24 กันยายน 2554 18:29 น.

ได้เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

ได้เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว

แสงเดือนงามลอดฟ้ามารำไร
ท้ายหมู่บ้านค่ำไหม่ไฟสลัว
แว่วกระดิ่งกริ่งเก่าฝีเท้าวัว
ลูบสายรั้วริมทางอย่างแผ่วเบา

ลมอิดอ่อนโลมลูบจูบลอมฟาง
ยังครืนครางครวญไหวให้ค่ำเหงา
เหงาเสียงหริ่งเคยย้อมเคยกล่อมเกลา
มาคลอเคล้าลมเอื่อยที่เรื่อยริน

ระลึกถึงแผ่นฟ้ารดาดาว
สายเมฆยาวลิบตามาถวิล
หอมอันใดไหวย้อมล้อมลานดิน
มิเทียบกลิ่นหอมบุปผาแรกราตรี

โพ้นโพยมพยับเมฆราวเสกสร้าง
ซับแสงจันทร์เรื่อรางให้จางหนี
แย้มแสงเมฆขลิปทองท่องราตรี
ค่ำคืนนี้งามเหลือเมื่อได้ยล

สายลมเย็นเร้นมากับฟ้าค่ำ
ลมสายนี้ความฉ่ำต่างลมฝน
หอบน้ำค้างไอรื่นชื้นมาปน
เคล้าดินจนหอมหวนอบอวลนัก

ได้ยินแล้วหัวใจได้ยินอยู่
เสียงสายอู่เสียดเสารบเร้าหนัก
เสียงเพลงกล่อมหลานน้อยกลอยใจรัก
ท่วงทีทุ้มนุ่มทักทายหัวใจ

นับถอยหลังย้อนหาอดีตกาล
เฮือนท้ายบ้านหลังนั้นมีหลานใหม่
มีบทเพลงทรงค่ากว่าเพลงใด
กล่อมหลานชายคืนฝันวันนิทรา

"นอนสาหล่า"แต่ฟ้ายังคงอ่อน
"เจ้าบ่นอน"เดี๋ยวผีสิถามหา
มี"ปลาข่อ" "ผักติ้ว" "ปลาซิวนา"
กล่อมบักหล่าหลานรักให้พักนอน

ด้วยลายแคนแล่นลำฮำฮอนฮัก
และสายอู่เสาหนักอยากพักผ่อน
ลายแม่ฮ้างกล่อมลูกผูกคำวอน
"นอนสาหล่า"รีบนอนหลับตาเจ้า

ริ้วลมดึกลอดชานอยู่กราวเกรียว
เฮือนหลังเดียวท้ายบ้านทนทานหนาว
บทเพลงกล่อมแคนแว่วเริ่มแผ่วเบา
ไต้ข้างเสาอ่อนแสงแล้งน้ำมัน

แสงเดือนงามลอดห้องส่องรำไร
คือผ้าห่มผืนใหม่ในคืนฝัน
ขณะคืนดึกแจ้งด้วยแสงจันทร์
ขณะนั้นหลานหลับเพลงลับลา 
..............
"นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม
แม่ไปไฮ่สิหมกไข่มาหา
แม่ไปนาสิหมกปลามาป้อน
แม่เลี้ยงม้อนนอนอยู่สายใหม
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม 
เจ้าบ่นอนบ่ให้กินกล้วย
แม่ไปห้วยไปส่อนปลาซิว
เก็บฝักติ้วมาใส่แกงเห็ด
ไปใส่เบ็ดเอาปลาข่อใหญ่
เจ้าฮ่องไห่แมวโพงจกตา
เจ้านอนซ้าแมวโพงจกหำ
เจ้านอนค่ำแมวโพงจกก้น"

"เพลงกล่อมลูกมีให้ได้ยินทุกท้องถิ่น
คนทุกเชื้อชาติภาษาในโลก
ล้วนมีเพลงกล่อมลูกด้วยกันทั้งนั้น
ในทุกๆฟ้าพลบค่ำ ท้ายหมู่บ้าน
หรือทางภาคอีสานมักจะเรียกว่า
เฮือนตีนบ้าน หรือ เฮือนท้ายบ้าน
เมื่อใดที่เฮือนตีนบ้านมีแสงไต้ไฟตะเกียง
เมื่อนั้นจะเป็นสัญลักษณ์บอก คือกลางคืน

หลังจากที่กินข้าวน้ำกันเสร็จ
ผู้เป็นยายหรือย่าจะออกมานั่งนอกชาน
ผู้เป็นหลายจะตำหมากให้ยายเคี้ยว
และรับฟังค่ำส่งสอนของยายย่า
ด้วยผญาเก่าที่สืบต่อกันรุ่นส่งรุ่น

หากแต่บ้านไหนมีเด็กอ่อนหรือทารก
ผู้เป็นตายายก็จะกล่อมหลานให้นอน
ด้วยตาเป็นผู้เป่าแคน 
ยายเป็นผู้ร้องเพลงกล่อม
ในคืนงามใต้แสงจันทร์
เพลงกล่อมและความเหน็บหนาวอ่อนๆ
เคล้ากับกลิ่นดินชุ่มน้ำค้างเบื้องล่าง
ฝสมกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้เบื้องบน
ช่างเป็นความดิบเดิมที่งดงามยิ่ง

เมื่อผ่านค่อนคืนหนึ่ง
ไฟไต้ตะเกียงดับ
เพลงกล่อมลูกจบลง
คงเหลือไว้เพียงเสียงลมครางครืน
ลอดช่องใต้ถุนเรือน
เสมือนผู้ตรวจการแผ่นดินอีสาน
คอยสอดส่องดูแลอยู่อย่างนั้น...
จวบจนนาฬิกาชีวิตเช่นไก่ขานขัน
รับโพ้นอุษาแสงแห่งวันใหม่มาเยือน

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฟ้าฟื้า ธรรมชาติ