19 เมษายน 2548 20:04 น.
ฟ้าตะวัน
ตอน 2 เมื่อความอยากเข้าใจเริ่มขึ้น
ก ริ๊ ง ง ง ง ง !! เสียงออดเปลี่ยนคาบเรียนดังขึ้นไปทั่วโรงเรียน
" เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกันนะนักเรียน "
" นักเรียนเคารพ ! "
" ขอบคุณครับ / ค่ะคุณครู "
เมื่อครูผู้สอนเดินออกไปนอกห้องเรียน ก็เกิดเสียงดังในห้องเรียนขึ้นทันที
" หิวข้าวโว้ย หิวข้าว! โยไปกินข้าวกันเร็ว " กลุ่มผู้ชาย 4 คน เดินเข้ามาทักโยที่นั่งทำตาลอยๆ อยู่กับโต๊ะ
" ไปก่อนเหอะ เดี๋ยวตามไป " โยบอกเพื่อนโดยไม่หันมามอง
" เฮ้ย ไปกันเถอะมันเป็นแบบนี้มาตั้งเดือนแล้ว ถ้ามันหิว เดี๋ยวก็มันลงไปกินเองแหละ " เพื่อนอีกคนพูดขึ้นแล้วพวกเพื่อนของโยเดินออกจากห้องกันหมด โยก็ยังเหม่อมองฟ้าอย่างเดิม
" ทำไมไม่ไปกับพวกเพื่อนๆ เขาละ " ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอชื่อเรย์ เธอเป็นหัวหน้าห้องของโย แต่โยก็ยังมองท้องฟ้าไม่ได้สนใจกับคำพูดของเธอ
" ท้องฟ้ามีอะไรนักหรอ เห็นมองอยู่ได้ " แล้วเธอก็มองตามที่โยมองบ้าง
" นั่นรูปอะไรนะ " แล้วเธอก็หยิบรูปออกจากกระเป๋าเสื้อ แต่ยังไม่ทันดู
" เอามานี่นะ !!! " โยพูดเสียงดังแล้วแย่งรูปคืนมา ถึงกับทำให้เรย์สะดุ้ง
" อะเออ... คือฉัน...ไม่ค่อยสบายขอตัวก่อน " โยรีบเดินออกจากห้องไปปล่อยเรย์ให้ยืนมองโยเดินออกไปด้วยความงง.......
และแล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนวันธรรมดาที่น่าเบื่อหน่าย จนถึงวิชาเรียนวิชาสุดท้าย...
" นักเรียนเงียบๆ หน่อยค่ะ ครูให้จัดกลุ่มทำงานนะ ไม่ใช่จัดกลุ่มปิกนิก " เสียงของนักเรียนก็ค่อยๆ เงียบลงตามคำสั่งของคุณครู
" เอาละจ๊ะ ครูจะให้ทุกคนแบ่งกลุ่มกัน 7 กลุ่ม กลุ่มละ 6 คนนะ "
" เฮ้ย เรย์ ! เราขออยู่ด้วยดิวิชานี่คะแนนเราน้อยอะ "
" เรย์ๆ เราขออยู่ด้วยนะ " เสียงนักเรียนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง (ยกเว้นโย) และ...
