วยหยาดฝน
แต่เติบโตนั่นได้ด้วยเหงือตน
ที่ไหลหล่นรดข้าวเนาว์ท้องนา
ริ้วแสงค่ำถามทางย่างก้าวกลับ
ไฟตะเกียงบ่ดับลับดอกหนา
เพราะน้ำมันเติมไต้แต่ไรมา
ใช้น้ำใจชาวนา....เป็นน้ำมัน...
..............
*แม่บักหำ คือชื่อที่สามีชอบใช้เรียกภรรยา
บักน้อย คือชื่อที่พ่อแม่ชอบใช้เรียกลูกชาย
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