6 มกราคม 2556 10:55 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
คอยข่าวคราวคืน
ริ้วลมหนาวตื่นสัญญาซานาน้อย
ลอมฟางคอยหยัดยืนคนคืนถิ่น
นกดอกซาดสะแบงหล่นลงปนดิน
หอมอวลกลิ่นเช้าตรู่อยู่ข้างปราง
หนาวน้ำหมอกเกาะเปื้อนเรือนใบหญ้า
ควายเสี่ยวนายังเพ้อละเมอสาง
ตื่นจากฝันขวัญนาหว่างฟ้าราง
แนบเนาว์ร่างพรมดอกน้ำหมอกนั้น
เผยเหมันต์วันหนาวเช้าใหม่เยือน
ซาหมอกเปื้อนชายแฝกชายคาขวัญ
แว่วกระดิ่งกริ่งอ่อนจากดอนตาล
คือควายขานไต่ถามการกลับมา
คุ้งควันไฟไรฟืนขึ้นยอดพร้าว
หนีลมหนาวหยอกย้ายส่ายเซหา
ควันข้าวจี่สีไหม้หอมกรายมา
กรุ่นไข่ทาปนน้ำอ้อยค่อยรวยริน
คนถึงคนใจร้ายหนีไกลบ้าน
สาวดอกจานหนีหน่ายไปไกลถิ่น
ลืมแล้วทิ้งสัญญาหล่ายุพิน
เจ้าดอกดินหมายฟ้าป่าดงปูน
หนอแพรวาสไบไหมลายมันเก่า
หูกไนเศร้าข้าวกล้าปลาร้าสูญ
น้อยกระดิ่งควายหาไห้อาดูร
น้ำเต้าปูนเหือดแห้งจะแล้งลา
บ่าวชาวนาร้องไห้ไม่ให้เห็น
สะอื้นเร้นหลบเศร้าเหงาหนักนา
บิดลอมฟางแค้นคั่งหลั่งน้ำตา
วาสนาบ่าวนั้นด้วยมันจน
หนาวลมเหนือเจือมาน้ำตาร่วง
เหน็บในทรวงมาร้าวหนาวอีกหน
ครั้นเอื้อมแขนทวยทอดกอดกายตน
ว้าเหว่จนลืมหนาวคราวเดียวดาย
ทิ้งรอยต่อกาลฤดูอยู่อ้างว้าง
ร้างรอยทางหว่างฝันจะพลันหาย
ซับน้ำตาพร่าพรางรดร่างกาย
ทิ้งสัญญาคาตายไว้ริมทาง
ห้ามหักให้ห่างเหินเกินห้ามนัก
ห้ามใจรักเหลือเกินต้องเมินหมาง
หนาวน้ำตาหน่วงหนักฤารักจาก
หวั่นรักร้างจำตรุอยู่ก้นใจ
รอยังรอรอคอยสาวน้อยกลับ
รับคอยรับบ่เลือนเดือนปีไหน
มองเหม่อมองสองฝั่งฟากทางไกล
ฤดูใดคอยข่าวสาวคอนคืน...
5 มกราคม 2556 10:45 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
ปรางค์
ประหวัดวัดอารามยามใกล้ค่ำ
ตะวันย่ำหยาดฟ้ายายอแสง
แว่ววัตรเย็นลงศัพท์สดับแสดง
หลัวฟ้าแลงแสงพลบปลุกคบคา
ยอดองค์ปรางค์นภศูลสมบูรณ์ยอด
บัวกลุ่มกอดนอบค้อมน้อมหัตถา
รัดประคดงามระหงส์หลั่นลงมา
ล้วนระดาชดช้อยมาร้อยเรียง
ซุ้มคูหาพระประธานตระกานนัก
มุกสลักเรียงหลั่นจรดฐานเขียง
แม้นโอบทองประดับปรางค์ทั้งข้างเคียง
สว่างเพี้ยงดวงบุหลันในวันเพ็ญ
เมื่ออาทิตย์อัสดงลงไรยอด
แสงกลมทอดยอดปรางค์ครั้งเคยเห็น
ดังต้นปรางค์เทียนค่ำปรุ่งยามเย็น
อาทิตย์เป็นเปลี่ยวเทียนทาบทอทรง
เมื่อแสงทองแห่งฟ้าจวนมาพลบ
แสงโสมจบยอดปรางค์สว่างสงฆ์
คือเทียนทองแท่งธรรมน้อมดำรง
สืบวิมุตติพุทธิพงศ์ดำรงธรรม
อารยะพระโคดมมาโสมนัก
ถมวังวัฏตื้นเขินเกินลงด่ำ
แม้นโสมกรุ่นยุคแก้วแผ้วพระธรรม
ปรางค์คงงามลึกซึ้งถึงแก่นจริง
เสียดายนักมิได้พบพระพุทธเจ้า
พบแต่เค้าโสมทองเพียงสองสิ่ง
เศษบุญหลังยังเหลือพอเจือคิง
มิได้อิงสมานยุคพุทธันดร
ได้พบธรรมไกลหลังยังแจ่มชัด
ในยุคสองสหัสวรรษประภัสสร
ดุจน้ำค้างรดเถาเนาว์ดงดอน
พ้นซอกขอนเห็นรู้อุษามา
แม้นมิตามเหยียบแคว้นดินแดนพุทธ
กิเลสรุดฉุดทาสบ่อาจฆ่า
แต่คงน้อยพร่องบ้างพอบางตา
อาจเทวาเมืองแมนแดนวิมาน
แผ่วมนต์วัตรลงแล้วยังแผ่วว่า
ปรารถนาเมืองพุทธวิมุตติสถาน
แม้นส่อแววบุญหลังยังบันดาล
คงพบพานพุทธธรรมดังหวังใจ
ครั้นหน่อเนื้อพระโคดมจมจ่มร้าง
องค์พระปรางค์เศร้าหมองต้องสลาย
เถิดองค์ปรางค์ยุคพระศรีอาริยเมตรไตรย
หวังปรางค์ใหม่งามล้ำดุจดังกัน...
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