9 มีนาคม 2553 22:15 น.

แต่ปางหลัง...ยังมีรัก

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

แต่ปางหลัง...ยังมีรัก

แว่วเสียงแคนมาแล้วแผ่วแผ่วเสียง
ฟังสำเนียงลายแคนสุดแสนหวาน
คลอเสียงลำคำร้องอีกกลอนกาน
ผญาหว่านสร้อยเสียงร้อยเรียงคำ

ทั้งเสียงลมครางครืนก็รื่นไหล
ตะเกียงไฟใส้แสงเลยแดงก่ำ
เหมือนมีใครหมายผญามาเกี้ยวลำ
ในคืนค่ำยามนี้หนอมีใคร

สาวครองไหมรอชายที่หมายมั่น
คอยครองอยู่นอกชานนั่งปั่นไหม
แว่วมาแล้วแก้วผญาตราตรึงใจ
จากปากชายเคยมั่นคำสัญญา

น้ำฝนหอมขันน้อยลอยมะลิ
น้องตักไว้ขันนี้แล้วพี่จ๋า
ทั้งคืนมืดนักหลายยังหมายมา
อยากพูดจาพบกันหรือฉันใด

สิบ่าวน้อยอ่อยแคนแล่นลำล่อง
สินางน้องปั่นหูกผูกเส้นไหม
เล่าอ้ายบ่าวต่าวผญามาแต่ไกล
ลมควันไฟก็หอมสวยด้วยคารม

วับตะเกียงแสงไต้ไฟลมลูบ
จะวางวูบครืนครางบ้างลมโถม
สำนวนว่าผญาเห็นเย็นกว่าลม
ทั้งคมชมพรอดพร่ำทั้งสำนวน

บ่าวเอื้อนว่าดวงดาวสาวอยากได้
ทั้งแพรไพรลาดวางต่างนาสวน
แสนจะยากหากจะหาว่าค่าควร
เพียงอุ่นนวลเอ๋ยมาพี่จะฟัง

ม้าก็ร้อยวัวควายช้างอย่างละร้อย
ทั้งกล้วยอ้อยข้าวสารบ้านกี่หลัง
ผ้าขาวม้าต่างพรมสมน้องนาง
สิปูวางถึงเจ้าท้าวนคร

ทั้งสองฝ่ายจ่ายผญาโยนและรับ
หนอหนุ่มนับว่าอยากแนบแอบสมร
ทางสาวปัดป้องคำคนสัญจร
จนคืนค่อนมืดไปไต้อ่อนแรง

เมื่อดึกดื่นคืนเงียบแห่งผืนฟ้า
ดาริกาดวงดาวยังพราวแสง
จรัสจ้าแจ่มเลิศเพริศแสดง
เป็นหนึ่งแห่งห้วงฟ้ายามราตรี

สมควรแล้วน้องจ๋าถึงครากลับ
ตะเกียงวับที่กระพริบก็ริบหรี่
คืนข้างแรมจันทร์ร้างห่างราตรี
ใจเรานี้ขออย่าร้างอย่างดาวเดือน

ครวญเสียงแคนลาสร้อยเหงาหงอยเศร้า
เรียมอย่าร้าวหนาวใจให้หม่นเปื้อน
หากไร่นาป่ากว้างไม่ร้างเลือน
รักไม่เบือนบ่ายหนีจากพี่ชาย

แว่วเสียงแคนลาแล้วแผ่วแผ่วเสียง
แววสำเนียงคราวหน้าจะมาใหม่
แว่วลาแล้วยังหวานเสียงปั่นไน
แววเสียงใจบ่ร้างลอยแต่น้อยเลย....

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
2 มีนาคม 2553 00:43 น.

