8 เมษายน 2551 11:41 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
ข้าลืมเสียแล้วว่าข้าคือใคร
จาริกหัวใจใต้ฟ้ากว้าง
แผ่นดินถิ่นถนนหนทาง
ไว้วางชีวิตจิตวิญญาณ
ลำน้ำสายไหนไหลอยู่นั่น
ผูกพันน้องพี่กี่ละหาน
ทุ่งนั้นทุ่งไหนดอกไม้บาน
ทุ่งนี้เหงื่องานใครข้าวงาม
ทางเอยเคยทางล้วนร้างรก
เรี่ยหกเสน่หาอย่าหวงห้าม
ทางเล็กทางใหญ่ล้วนไร้นาม
เขตคามข้ามาเพียงข้าไป
ดอกรักช่อนั้นนั่นไงเล่า
เหมือนเราจะจดจำร่วมกันได้
เคยท่านมอบมาข้ารับไว้
ขี้ลืมอย่างไรไม่รู้ลืม!
5 เมษายน 2551 10:39 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
คือมดแม่น้ำมูน
ที่เกื้อกูลประชาชน
คือมดที่อดทน
ที่ทายท้าทุรธรรม
คือมดที่ทดแทน
คุณแผ่นดินจนตรากตรำ
ใครที่มันระยำ
เหยียบรากหญ้าเธอกล้าชน
ร่างเธอก็น้อยน้อย
กระจ้อยร่อยคอยผจญ
ผู้มีอิทธิพล
มันฆ่าเพื่อนเขื่อนปากมูน
คือมดเคียงแม่พ่อ
ทุกข์และท้อก็เทิดทูน
อยู่เพื่อการเกื้อกูล
อย่างคนกล้าคนสามัญ
คือมดลดภาระ
สู่สัจจะสารพัน
ตุ้มโฮมไปโรมรัน
ไปชูธงสันติวิธี
มาเถิดเราพี่น้อง
ความถูกต้องจะต้องมี
ต้องพร้อมและยอมพลี
ดังมดแจ้งเจตนา
ดูสิเหนือสันเขื่อน
มือแปดเปื้อนระเบิดปลา
ธรรมชาติไปยาตรา
มาปลุกมูนสยบมาร
ดูสิบันไดโจร
ปลาตะโกนถูกรุกราน
พี่น้องใครต้องการ
ไปต่อสู้จงชูธง
สืบสานเจตนา
วนิดาให้มั่นคง
พวกเราจงดำรง
คุณธรรมนำประชา
หากมดเธอได้ยิน
น้ำตารินแล้วมารดา
เคยสู้เคยอยู่มา
กับพี่น้องแม่น้ำมูน
หากมดเธอได้ฟัง
พี่น้องยังจะค้ำคูน
หลับเถิดอย่าอาดูร
จงไปดีอยู่ที่ใด
มดเหมือนแสงหิ่งห้อย
ที่พร่างพร้อยอยู่ในใจ
อุดมการณ์อีสานไกล
สิบ่หยุดดอกมดเอย
(พักเถิดมดพักให้สบาย ไม่ต้องห่วงแม่น้ำมูน)
5 เมษายน 2551 10:23 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
หอมห้วงขณะมหรรณพ
มหรสพขับขานการปลดปล่อย
นาฎยลีลาศรัทธาทยอย
แสง-เงาเรี่ยลอยทักทายธาร
นิ่ง-ไหวต่อหน้ามนุษยชาติ
ต่างเรื่องดารดาษลงพาดผ่าน
โลมไล้วารินจินตนาการ
โลมลานฤดีกวีนิพนธ์
สรรพสิ่งงาม-เหงาบนเงาน้ำ
ควบแน่นนำแดดร่มรับลมฝน
สะท้อนภาพเคลื่อนไหวในวังวน
สะเทือนตนวัฏฏะอนัตตา
ภพชาติวาสนาพาดำเนิน
ดิ่ง-เดินบนลานละหานท่า
เพียงเท้ากระทบคลื่นผืนธารา
ทั่วทั้งกายากลับร่วงจม
สังเกตแห้ง-เปียกเพรียกสะท้าน
สอดผสานสาครก่อนผสม
พอธารกระเพื่อมเผยเหลื่อมปม
