13 กรกฎาคม 2551 12:28 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
การ.....ดีมีเกียรติก้อง..............กาลนาน
กิน......ทรัพสินราชการ...........เกียรติเหี้ยน
การ.....ทุจริตติดสันดาร...........ยากเลิก......ละแฮ
อยู่......อย่างเช่นเป็นเสี้ยน......เสียบเศร้าโศกไฉน
ใคร....ใครประกาศก้อง..........โองการ
ไม่......ก่อกอปรกิจการ............ปากพร่อย!!
สู้.........เสียงต่าประชาบาล.......หัวเดี่ยว......ไหวฤๅ
พ่อ......เสี่ยงเลือกเสียงน้อย.....กับพวกบ่อผัน
การ.....ดีมีเกียรติก้อง..............สามัคคี........นั่นแล
แจว....แตกพายไป่มี...............รอดได้
การ.....ใดก่ออับปรีย์................เอาหมด......พ่อเอย
ถ่อ......ร้างคืนรังให้..................เสื่อมบ้านเสียงเมือง
พ่อ......เอยเอาพวกพ้อง...........ข้างตน........เดียวแฮ
ไม่......ใฝ่คนดีจน....................สักผู้
สู้........ส่ำสัตว์ในพน................ไพรป่า........ปานฤๅ
ใคร....ใครพบประสบรู้............รีบเร้นหลบหนี
ข้าพเจ้า..... ผู้เป็นเด็กน้อยในประสบการณ์ของชีวิต ซึ่งเพียงอายุสิบเก้า
แต่ก็โตพอที่สามารถรับรู้ได้แล้วว่า ขณะนี้บ้านเมืองวุ่นวายไปทุกนัก
ผู้คนแบ่งแยกแตกฝ่าย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความสามัคคี เหลือน้อย
ลงทุกวัน
บทกวีที่เขียนขึ้นข้างตน ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิงหรือ
อิงไปทางฝ่างหนึ่งข้างใด แต่จงใจจะถามว่าเป็นอะไร? เพลงชาติที่ร้องกัน
ได้ยินกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความหมายอยู่ที่ตรงไหน?
..............................................................................................................
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
4 กรกฎาคม 2551 12:53 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
หอมมวลดอกไม้ภายในสวน
ยียวนเช้าเย็นเป็นแต่ไหน
ครั้งเริ่มศรสวาทปักในใจ
จนเจ้าลาไกลยังไม่จาง
ดอกรักรักเจ้าแต่เท่านั้น
รักไม่ผันแปรไปแม้ไกลห่าง
ซ่อนกลิ่นซ่อนไว้ในพักตร์นาง
ซ่อนอยู่ในปรางช่างหอมนัก
จำปีลืมเลือนวันเดือนปี
จำแต่นารีที่พลัดพราก
เต่าร้างอ้างว้างอกหนักนัก
จักเป็นเช่นหินผาจาบัลย์
ดอกแก้วคิดถึงแก้วแววตา
ใช่ลืมหน้าน้องยาเลยนั่น
สายหยุดหยุดสายในหว่างวัน
พี่นั้นบ่หยุดรักเรียมเลย
ลั่นทมตรมเศร้าเหงาเจ็บอก
พี่นี้ทุกข์โศกโอ้อกเอ๋ย
ชวนชมทัดผมเช้าทรามเชย
บ่ลืมเลยผมเจ้าอันหอมงาม
บานไม่รู้โรยรักเจ้าไม่รู้ลืม
ดื่มคำหวานเรียมมาเยือนเอื้อนโอฐษ์
ดอกสร้อยขาดสร้อยไปทุกยาม
สร้อยสวาทนงรามมิขาดครวญ
มหาหงส์ส่งกลิ่นหอมเฉยฉาย
หาสู้ได้กลิ่นนางที่หอมหวน
ดอกคูณสีสุวรรณเรรวน
ควรคู่ผิวเจ้าเป็นดั่งทอง
ก่อนเคยสวนนี้พี้พาเที่ยว
ครานี้เดินเดี่ยวพี่เศร้าหมอง
หม่นทุกข์ดังสีผกากรอง
คิดถึงแต่น้องผู้จากลา
พุทธชาติขอเป็นคู่ในทุกชาติ
ขอพบพานสวาททุกชาติหน้า
ลำดวนเจ้าด่วนจากไปไกลตา
น้าตาพี่ล้นท้นท่วมใจ
บุญนาคหากจะแล้งแห้งบุญหลัง
ชาตินี้จะเฝ้าทำแต่บุญไว้
เพียงพบพานพิศวาททุกชาติไป
บุญหล่นทับตายก็ใคร่ยอม
กาหลงพะวงหลงแต่เจ้า
ทุกเช้าเผ้าดมดอกไม้หอม
ปกป้องเกสรจากผมรดอม
ไม้เหล่านี้บ่มิยอมให้ผู้ใด
ดอกไม่คณานับเรือนหมื่นแสน
จะทดแทนรักเจ้าหาหมดไม่
หอมเอยสู่แมนฟ้าคาลัย
ส่งเจ้าส่งไปดาวดึงส์
ถึงหอมบุหงาดามาลย์
ทั่วทั้งจักรวาลหอมเพียงหนึ่ง
แต่ขาดเจ้าแม้ทั่วหล้าหอมตราตรึง
ประหนึ่งเพียงเศร้าเสมอกาล
รอเจ้ารักอยู่อย่างนี้
ลืมแล้ววันเดือนปีที่ล่วงผ่าน
นับเวลาต่อแต่นี้แม้เนิ่นนาน
จอมขวัญอย่าเหงาเศร้าใจ
กาลเวลาล่วงผ่านมาหลายปี
ใจนี้ใช่จะเปลี่ยนตามกาลไม่
รอไว้หวังอย่างนี้รอเรื่อยไป
ตราบสิ้นสูญสลายไกวัล
ปล. บทกลอนนี้ผมได้เขียนขึ้น ก็เพราะคิดถึงคนรักที่มาด่วนจากไปกะทันหัน
สวนดอกไม้ที่มีดอกไม้มากมายและส่งกลิ่นหอมตลอดเวลาในสวนนี้ ทั้งหมดทั้งสิ้น
ล้วนแต่เป็นสวนดอกไม้และความหอมในจิตนาการ เพราะพลังแห่งความคิดถึง
อาจจะมีดอกไม้บางดอกที่ออกดอกต่างฤุดูกาลกันไปทำให้ผิดไป
จากความเป็นจริง ผมก็ขอภัยด้วยนะคับ
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