12 พฤศจิกายน 2554 18:03 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เพื่อเอมอิ่มทุกข้าวคำของแผ่นดิน
จะสิ้นแล้วแววฝนพฤศจิกาฯ
ห้วงวรรษาปลายวสันต์จะพลันหาย
หนอหม่นเมฆเปื้อนคว้างจะร้างกราย
ฟ้าร่ำไห้เอิ้นสั่งห่างเฮือนเนาว์
คงจะหนาวน้ำค้างวางดอกร่วง
สุมไฟฟืนอิงทรวงเมื่อหน่วงหนาว
ฟ้าค่ำใสสับเปลี่ยนเวียนหมู่ดาว
สะนูว่าวลิบฟ้ามาฮำฮอน
บัดนั้นปี่ซังข้าวจะพราวเสียง
ส่งสำเนียงพร่ำพรอดมาออดอ้อน
สืบสามัญท้องทุ่งปรุงดงดอน
กล่อมฟางฟอนฟ่อนข้าวเมื่อหนาวลง
บัดนั้นแววคมเคียวจะเกรียวกราว
บอกหนุ่มสาวคืนทุ่งมุ่งมาส่ง
คืนคอนกลับรวงเรือนในเถื่อนดง
จะได้ลงท้องทุ่งมุ่งข้าวงาม
เงาแสงฟ้าทาทาบอาบทุ่งทอง
คมเคียวส่องวับใสมาไต่ถาม
เบิ่งอุษามาปรุ่งเบิกรุ่งงาม
เรืองอร่ามดังทองของแผ่นดิน
ไปด้วยสิไปนะไปด้วยกัน
ไปดูนั่นบินผกดูนกผิน
แอบลักข้าวสู่รังประทังกิน
ไปดมกลิ่นหมอกน้ำค้างวางเม็ดข้าว
เป่าปีซังข้าวใหม่ให้ดังดัง
ให้ชีวิตพะวังหลงพะวงหนาว
ตื่นมาเถิดจากฝันหลังค่ำยาว
มาสืบเทือกสืบท้าวรวงข้าวเรียว
ลิ้มเสพชิมน้ำค้างหว่างลงเม็ด
เตะแต้มเกล็ดหมอกขาวคลอข้าวเหนียว
แหนะลมอ่อนค่อยกรูอยู่กราวเกรียว
หดคอเสียวซ่านกายใต้เสื้อคลุม
อ่อนแล้วหนอไฟฟืนดุ้นเศษน้อย
เคยทยอยเติมเชื้อเหลือฟืนสุม
อังมือเรียวซีดขาวคราวหนาวรุม
อุ่นหน่อยค่อยกกตุ้มกุมมือตน
ให้ประหวัดถึงฝนเคยหล่นมา
ครั้งยังหว่านเม็ดกล้าเมื่อฟ้าฝน
ชั่วหายใจเข้าออกบอกใจตน
หนาวร้อนฝนหน้าทีล้วนมีทำ
มือแม่พาจับเคียวเทียวทุ่งกว้าง
ล้วนสืบสร้างทางข้าวทุกเช้าค่ำ
สละเหงื่อไหลพรากยังตรากตรำ
เพื่ออิ่มเอมทุกข้าวคำของแผ่นดิน
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