" เงียบ !!! " ทุกคนปิดปากสนิท ห้องก็เงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง
" งานนี้ทุกคน จะต้องช่วยกันหา รายชื่อ สายพันธุ์ เขต และ ฤดูกาล
ของดอกไม้มาให้ได้มากที่สุด ถ้ามีรูปด้วยยิ่งดีนะ ทุกกลุ่ม... จะต้องมีไม่ต่ำกว่า 70 ชนิด "
" โ ห ห ห ! ! " นักเรียนร้องเสียงกันฮือ (ยกเว้นโย)
" คงไม่เกินความสามารถพวกเธอหรอก ในช่วงโรงเรียนหยุดเวลา 7 วันนี้ พวกเธอต้องหาได้แน่ เวลาที่เหลือครูให้พวกเธอหาจัดกลุ่มกันเอาเองและชื่อกลุ่มตั้งตามชื่อดอกไม้ที่คิดว่าพวกเธอชอบ ขอให้ทุกคนโชคดีจ๊ะ "
เมื่อครูออกจากห้องไปทุกคนก็หาคนจัดกลุ่มกันปรึกษาอย่างทันที บางคนก็แย่งกันเอาคนเก่งๆ ไว้ในกลุ่ม บางคนก็รีบวิ่งหากลุ่มที่ดีๆ ไว้ และแล้วออดก็ดังขึ้น ที่จัดกลุ่มเสร็จก็กลับบ้านกัน บางคนยังต้องเป็นเวรทำความสะอาดห้องเรียนอยู่ก่อน
" เอาละกลุ่มเราก็มีครบแล้วนะก็มี เออ... เรย์ ซัน เจมส์ โย เดียร์ เอ๊ะ! ทำไมถึงขาดไปคนหนึ่งละ"
" ก็เธอไงเล่า ยัยแคร์ จัดกลุ่มทีไรลืมนับตัวเองทุกที ฉันละเหนื่อย "
" จะทำไมละยะ ยัยเดียร์ ทีตัวเองละยังจำเลขที่ตัวเองผิดเลย ! "
" โธ่! ใครๆก็มีลืมกันบ้างสิ ไม่เหมือนใครบางคน ลืมประจำ "
" เชอะว่าแต่คนอื่นแหละ ทีเธฮละนอนตื่นสายตลอดต้องให้ฉันโทรไปปลุกทุกวันเลย " ทั้งสองคนก็เถียงกันไปเถียงกันมาไม่ยอมหยุด
" สองคนนี้ทะเลาะกันอีกและ เรย์ช่วยห้ามทีดิ " แต่เรย์ไม่ได้ฟังที่เจมส์พูดกลับมองไปที่โยซึ่งกำลังกวาดพื้นห้องเรียนอยู่
" เ ร ย์ ! ! " ซันพูดเสียงดังเรียกสติเรย์
" อ๊ะ! มะมี อะไรเหรอ "
" เป็นอะไรนะดูเธอเหม่อๆ นะ " ซันถามอย่างแปลกใจ
" ไม่อะไรหรอก... เอ่อ จริงสิทำไมพวกเราไม่ไปที่บ้านโยละ ที่โยมี
สวนดอกไม้เยอะไม่ใช่หรอ "
" จริงด้วย เฮ้ย! โยพวกเราจะไปบ้านนายกัน คิดว่าไง " ซันถาม
" ...เอาสิ แล้วจะโทรไปบอกทางบ้านให้... "
" ดีเลย งั้นพรุ้งนี้เราก็ไปบ้านโยกันเลย !! " แคร์พูดแล้วกำมือขวาชูขึ้น
" ตกลง !! " ทุกคนชูแขนขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นโยที่ทำความสะอาดอยู่...
17 เมษายน 2548 17:38 น.
ฟ้าตะวัน
ตอน 1 ความฝัน
...เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น แสงสว่างจากภายนอกห้องทำให้เขามองเห็นตู้ เตียงนอน เขาเดินไปที่เตียงนอนอย่างช้าๆ แล้วเอาตัวล้มลงไปกับเตียงในลักษณะตรงข้าม เขารู้สึกว่าเหมือนคนไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป แต่แล้วเขาก็มองไปที่โต๊ะตั้งโคมไฟ เหนือเตียง ข้างๆ โคมไฟนั้นมีรูปภาพอยู่รูปหนึ่ง ด้วยความมืดทำให้เขามองภาพนั่นไม่ค่อยชัด เขาเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟให้สว่าง แสงจากโคมไฟอ่อนๆนั้นช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่น เขาค่อยๆ เลื่อนสายตาตัวเองมองไปที่รูปภาพ รูปนั้นคือรูปถ่ายสมัยยังเด็กราว 10 ขวบ ทำท่าชูสองนิ้วให้ แต่หน้าตาที่ยิ้มแย้ม ร่าเริงของรูปถ่ายก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด ในรูปยังมีผู้หญิงยืนอยู่ใกล้เขาอีกคนหนึ่งดูแล้วอายุราว 60 ปี เธอยิ้มน้อยๆ และมือทั้งสองข้างประสานกันไว้ข้างหน้าอย่างเรียบร้อย
" แม-รี่ " เขาเอ่ยเสียงออกมาทีละคำ ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง ความรู้สึกต่อแสงสว่างหายไป และมืดลงในที่สุด...
