8 เมษายน 2553 02:09 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เกิดเป็นทุกข์ วัวหรือที่เกิดเป็นทุกข์?
โลกหมุดเปลี่ยนเวียนหวั่นทั้งวันคืน
เล่าทนฝืนอิดโรยละโหยหา
เดียวดายเปลี่ยวร้างไร้ในมารดา
ทุกหลับตา-ลืมตื่นสะอื้นคราง
ขอนมแม่ตัวอื่นสักน้อยนิด
เพียงความคิดก็ขุ่นเคืองเรื่องบาดหมาง
หนอชาติวัวอปโยคโชคอับปาง
ข้างร่างผอมกายร้างห่างแม่ตน
ทุกวันเล่าเขาเกลียดก็เบียดออก
นอนนอกคอกชายคาเปียงห่าฝน
วัวนอกคอกสมซ้ำน้ำหน้าตน
สุดจะทนขมหญ้าที่หากิน
ลูกกำพร้าใจหมายไม่กำพร้า
ธารน้ำตาเปียกอยู่ไม่รู้สิ้น
เกิดแต่วัวแสวงหม่นบนแผ่นดิน
แม้ชีวินเดียรัจฉานยังมีกรรม
เพียงเกิดมาก็เห็นการเป็นทุกข์
อยู่ไหนสูข?เรา-เขาต่อเช้าค่ำ
ไหนเลือกสีนัยตาฟ้าหรือดำ
สัจธรรมล้วนเห็นความเป็นไป
แม้นภพชาติวาสนาพาดำเนิน
จะทบเทินปาบบุญทบทุนใหม่
ต่างกฏกรรมเดียรัจฉานประการใด?
ล้วนหวันไหวลอยล่องสอดคล้องกัน
ที่ลึกซึ่ง! แฝงไว้ในธรรมชาติ
คือนักปราชญ์สัพพัญญูผู้รังสรรค์
ทุกอนูแผ่นฟ้า ดิน ตะวัน
ทุกสายธาร แสง-ค่ำ คือความจริง
เกิดเป็นทุกข์ดำรงตนจนแตกดับ
ล้วนกำเนิดเกิดกับทุกสรรพสิ่ง
เกิดเป็นทุกข์เช่นนี้วิถีจริง
อาจอ้างอิงอาจพิพาทกับอัตตา
เช่นชาติวัวในนามความเป็นโลก
เพียงเสี้ยวโศกความสุขและทุกขา
ผู้แสวงเสพกุศลผลมรรคา
หน่ายระอาเวียนว่ายทลายเปิง
ในนามหนึ่งภายใต้ในนามโลก
มิเสียงโชคสุ่มหมายการไปเถิง
ปรารถนาหลุดร้างอย่างสิ้นเชิง
ต่อวังเวิ้งวนว่าย เกิด-ตาย เวียน
การเกิดเป็นทุกข์
อยุ่ก็เป็นทุกข์
เจ็บป่วยก็เป็นทุกข์
ตายก็เป็นทุกข์
สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้
....................................................
สิ่งที่แน่นอนคือ ทุกคราวที่เกิดมา
จะนำพาความตายมาด้วยทุกครา
"ปักษาใดบินไปไร้แก่นสาร
แม้นบุปผาดามาลย์ไม่ฝันใฝ่
หวังหลุดวัฏะสงสารการเกิดตาย
ใช่เป้าหมายสุดยื้อกระพือบิน
เถิดปักษาสานธรรมรู้คำพระ
สืบสุดท้ายก่อนวาระจะสูญสิ้น
คราวโลกทรามป่นปี้ธุลีดิน
ยังคงกลิ่นปักษาพระสัทธรรม"
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
5 เมษายน 2553 00:45 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
เช้าใหม่ในนางาม
หอมเอยหอมกรุ่นกมลเมื่อฝนฟุ้ง
หอมน้ำปรุงหัวนาฝนฟ้าใหม่
แว่วขานเพลงสังกะสีที่นาใด
กล่อมพงไพรบ้านป่าหัวนาดอน
รับอุ่นไอฝนฟ้าจวนซาเม็ด
ต่อเมล็ดเติมนาใบกล้าอ่อน
คราวตะวันบอกร้างลางค่ำคอน
จั๊กจั่นเปียกปอนออกว่อนคืน
พลบตะเกียงเพล้โพล้โพล่มาส่อง
สาดแสงทองยิ้มแย้มแชล่มชื่น
ร่วงเม็ดฝนค้างหลังคาย้อยมาคืน
กระจายชื้นแตกกระเซ็นเย็นซ่านกาย
หอมดอกไม้ไร้ทิศทางพร่างพราวหอม
อวลมาย้อมเถียงนาซาฝนใหม่
ล่วงฤดูสู่วสันต์คิมหันต์กราย
สาบวัวควายเติบตื่นคืนกลับนา
