21 มิถุนายน 2553 00:15 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เอิ้นสั่ง นาน้ำ รอยยิ้ม
น้อมความหอมแห่งแผ่นดินมาเห่ห่ม
กอดสายลมเย็นชื่นทุกรื่นไหล
ยิ้มส่งฝนเลหลังที่ห่างไกล
จะดุ่มด้นดั้นไปหลายตำบล
แมงดานาทิ้งไข่ไว้ดายเดี่ยว
หมองหญ้าเขียวเฉาลานาน้ำฝน
หอมแผ่นดินชุ่มน้ำฉ่ำกมล
เคล้ากลิ่นปนละอองชื้นเมื่อรื่นริน
น้ำค้างลาหล่นพรากจากใบข้าว
สะท้อนเงาน้ำนาทาบทาถิ่น
วงกระเพื้อมสะกิดข้าวเนาว์แผ่นดิน
ปลาน้อยดิ้นตกใจในผืนนา
โค้งคันเบ็ดห้อยหย่อนคำนับน้ำ
ค้างคันค่ำสางรุ้งคอยมุ่งหา
เด็กดุ่มเดินเพลินเก็บคันเบ็ดปลา
ก่อนลานาสะพายข้องออกย่องเดิน
จิบกระจิบนกกระจิบกระจิ๊บร้อง
ทวนทำนองท้องนาเข้ามาเกริ่น
แข่งเขียดขานเอี๊ยบแอ๊บแอบหยอกเอิน
ทั้งฟ้าเอิ้นหลังฝนให้คนครวญ
ข้าวอุ้มท้องเขียวงามความเป็นนา
ปลุกคุณค่าให้เติบตื่นฟื้นคืนหวน
เม็ดเหงื่องามชนบทคราวโอฐครวญ
ทั้งหมดล้วนมั่นหมายให้ข้าวยืน
เมื่อแสงสางงีบหลับกับฟากฟ้า
ลมฝนซาฟ้าใหม่ยังไหลรื่น
ไล่ลมหนาวเย็นสะท้านอยู่ครางครืน
พร้อมหยิบยื่นลมกรุ่นมาอุ่นอิง
คันนาอ่อนจารึกทุกรอยเท้า
รอยใหม่-เก่ารู้รับสรรพสิ่ง
มีปูปลานาน้ำความเป็นจริง
ต่างพึ่งพิงแก่กันแต่นานมา
ข้าว โพน นา ปลาข่อน ชนบท
ความหมดจรดบริสุทธ์ผุดคุณค่า
กบ เขียด หอมผักขะแยง แมงดานา
ความหมายว่าสุขอุดมอันสมบูรณ์
เสียงสุดท้ายฟ้าหลังเอิ้นสั่งร้อง
บอกนาหนองห้วยเก่าเฮาบ่สูญ
รอปีหน้าฝนมาหลังฟ้าลุน
อย่าอาดูรเลยนาลาจากกัน
สิ้นเสียงฟ้าพระอาทิตย์วิจิตรงาม
มาเยือนยามถามทุกข์หรือสุขสันต์
สาดแสงอุ่นสะท้อนน้ำนามตะวัน
ราวแพรพรรณเพชรน้ำในนามนา
น้ำค้างข้าวหยดสุดท้ายในกอหนึ่ง
กระทบถึงท้องน้ำอันล้ำค่า
เพียงมองน้ำก็บรรจบการสบตา
กับเงาหน้าและรอยยิ้มอันอิ่มใจ
น้อมความหอมแห่งมวลข้าวมาเห่ห่ม
กอดสายลมอุ่นอุ่นละมุนไหล
จ้องมองเงาบนผืนน้ำความเป็นไป
พบแต่รอยยิ้มใสในนานั้น
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