เสียงหัวเราะของเด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นจับผีเสื้ออย่างสนุกสนานแต่เด็กคนนั้นก็หกล้มลง ด้วยความเจ็บจึงร้องไห้ออกมา
" เป็นอะไรหรือปล่าวค่ะคุณหนู " เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งนั่งดูอาการของเด็กอยู่ใกล้ๆ
" แค่นี้เอง ลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะค่ะ " เสียงของเธอฟังดูอ่อนโยน เสียงร้องของเด็กจึงเงียบลงแล้วยิ้มให้เธอแล้วพูดกับเธอ
" ฮะ แมรี่ " แล้วเอาแขนเสื้อตัวเองเช็ดน้ำตาที่แก้มออก
" แมรี่ หมา หมา มันวิ่งมาเต็มเลยผมกลัว !! " เด็กคนนั้นบอกเธอเมื่อเห็นสุนัข 3-4 ตัว วิ่งเข้ามาอย่างดุร้าย
แมรี่หยิบไม้ยาวถือมาขู่พวกสุนัข พวกมันจึงวิ่งเข้าไปกัดแมรี่ ทำให้เธอต้องใช้ไม้ฟาดพวกสุนัข จนพวกมันวิ่งหนีหายไป
" แมรี่ เป็นยังไงบ้างฮะ ! " เด็กมองดูแผลที่สุนัขเหล่านั้นกัดบริเวณแขนและขา เต็มไปด้วยแผลกับเลือดที่ไหลออกมาดูน่ากลัว ทำให้ เด็กน้ำตาไหลอีกครั้ง แต่แมรี่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความเจ็บแต่อย่างใด เธอกลับยิ้มน้อยๆ ให้แล้วพูดขึ้นว่า
" แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ คุณหนูเป็นลูกผู้ชายนะค่ะ อย่าร้องไห้สิ " แล้วเธอก็เช็ดน้ำตาให้เด็ก
เ พ ล้ ง ง ง !! เสียงแตกบางอย่าง ทำให้แมรี่รีบวิ่งมาดู และพบเด็กถือลูกบอลอยู่ใกล้ๆ แจกันที่แตกอยู่
" แมรี่ ผม ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ " เด็กคนนั้นพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่น และก็เริ่มร้องไห้เสียงดัง
" เงียบเถอะค่ะคุณหนู แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกนะ แมรี่จะพูดกับนายหญิงให้เองนะค่ะไม่กลัวนะ " แมรี่พูดไปเช็ดน้ำตาให้เด็กไป
ทุกอย่างหายไปเหมือนความมืดปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไร นอกจากผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดกำลังมองป้ายหลุมศพอย่างเศร้าเสียใจ
ที่ป้ายหลุมศพนั้นได้เขียนไว้ว่า " แมรี่ มาเชล "
" แกก็อายุมากแล้วนะครับ เรื่องมะเร็งนั้นคง... ต้องเสียใจด้วยครับ "
" งั้นหรือครับ แล้วแกจะอยู่ได้อีกนานไหมครับหมอ "
" คงต้องแสดงความเสียใจด้วยครับ แกคงอยู่ได้ไม่เกินเดือนนี้แล้วละครับ "
" นี่เธอๆ เขาว่าคุณป้าแมรี่นะ ตายไปเมื่อวานนี้เองนะ "
" จริงหรอเธอ น่าสงสารแกนะลูกหลานแกก็ไม่มี "
" ที่จริงนะป้าแกก็มีหลานอยู่นะ แต่เขานะรู้สึกจะอยู่ที่อังกฤษโน้นเลย แล้วก็ไม่เคยมาเยี่ยมหรือโทรมาคุยซักครั้ง "
มีเสียงพูดคุยกันก้องอยู่ในหัวของผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพ ดวงตาของเขาดูเศร้าอย่างมาก มือหนึ่งกำสิ่งของที่อยู่ภายในไว้แน่น...
ความสว่างได้ฉายแสงขึ้นแทบทำให้แสบตา ภาพของผู้ชายและป้ายหลุมศพเหมือนถูกแสงสว่างทำให้หายไป จนกระทั่งดวงตาทั้งสองเปิดขึ้น ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเบาๆ ทั้งแสงยามเช้าก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง โคมไฟยังคงเปิดสว่างไว้อยู่ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน มองดูแหวนเงินที่นิ้วมือขวาด้วยสายตาที่เศร้า " แมรี่... "