ชุ่มเย็นนิยมมาหยอกเอิน
สังเกตทรงจำน้ำกระจาย
เราเห็นลวดลายในผิวเผิน
ก่อนเอื้อมเกี่ยวข้องกลับต้องเผชิญ
ดังหยดน้ำย่ำเดินอยู่ได้ยิน
รู้สึก นึก คิด จิตจดจ้อง
เกี่ยวข้องบนแดกระแสสินธุ์
เพียงอารมณ์กลมกลืนผืนธาริน
ทั่วทั้งกาย-จินต์กลับไม่จม
มโนไหนตบหน้าอายตนะ
แปรจังหวะทะเลาะเป็นเพาะบ่ม
เปลี่ยนปะทะอัตลักษณ์พักอารมณ์
ปล่อยระทมสักเพลาท่องวารี
เพราะชีวิตวันวันผูกพันน้ำ
เย็นฉ่ำชักชอบปลอบโลกสี
ตอบสนองสู่บ้านลานชีวี
ปวงนทีชายขอบคงชอบใจ
หากห้วงนานามหรรณพ
รู้สึกกระทบความสดใส
จินตนาการหว่านโปรยโรยลงไป
โปรดสดับรับไว้วลีวาง
แล้วชวนเธอเยี่ยมบ้านลานวารี
ชมลานฤดีประชาชีดูบ้าง
คืนเงียบงันธารเหงาหมอกเทาจาง
คงพบจันทร์กระจ่างข้างหัวใจ
ศิลปศาสตร์ทางถ้อยคำทำให้รู้จักกวีนิพนธ์ - กวีนิพนธ์ทำให้รู้จักโลกใหม่ที่บอดใบ้ในสามัญสำนึก
4 เมษายน 2551 13:09 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
คูนลออช่อเหลืองลมเนืองหนุน
สมดุลหมุนติ้วพลิ้วตามสาย
หยอกลำมูลขุ่นข้นสีปนทราย
เอนโบกมูลคูนใหม่กระอายชล
แคนแล่นแตรเล่นลำฮำฮอนอยู่
บ่วางรู้รักมูลสีขุ่นข้น
พิณล้อโหวดหวูดโหวดโต่ดอี้ตง
น้ำมูลเพื่อมวังวนต้นทำนอง
คูนส่งรักใจทุกดวงแห่งปวงข้า
คารวะใหม่เก่าทุกเจ้าของ
นับแต่มูลท่วมท้นล้นคะนอง
จวบจนก่องมูลแก่งแห้งเป็นทราย
คูนพารักฝากไปไหลลอยล่อง
สุดมือมูลที่ครองล่องลงใต้
จากผู้เก่าอยู่ขอบฟ้าส่งมาไกล
ฝากผู้รับรักใหม่ในสายชี
มูลสีปูนคูนเหลืองเกินเยื้องแล้ว
สู่ความแวววับสว่างอยู่ต่างที่
สะเรเตขาวสะพรั่งริมฝั่งชี
รับหน้าที่จากคูนและมูลไกล
มูลเอยไหลลงชีจนสีเปลี่ยน
ดอกคูนเพี้ยนสีเฉาคูนเศร้าไหม?
สิ่งฝากวังน้ำเวียนไม่เปลี่ยนไป
คือความ รักน้ำใจ และน้ำเย็น
โอ้ชีเอยดอกคูนจากมูลนี้
ห่วงใยนักรักมีชีก็เห็น
ฝากรักโหวดพิณแคนที่แฝงเร้น
ส่งกระเซ็นต่อไปในสายชี
สะเรเตกลีบบางที่พร่างขาว
ล่องน้ำยาวเช้าแลงอย่าแหนงหนี
ช่วยเอารักฝากไว้ไปแต่ดี
รับต่อจากคูนทีให้ชื่นทรวง
ผู้มาก่อนลาก่อนผู้มาใหม่
ฝากส่งของทั้งหลายที่ไม่หวง
ถึงที่หมายบ้างไหมมูลไม่ทวง
ลุหรือร่วงแล้วแต่ดวงลำน้ำชี
ถึงที่หมายบ้างไหมคูนไม่ทวง
ลุหรือร่วงแล้วแต่ดวง......สะเรเต
26 มีนาคม 2551 13:19 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
มองกระจกเงา........