ไผว่าเศร้า เฮาสิพาไปเบิ่ง

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

ไผว่าเศร้า เฮาสิพาไปเบิ่ง
 "เลาแลนกะแลนนำ
เอ้งามงามมาออยใส่
มวนซื่นโฮแซวหลาย
บาดฮีนี่สิมวนเฮา.."
-----------------------------------------
ลุ่มน้ำขุ่นมูลงามทุกยามยล
โอ่งน้ำฝนยามคิมหันต์ยังเย็นอยู่
ลุ่มลำชียังใสสุขทุกฤดู
แนวโขงรู้คูนำถ้ำแผ่นดิน

ลายผ้าไหมยังสว่างอยู่กลางกี่
วัวควายมี คนมีวิถีถิ่น
หูฝั่งซ้ายซร้องโสตเสียงโหวดพิณ
หูขวายินแคนลงอ้อนโปงลาง

หอมข้าวหอมมะลิหุงแต่รุ่งเช้า
งามพระเจ้าดำเนินมาแต่ฟ้าสาง
อิ่มไอบุญบาตรองค์สงฆ์บ่ลาง
เย็นโสตฟังศีลพรตอนสร้างบุญ

ปัญญาผญาแก้วแนวนำสร้าง
ละเอียดบางอ่อนคมบ่ล้มสูญ
วัดบ่ร้างองค์พระผลาบุญ
ดังโขงมูลชีหนอบ่ร้างปลา

สวนทั้งหลายไผเห็นก็เป็นสวน
นาทั้งมวลข้าวงามล้วนถามหา
ส้มผักคั้นเห็ดขาวสะเดานา
เปิดไหหาก็เห็นว่าปลาร้านอน

มนต์ทั้งหลายหมายว่าอย่าสูญเปล่า
*บุญคุณเจ้าข้าวเหนียวแดงมะพร้าวอ่อน*
ให้เชิดชูอนุรักษ์ภักดิ์นาดอน
ทั้งสวนมอนสวนไหมให้อยู่ดี

แหถักต้องข้องสานไว้งานปลา
เบ็ดคันหลาวเนาว์ฝามีหน้าที่
ตั่งโตกเตียงบ่พังใช้ยังมี
ไม่ได้หนีจากไปที่ไหนเลย

อู่ผ้าไหมลายหมี่ที่เคยนอน
และสื่อหมอนกกทอหนอพ่อเอ๋ย
ผ้าขาวม้าเจ้านุ่งผ้าถุงเอย
ยังคงเผยตัวตนคนแกร่งงาน

หนอลายรำเซิ้งฟ้อนหมอกลอนลำ
ทุกคองคำแม่นซึ่งถึงแก่นสาร
ใบตองอ่อนฝ้ายขาวหมากพลูบาน
ทั้งข้าวสารไข่ต้มล้วนทรงจำ

เมื่อมิ่งมนต์ยังงามถึงปานนี้
ยังระวีก่อขึ้นวันคืนค่ำ
ไม่หาใช้ประดับต้องด้วยทองคำ
ก็งามล้ำผลามนต์บนฮีตคอง

*บุญคุณเจ้าข้าวเหนียวแดงมะพร้าวอ่อน* จากกลอนลำ
แม่ฉวีวรรณ ดำเนิน

ฟื้าฟื้น ธรรมชาติ

ดังความอุดมสมบูรณ์
 "โจกเจกน้ำล้นต้อน 
ซิวกุ้งขึ้นใส่ไซ...
ปาดุกขึ้นเทิงภูไล่กะต่าย 
กะต่ายไห่....
ลงน้ำไล่หอย...

แนวว่าลอดฮั่วน้อย
กะบักถั่วตำตา
อ้าปากขึ้นบักสีดาหล่นใส่

อีแม่เพินไปไฮ่เอาหมกไข่มาหา
อีพ่อเพินไปนาเอาหมกปามาป้อน
อีแม่เลี้ยงม้อนได้นอนอู่สายไหม

หย่างเข้าบ้านหมูกับไก่เอิ้นหา
หย่างเข้าป่าก็กะเก้งกวงแอ่นฟ้อน
นั่งเล่นฮ้อนน้ำกะล้นอุแอง
นอนเอาแฮงข้าวกะอั่งเต็มเล้า

สมภารเจ้าเว้าอ่าวศีลพร
แม่ลูกอ่อนเว้าสอนลูกน้อย
บาวสาวน้อยเห็นฮีตนำคอง
ซุมพี่ซุมน้องอาศัยซ้วนซอยกัน

ครกมองบ่ต้อง เกวียนบ่ไซ้
บ่แมนไลลืมดอก..
ย้อนว่าแลนนำเค้าสมัยบ้านเปลี่ยนยาม
มันกะคือดังด้ามกะปอมเปลี่ยแปลงสี
ฮีตสิบสองคองสิบสี่บ่มีลืมได้
แนวของไซ้เปลี่ยนไปกะตามซ่าง
วัฒนธรรมแก่นค้ำบ่มีได้เปลี่ยนแหลว.. พี่น้องเอ๊ย"

"ในวันที่กลับไปเยี่ยมบ้าน..."