แว่วกระดิ่งกริ่งควายยังไม่หลับ
ยุงไรจับระคายแคงแข้งแขนขา
แต่งควันโหมโถมลอยคอยทาบทา
อวดท้องฟ้าทักทายในคืนงาม
เผยดึกดื่นคืนข้างร้างแสงจันทร์
แววบุหลันลางระเรื่อเมื่อตีสาม
เพียงเมฆหนักน้ำฟ้ามาเยือนยาม
บดบังความนวลอ่อนค่อนคืนแรม
ล่วงจะเช้างามนักหลับไม่ลง
นายังคงงามเหลือเมื่อฟ้าแจ๋ม
ไก่โห่ขันขานนาคอยมาแซม
มาเติมแต้มแต่งหล้าคราอรุณ
หนาวหมอกฝนยามฟ้าอุษาสาง
ไฟคบร้างมอดหายไร้ไออุ่น
เผยแผ่นดินโดยตะวันหวานละมุน
มาเพิ่มพูนส่องสว่างสางนาไพร
เกริ่นวาระหน้าที่ปักษีษา
ถึงเวลาบรรเลงเพลงบทใหม่
เปลี่ยนจังหวะคำร้องทำนองไพร
แทนเรไรจั๊กจั่นล่วงผ่านคืน
คืนนอนนางามนักไม่อาจหลับ
จนคืนลับเช้าใหม่ได้เติบตื่น
เสพค่ำฝนเริงระบำลมคำครืน
เสพควันฟืนแสงไต้ไฟตะเกียง
วาวน้ำค้างสางเช้าเนาว์สีรุ้ง
เหน็บผ้านุ่งไหมสะโหร่งลงจากเถียง
แว่วกระดิ่งควายเคาะเปราะเกราะเพียง
รู้ว่าเสียงเช้าใหม่ในนางาม
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
1 เมษายน 2553 20:38 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
หนาวพิษณุโลกลมหม่น บนรถไฟ...
หนาวลมครวญคอยหม่นบนรถไฟ
การร้างไกลจากแล้วแก้วเพื่อนเอ๋ย
รักรู้สึกไม่เลือนจางอย่างเช่นเฉย
อาจจะเผยความหมองเสียงของเรา
พี... นายไป เรารู้! อยู่บนนั้น....
บนพระจันทร์อย่าร้างลืมวันเก่า
เราเพียงห่างต่างภพอย่าซบเซา
จะมองเงาจันทร์กระจ่างต่างเงานาย
สัญญาว่าเพียงใดจะไม่ลืม
นายชอบดื่มโออิชิที่มาร์ชขาย
นายรักคอมฯขณะนั้นจนปั้นปลาย
แทบร่างกายแยกสิ้นกับวิญญาฯ
หนาวกว่าหนาวเกินเหลือเมื่อร้างจาก
การพลัดพรากแต่ด่วนเฝ้าครวญหา
แสนวิโยคเทษวร้างหลั่งน้ำตา
พิษณุโลกโบกลากว่าค่อนคืน
ห่วงว่าหลังยังเห็นว่าเป็นห่วง
ลมคอยเหน็บเจ็บทรวงหนวงใจฝืน
สี่ปีที่ประกาศวาดจุดยืน
ลมครางครืนไหวหวั่นวันจากไกล
คิดถึงคิดถึง "พงศธร"
หากลาจรจากกันก็หวั่นไหว
คิดถึงคิดถึง "ธัญใจ"
แววตาใสกริ่มกริ่มรอยยิ้มงาม
คืนดวงดาวพราวพร่างกระจ่างฟ้า
เอ่อน้ำตาสุดห่วงเฝ้าทวงถาม
ไหนคอยตรองครองหาสัญญายาม
มอป่าทามสามแสนแดนร้างลับ
เพียงสบสอดสายตาในรูปเก่า
เจ้าความเหงาเหมือนรู้ก็กรูจับ
จากวันล่วงเดือนลาคณานับ
ยังรักรับเติมลงในทรงจำ
เพื่อนเอ๋ยเคยร่วมทุกข์-ร่วมสุขมา
ตั้งแต่คราวนั้นหนอหอสิบสาม
หวังเวลาย้อนกลับรับโมงยาม
จะไปฉุดหยุดนามความเป็นตาย
"ดีหกศูนย์สาม"ห้องของ"พงศธร"
ก่อนลาจรจากลับ"พี"หลับไหล
ไม่ต่อถามความเห็นที่เป็นไป
คำสุดท้ายที่พูดกันอยู่ห้องนั้น
หนาวลมครวญคอยหม่นบนรถไฟ
การร้างไกลอยากให้เห็นเป็นแค่ฝัน
คืนรถไฟแล่นเหงาใต้เงาจันทร์
หลับคืนวันฝันหา.... "พงศธร"
...................................................
"เราจะขึ้นปีสามแล้ว...
นายหลับให้สบาย.....
