18 เมษายน 2551 11:06 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
อยากกลับไปเป็นเด็กชาย
วันคืนเวียนว่ายหลายปี จนมาครานี้
รู้คุณรู้ค่าสง่างาม
กลับหวนสุ่ถิ่นดินราม เรืองฟ้าขณะข้าม
สู่ประถมโรงเรียนเวียนมา
ครั้งหนึ่งซึ่งขยันสรรหา หน่อเนื้อเชื้อกล้า
บูรพะท่านเพาะก่อไว้
ตั้งแต่ตอนเล็กเด็กชาย เดี๋ยวนี้เป็นนาย
คิดถึงวัยเยาว์เช้าเย็น
และคิดถึงทุกข์ทนเข็ญ กระโดดโลดเล่น
ยืนกระต่ายหน้ากระดานดำ
ก้นเขียวไม้เรียงเคี่ยวกรำ พังครูผู้พร่ำ
เพรียกสอนตอนเป็นเด็กชาย
โหยหาสะกดรถไฟ ดำ กล้า แก้ว ใคร
ก กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า
สปช. สลน. ต่อมา กพอ. เล่มหน้า
ร่ำเรียนเขียนค้นจนเป็น
พักเที่ยงค่ำเช้าเราเล่น ซ่อนหา ปลาเป็น
ปลาตาย ลูกข่างตีจับ
ฟังครูเรียกกันขานรับ เช้าค่ำคำนับ
ไปกลับเช่นนี้ทุกวัน
วัยเด็กยังเล็กสนุกสนาน ล้อพ่อแม่กัน
ล้อชื่อตามวัยไร้ความ
วันนี้เป็นนายได้ร่ำ เรียกหาคืนค่ำ
สมัยตอนเรียนประถม
ปัจจุบันนั้นโศกอกจะตรม โลกโศกโสมม
เพาะบ่มทุรยุคทรุดเซา
หน้าที่การงานน้ำเนา บทความการเขลา
แตกเก่าต่างก่อนมากมาย
หน้าหนาหน้ากากหยาบคาย มากผู้เปลี่ยนไป
ฉันใดใคร่เปลี่ยนใคร่รู้
หรือจางห่างไม้เรียวครู ผู้คนหลายผู้
จึงเปลี่ยนเลิกปลื้มลืมดี
ครูครับผมรับถึงนี่ ขอพักสักที
หลังลุยก่อนหลังท่าเดียว
โลกใหม่ทางลดคดเคี้ยว ทางเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว
ไม่ไหวไม่ไหวตายจริง
ผมดูรู้เห็นทุกสิ่ง ทางไทใครทิ้ง
ศรัทธาฝากไว้ในครู
สนามหญ้าเฉาเช้าตรู่ เสาธงคงรู้
รับความห่วงหาอาลัย
อยากกลับย้อนเวียนเปลี่ยนนาย กลับเป็นเด็กชาย
พร้อมเพื่อนทั้งหลายครับครู
คิดถึงตอนเด็กเล็กอยู่ เคยกวาดเช็ดถู
หน้าต่าง พื้น กระดานดำ
ทุกเสียงทุกถ้อยทุกคำ ครูสอนยังจำ
ทุกก้าวทุกกล้าฝ่าเดิน
ตอนนี้อยากมากเหลือเกิน หัวใจสะเทิ้น
อยากนัก! อยากกลับไปเป็นเด็กชาย
16 เมษายน 2551 12:00 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เมื่อฝนลานาแล้งดินแห้งผาก
ความชุ่มจากลาดินถิ่นอีสาน
ลมร้อนผลักขับไล่ไหล่ดอกจาน
จำลาก้านร่วงหล่นลงสู่ดิน
ข้นและแค้นแสนทุกข์ลูกอีสาน
จากดอกจานสู่เมืองเปลื้องหนี้สิน
ลาเฮือนซานบ้านนี้ที่ทำกิน
ไปหยาดเหงื่อหลั่งรินในเมืองฟ้า
เงินเบาๆแลกการกับงานหนัก
เหงื่อถูกถักสิ่งแพงๆตามยถา
จากค่าแรงแกงกะข้าวเอาเงินตรา
เหลือคืนส่งคนอยู่นาให้บรรเทา
ในยามฝนลืมฟ้าชะตาเปลี่ยน
ต้องพักเรียนเอาไว้ด้วยใจเหงา
หนีดอกจานเมืองป่าบ้านนาเรา
เพื่อถากเกลาความลำบากที่มากมี
จากเด็กเรียนได้งานใหม่ไสรถเข็ญ
วันนี้เป็นกรรมกรบั่นทอนหนี้
จากหมอลำนามกระฉ่อนฟ้อนลำดี
มาวันนี้ขับกลอนลำเดินขอทาน
จากนักมวยค่าตัวแพงเป็นแสนหมื่น
ยามที่ยืนเดียวดายอยู่ไกลบ้าน
มือกำนวมเปลี่ยนเป็นผ้ามาล้างจาน
จากนางงามสงกรานต์เป็นนางบาร์
วาสนาโดนกำหลาบถูกสาบส่ง
ถูกฉ้อโกง และปราชัยในวาสนา
ลูกอีสานวันนี้หนีบ้านมา
ย่ำวิถีคนทิ้งนาของชาวดิน
เมื่อฝนลานาแล้งดินแห้งผาก
ต้องลาจากดอกจานพลัดฐานถิ่น
มองดอกจากร่วงหล่นลงสู่ดิน
น้ำตารินสิบ่ห้ามดอกจานเลย
9 เมษายน 2551 16:04 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เพลงพ่ายเหนือทุ่งแห่งชัยชนะ
(แด่...เพลงชาติที่เราร้องไห้)
ใช่ไหมเล่าพวกเราทั้งหลาย?!