ฟื้นฟื้น ธรรมชาติ				
24 กุมภาพันธ์ 2553 00:42 น.

บรรพบุรษดอกไม้

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

บรรพบุรษดอกไม้

บานโบกไหวสายลมเห่ห่มกอด
ดำรงยอดกิ่งงามด้วยความหมาย
บางดอกโรยโปรยลาเหลืออาลัย
นอนทาบกายนิ่งร่างต่างผืนพรม

ที่ร่วงลาจากต้นอยู่บนพื้น
คอยดาษดื่นกกโคนจนทับถม
เปื่อยสภาพกับฝนเป็นโคลนตม
ยังสะสมอินทรีย์ธุลีดิน

สู่ดอกไม้ช่ออื่นให้ชื่นรัก
ดื่มน้ำหมักจากธุลีที่สูญสิ้น
จากรุ่นก่อนรอนร่างสร้างแผ่นดิน
มิสิ้นกลิ่นแม้ตายวายชีวัน

ดอกไม้งามแต่ละรุ่นล้วนหมุนเปลี่ยน
ตายเกิดเวียนหน้าที่มีสืบสาน
เชื่อว่าดอกไม้ไหนในจักรวาล
ประจักษ์เช่นเป็นกันทุกพันธุ์ไป

ดอกต่อดอกทับดินกลิ่นซึมซับ
แจ้งต่อดอกบอกให้ทราบกับดอกใหม่
เมื่อคราวร่วงสู่ดินถิ่นอำไพ
รับรู้ได้กลิ่นรุ่นก่อนสะท้อนงาม

จดหมายเหตุแจ้งไว้ให้รุ่นหลัง
อย่าหยุดยั้งครองดินนี้อย่าผลีผลาม
สละร่างร่วงหล่นปนดินงาม
เพื่อยังความรักดินนั้นจนวันตาย

บรรพบุรุษ หนึ่งนั้นพันธุ์มนุษย์
เจตจำนงค์คงทรุดหยุดความหมาย
ล้วนลูกหลานลารั้วครัวตายาย
ขายแรงกายในทางหินแผ่นดินปูน

สำนึกรักบ้านเกิดเถิดใจทราบ
ต่อรุ่นหลังพังราบคงสาบสูญ
ต่างดอกไม้เสมอต้นจนจำรูญ
เสมอปลายต่อบุญและคุณบรรพ์

ดูดอกไม้ละต้นหล่นโรยไป
ยังหล่นร่วงอยู่ใกล้ในถิ่นฐาน
ไหนคนลาอาลัยยามวายปราน
จะใกล้บ้านดังดอกไม้... ไหมหนอคน?

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
17 มกราคม 2553 01:05 น.

จับเคียวเกี่ยวฝน

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

จับเคียวเกี่ยวฝน

แสงสางหล้าเบิกอรุณอุ่นในหนาว
พลิ้วมะพร้าวโบกใบไล่ไอฝน
เสียงเกราะลอล้อลุกปลุกผู้คน
บรรเลงปนเสียงกริ่งกระดิ่งควาย

ยอดหญ้าแนบแอบนิ่งอิงน้ำค้าง
แห้งกระด้างได้ฉ่ำกรุ่นละมุนไหว
ไก่แม่อ่อนต้อนลูกอย่างสุขใจ
คุ้ยเขี่ยไปตามหญ้าพาหากิน

ฝนฟ้างามยามอรุณยังกรุ่นอยู่
แอบรินหลั่งพรั่งพรูไม่รู้สิ้น
คืนความฉ่ำเย็นชื้นผืนแผ่นดิน
ต่อชีวินข้าว-หญ้าผืนนาทอง

จับเคียวเกี่ยวกองละอองฝน
แสนละมุนกรุ่นกมลเมื่อฝนต้อง
เก็บเกี่ยวฝนใส่ฝันมากลั่นกรอง
หลับตามองทุกขอบเขตสังเกตุตน