ยังห่วงใยและคิดถึงเสมอ"
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
28 มีนาคม 2553 17:46 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
ชายทอผ้าไหม
ริ้วลมหนาวเหงาวิโยคโวกวิเวก
มนต์หนาวเสกการพรากไปจากถิ่น
ดอกหญ้างามพร่ำพรอดกอดแผ่นดิน
น้ำค้างรินแผ่ลาดหมาดดินดำ
คูนลออช่อสล้างครั้งเติบตื่น
คอยหยัดยืนฝืนหนาวแต่คราวค่ำ
ล่วงยามเช้าหนาวน้ำค้างต่างฝนพรำ
ดอกหนักฉ่ำชื้นต้นโหนโตงเตง
ฟางราบเรียบเรียงหลั่นเฉกชั้นผ้า
แผ่กระจายไก่กล้ามาข่มเหง
ดุเหว่าร้องวอนหวังกลบวังเวง
ทุกกาลเพรงลาล่วงห่วงอันใด
สิบดุเหว่าเพียงดุเหว่าวอนเว้าอยู่
คนฮักแพงบ่รู้ว่าอยู่ไหน
ร้อนปลายแล้งแจ้งข่าวตามต่าวไป
เฒ่าพ่อใหญ่แม่ใหญ่ใครคนรอ
วงสำหรับกับข้าวก็เว้าแหว่ง
ขาดคำแพงนั่งเพิ่มมาเติมต่อ
น้องและหลานฝันหาน้ำตาคลอ
เอื้อยเฮาหนอเป็นได๋ไผเหลียวแล
หอมข้าวพ่องามไหมแม่แต่ขาดเอื้อย
หนาวลมเฉื่อยคอยกรายไม่แยแส
"กี่" ที่รัก "กระสวย" ด้ายพร้อมไหมแพร
ไผหนอแม่จะสืบถอต่อตำนาน
กลัว "กี่" เก่าตามกาลผ่านคืนล่วง
แสนเป็นห่วงคนจะเก่ากลัวร้าวฉาน
ไปเย็บจักรปักถงสาวโรงงาน
"หูก" ทางบ้านนึกหน้าต่อนาที
ตราบสวนหม่อนหากไม่ร้างใบยังเขียว
จะยังเหลียว"ฟืม" "หูก" ทุกวิถี
"กระด้งไม้" "ไน" "อัก" ความรักมี
งานไหมนี้ต้องถักทอก้าวต่อไป
อุษาเช้าหนาวหายไกลลิบลับ
ฟ้าพายัพยังมั่นไม่หวั่นไหว
"กระสวย" ไม้ไม่เลือกถือโดยมือใคร
เสมือนไหมบ่เลือก "กี่" ที่ถักทอ
"สองตายายพ่อแม่ก็แก่แล้ว
วิถีแนวแห่งไหมต้องไปต่อ
แม่เรียงไหมใส่ "หูก" ผูกรั้งตอ
ยก "กี่" วางเลยพ่อ ผมทอเอง"
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
19 มีนาคม 2553 09:54 น.
ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
โศกนาฏกรรม
โศกนาฏกรรม
มาดื่มน้ำเย็นเย็นกันสักหน่อย
มากล่าวสรรค์วรรณนาวาจาถ้อย
แถลงสร้อยมธุรสนโยบาย
โศกนาฏกรรม
ชมร้องรำหน่อยหนึ่งอย่าพึ่งหน่าย
พักผ่อนบ้างอย่ามัวสร้างความวุ่นวาย
ดูนางกรายงามงามยามย่างเดิน
โศกนาฏกรรม
มาฟังคำหวานป้อยอสรรเสริญ
กรอกหูขวาหูซ้ายให้เพลิดเพลิน
มาหยอกเอินกายใจให้ดูดี
โศกนาฏกรรม
มาอิ่มหนำกับกินทานอาหารนี้
นั่งนอนกินต่อเติมเสริมอ้วนพี
ข้าทาสมีคอยป้อนเมื่อตอนกิน
โศกนาฏกรรม
มาปะน้ำอบปรุงประทินกลิ่น
ให้หอมนานหอมแน่นทั้งแผ่นดิน
ให้รวยรินตรึงใจ
โศกนาฏกรรม
รับทองคำเอาไปไว้ใช่ก่อน
ทั้งหอห้องโอ่โถงพร้อมโรงนอน
ประตูกลอนลงมุกฟูกใยทอง
โศกนาฏกรรม
คื่นล่วงค่ำยามนี้ฟ้าสีหมอง
มานอนหลับพักสบายให้พี่น้อง
คอยปกป้องจนกว่าเวลาสาง
เฝ้ามองโศกนาฏกรรม
เห็นเงื่อนงำวิปริตผิดหลายอย่าง
ต้องปรับเปลี่ยนแล้วสิวิถีทาง
ต้องบาดหมางแบ่งแยกแตกกันไป
นี่แน่ะ! เจ้าโศกนาฏกรรม!
เราอยากนำความเข็ญไปเซ่นไหว้
บ้านเมืองนี้มียอดคนหนแห่งใด
จะผลักไส่ไล่โศกนาฏกรรม!