กระเสือกกระสนทุรนทุรายในทุ่งกว้าง
ทุ่งรกทุ่งร้าง
อดีตอ้างนามทุ่งแห่งชัยชนะ!
เอกราชบาดแผล
เกลื่อนทาสฟาดแส้อิสระ
เสรีภาพรับทัณฑ์พันธะ
ภราดากาละเลือดริน!
ผ้าขาวม้าฉีกขาด
ธงชาติขาดวิ่น
ผ้าเหลืองบุรุษซบดิน
ผ้าซิ่นสตรีคว้างลม!
เฉือนดินฉีกฟ้า
รักลาเรือล่ม
โคมตรอมเทียนตรม
โง่งมชัยชนะ ณ ทุ่งร้าง!
เห็นไหมเล่าพวกเราทั้งหลาย?!
ผู้พ่ายทั้งนั้นในทุ่งกว้าง
เพลงพ่ายทั้งนั้นครวญคราง
อดีตอ้างนามทุ่งแห่งชัยชนะ?!
9 เมษายน 2551 16:02 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
ใช่ขุนเขาขรึมขลังอยู่กับที่
ภวังค์กวีคือการรินไหล
ตาน้ำภายใน
ซึมซับซ่านไปหลายรูปทรง
อาจอาบห้วงระแหงแห่งใจเธอ
อาจกล่อมห้วงละเมอแห่งนกหลง
อาจเลี้ยงเสน่หาป่าดง
อาจดำรงปรารถนาพนานคร
อาจระเหยอุ้มฝนชลเมฆ
อาจเสกสะพานรุ้งทุ่งอักษร
อาจป้ายน้ำตาภราดร
อาจป้อนน้ำนมอุดมการณ์
อาจเร้าแรงดลคนเดินทาง
อาจเนียนน้ำค้างข้างบ้าน
อาจเอื้อใจจิบทิพยธาร
อาจร่ำ ณ ร้านเมรัย
มิอาจตรึงมันอยู่กับที่
ภวังค์กวีคือความเคลื่อนไหว
ที่สุดแม้ความประทับใจ
ก็มิอาจตรึงใครไว้กับมัน
จำต้องจรจากไกล
สู่ภพภูมิใหม่ในทุ่งฝัน
แต่ละภพ...เราอาจจะพบกัน
ภวังค์เธอ...ภวังค์ฉัน...นิรันดร!
8 เมษายน 2551 11:44 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
ลมนิรนาม
(แด่...อิสรภาพแห่งพันธนาการ)
๏ ลมหนาวละเลียดล่องแล้ว ลมไหน ลมเอย
จรจัดตุหรัดตุเหร่ไป แปลกหน้า
จุมพิตทิศทางไกล เกินกลับ ลมเอย
มีแต่ลิ่วละโลมฟ้า ขอบฟ้าควรฝันฯ
๏ สัญจรเสนาะเสาะซึ้ง แสวงหา ลมเอย
เกาะกลุ่มกอดเอกา กอดเศร้า
แวะพักทักสนทนา สาวหนุ่ม ลมเอย
ยั่วจิตอนิจจาเจ้า จูบซ้ำจำจรฯ
๏ สวัสดีลาก่อนแล้ว อรุณสวัสดิ์ ลมเอย
สายเที่ยงบ่ายเย็นพัด ผ่านพ้น
ราตรีใช่ผูกมัด มิตรภาพ ลมเอย
ดึกลึกระลึกแดดด้น แด่รุ้งรุ่งสมัยฯ
๏ รักใดไหนเล่าเล้า โลมขณะ ลมเอย
อิสรภาพแห่งพันธะ ภาพสะท้อน
ต่อรองสรรพสาระ สารทิศ ลมเอย
อบอุ่นขณะออดอ้อน อาจเอื้อมขณะหนาวฯ
๏ ลมหนาวละเลียดล่องฟ้า หนาวไฟ ลมเอย
จรจัดตุหรัดตุเหร่ใจ จูบเจ้า
ลมจูบขณะลมใน ขณะลิ่ว ลมเอย
ข้าจูบขณะข้าเฝ้า จูบเจ้าขณะจรฯ