กระบวยตักน้ำชิมลิ้มคุณค่า
หวานน้ำรองชายคาเหมือนหน้าฝน
ในเหมันต์วันหนาวพราวกมล
บันดาลดลฝนและฝันให้พลันมี

จับเคียวเกี่ยวน้ำค้างต่างรวงข้าว
คมเคียววาวอาบแสงแห่งวิถี
วิถีชนบทนาหลายหล้าปี
ยังคงมีสืบแผ่นดินอวนกลิ่นนา

แดดสายๆลมเย็นๆเล่นยอดพร้าว
หนูตะเพาแอบหลับใหลใต้ใบหญ้า
รอกลางคืนแรมรอนจะจรมา
ค่อยแอบหายอดมะพร้าวยามหนาวกิน

เคียวเปียกปอนตอนหนาวพร่างพราวรุ่ง
คล้องกมลฝนฟุ้งจรุงถิ่น
สกุณาลารังยังโบกบิน
บรรเลงศิลป์เสียงสวรรค์ให้พลันดัง

เก็บเกี่ยวฝนในหนาวมาเนาแนบ
ทาบโค้งเคียวอิงแอบแนบความหลัง
คอยเสียงฟ้าในหน้าร้อนจะนอนฟัง
มาร้องสั่งทิ้งฝนจนฉ่ำเย็น

เคียวคอนโค้งคมใสในต้อนนั้น
คงได้ลับคมฝันให้ฉันเห็น
สลัดทิ้งสนิมสาบคราบลำเค็ญ
ก่อนมาเป็นเคียวคร่ำกรากกรำงาน

จะได้ใช้คมเคียวเกี่ยวใบกล้า
ไปปักดำทำนาเวลาฝัน
ฝันคือจริงคือตื่นในคืนวัน
ฝันคือขวัญปลอมประโลมในคมเคียว

จับเคียวเกี่ยวฝนหลงฤดู
ลับคมอยู่ในถิ่นแผ่นดินเสี่ยว
แผ่นดินแคนพิณผญาป่ากระเจียว
ฝึกคมเคียวรอเกี่ยวข้าว...ยามหนาวมา

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
12 มกราคม 2553 08:32 น.

กล่อมดอกเสี้ยว

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

ดอกเสี้ยวเอย
ดอกเสี้ยวบ้านนอก
ยามร้าวหนาวหมอก
ล้าก้านพาดอกไปหาฝัน
ทิ้งทุ่งรกร้างฟางแห้ง
ไปล้อเสียงนีออนอำพัน
หนอดอกเสี้ยวเปลี่ยวฝัน
คิดเบ่งบานเปื้อนคาวอยู่กรุง

ดอกเสี้ยวเอย
ดอกเสี้ยวไทบ้าน
หลับใหลกลางวัน
เบ่งบานกลางคืนลืมรุ่ง
รออาทิตย์ลับหล้า
ค่อยเบ่งบานหาเงินตราบำรุง
อวดยวนกลิ่นไหวฟุ้ง
ไม่เลือกยุ่งเลือกภมรเลือกใคร

ดอกเสี้ยวเอย
คงลืมแล้วลืมต้น
คงลืมนาลืมคน
ลืมโพนลืมเถียงนาลืมไร่
ลมหนาวหัวนาแล้ง
คงบ่สู้ลมแห้งเมืองใหญ่
โอ้ดอกเสี้ยวอำไพ
กลัวเหี่ยวเปล่าตายก่อนปลายฝัน

ดอกเสี้ยวเอย
ดอกเสี้ยวชนบท
ป่าปูนรันทด
คือมนตร์สะกดหรือไงกัน?
คิดถึงกันบ้าง
คิดถึงทุ่งร้างก่อขวัญ
เมืองหมอกเมืองควันอย่างนั้น
มั่นหมายในความฝันอันใด?

ดอกเสี้ยวเอย
ดอกเสี้ยวชาวนา
ยามเสียน้ำตา
จะกลับมาก็ได้
มางามยามแล้งแต่งต้น
เก็บฝันจากผู้คนวัวควาย
โอ้ดอกเสี้ยวชาวไร่
มาอยู่มาตายแผ่นดินตน!

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฟ้าฟื้า ธรรมชาติ