เห็นใบหน้าสุดเหงาเศร้ากำโศก
วิโยคร่ำหาน้ำตาไหล
คิดถึงสายน้ำลำป่าไพร
จากไกลอำลามาแสนนาน
เมืองนี้มีไหมใบไม้ป่า
พลัดบ้านจรมาตามหาฝัน
ใบแห้งใบเขียวล้วนเดียวกัน
ใบบ้านใบกลายใบไม้เมือง
กลัวสู้กลัวทนจนตนแก่
จากเขียวอ่อนแท้จะแก่เหลือง
มือฟื้นฝอยทำตาชำเลือง
มองฟ้าหล้าเหลืองสีดอกจาน
มาแล้วเมษาใกล้จะหน้าฝน
เหงาหม่นออกลายให้คืนฐาน
ทุ่งนาป่างามยามสงกรานต์
หยุดพักกลับบ้านเสียสักที
หยุดงานอีกรอบจะหอบเหงา
แลกเอากำลังใจจากที่
จากนาหน้าน้ำความอารี
จากอุ่นกอดนี้ก่อนจรลา
ละตาจากกระจกมองหน้าต่าง
ฟ้ายังมืดครึมซึมหม่นหล้า
มืดมนฝนครึ้มกระหึ่มมา
หลงฟ้าผาภูฤดูใด
แม้ใบไม้อื่นสุดฝืนแล้ว
พลังใจส่ายแผ้วระรวนไหว
ท้อแท้อิดโรยระโหยใจ
ขาสั่นหวั่นภัยใกล้ล้มลง
เหนื่อยไหมเพื่อนพ้องลองมองฟ้า
เบื้องล่างสุดตาขอบฟ้าส่ง
ฝากเมฆบ้านเราคลายเหงาลง
ส่งตรงสารมาจากฟ้าไกล
เอ๊ะนั่นคนหลังยังคอยอยู่
ส่งรักฝากสู่พระพายสาย
สูดพายสายลมลมหายใจ
อุ่นรักฝากไว้ยังไม่จาง
ใบไม้ใบนี้ไม่มีเปลี่ยน
ยังเพียรคำนึงถึงกิ่งก้าน
แม้พลัดถิ่นมาไม่ช้านาน
ป่าไพรสายธารไม่ลืมลง
ใบไม่ใบอื่นที่ฝืนอยู่
อ่านกลอนย้อนรู้ฮู้ประสงค์
เขียวเหลืองอธิฐานความจำนง
ฝากปล่อยลอยลมมาส่งไพร
ใบไม้ใบนี้คิดถึงบ้าน
ใบอื่นต่างย่านท่านว่าไหม
มีความคิดถึงซึ้งเพียงไร
.................................................
ถึงใบไม้ที่พลัดถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนมา ไม่ว่าด้วยแรงปรารถนาใดๆ อันเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การพลัดพรากจากกลิ่นหอมของอ้อมรักเก่าที่เคยแนบเนามาเมื่อก่อน ขอให้ใบไม้ทุกใบที่เป็นผู้พรากจากสู้ต่อไป เหนื่อยล้าเมื่อใดก็กลับไปถามหากำลังใจ ในถิ่นที่ท่านจากมา ใบไม้ใบใดรับรู้แล้ว........ ทั้งแรงงาน แรงความรู้ ความซื่อ ที่เหล่าใบไม้ทั้งหลายได้ห่อมาจากบ้าน ใบไม้ใบนี้เชื่อว่า อีกมะนานนักเราก็จะได้ห่อกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเดิมอย่างภาคภูมิใจและทบเท่าทวีคูณ
ใบไม้ทั้งหลายได้โปรดอดทนอีกสักหน่อย ระยะเวลาอันใกล้นี้แล้ว ที่ความสุขจะอยู่กับท่าน........ตลอดไป..........
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
ใบไม้อีกใบที่พลัดถิ่นเช่นกัน