29 มิถุนายน 2551 18:57 น.
ฟา
ต้องให้กราบลงตรงแทบเท้าไหม
เธอถึงเห็นใจไม่ไปกับเขา
คิดดูเอานะเรื่องราวของสองเรา
แรกเริ่มวันเก่าใครก้าวเข้ามา
คนเริ่มความรักครั้งนี้ไม่ใช่ฉัน
ที่เข้ามาพร่ำคำรักกันเธอหรอกหนา
ถึงวันจะจบที่ส่งคืนคือโมทนา
ให้มือที่สามดีกว่าฉันแค่นั้นเอง
29 มิถุนายน 2551 18:49 น.
ฟา
ถ้าเธอเป็นคนเมืองมายา
บทตีสองหน้าคงผ่านฉลุย
หลอกแม้คนรักเห็นเป็นเจ้าทุย
พลิกลิ้นร่อนคุยแลกรักใครใคร
ที่เงียบไม่ใช่ว่าโง่
อยากดูว่าเธอจะอดโซความรักสักแค่ไหน
จะพอ จะหยุดล่าได้เมื่อไร
ถ้ากระหายเรื่อยไปรักฉันเท่าไหร่คงไม่พอ
งั้นก็คงต้องส่งบัตรเชิญ
ให้กรุณาเดินจากออกไปเถอะสุดหล่อ
รักดีดีของผู้หญิงพันธุ์นี้คงไม่รอ
เป็นหัวตอของตายให้ชายน่าระอา
ฉันไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่า
ที่โง่เง่าหูเบากับคนบ้า
เชิญไปเหอะไปให้ไกลลูกตา
คำรักไร้ค่าไม่ปรารถนาจะได้มี
แค่มีปากใช้ลิ้นลากปลิ้นปล้อน
เที่ยวออดอ้อนให้หญิงอยู่คงที่
แต่ตัวเองมากรักไม่ภักดี
จะหยุดใจกับฉันนี่ก็จบกัน
20 มิถุนายน 2551 19:22 น.
ฟา
เมื่อตั้งจิตแน่วแน่จะเดินหน้า
สู่สิ่งสุดปรารถนาในภพนี้
แต่ละก้าวย่างเดินความวุ่นมี
เวลาอีกกี่ปีจะพ้นไป
ยิ่งเยี่ยงเท้าสาวไปในทางเปล่า
มีแต่เราตัวเราหรือไฉน
โอ้มิ่งมิตรมากมายใครต่อใคร
หามีไม่สัญจรไปร่วมเส้นทาง
ยิ่งเดินมาเรื่อยเรื่อยเมื่อลึกเข้า
รอบกายมีเพียงเงาที่เคียงข้าง
ใจหนอใจจะโทษจิตคิดครวญคราง
ช่างเวิ้งว่างเหลือกระไรเปลี่ยวใจจริง
มีเพียงแสงแห่งธรรมคอยค้ำจิต
ในครั้งคิดทอดใจกับหลายสิ่ง
ฝ่ากระแสแห่งวิกฤติมาได้จริง
ก่อนจะถูกกิเลสสิงจนซูบเซียว
มาบัดนี้ก้าวไกลทางสายใหม่
แต่ไฉนมองไปนั้นแสนเปลี่ยว
ราวกับว่าโลกเหลือเราเพียงคนเดียว
ช่างโดดเดี่ยวหวาดหวั่นระแวงใจ
หลายครั้งคราจิตอ่อนมีคลอนคลืน
ต้องคอยฝืนรั้งกันเกือบไม่ไหว
มันหนักหน่วงเหลือคณาแทบปราชัย
ต้องต่อสู้กันไปจนสุดแรง
แม้ต้องก้าวต่อไปบนทางเปลี่ยว
จะแลเหลียวทางไหนก็ว่างเปล่า
ไม่ย่อย่นท้อแล้วหนอใจเรา
จะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวไม่เป็นไร
ขอมีเพียงพระธรรมคำสั่งสอน
ทั้งตื่นนอนก่อนหลับเวลาไหน
ระลึกตนรู้สติทั่วกายไป
จะทุกข์เข็ญเช่นไรให้เห็นกัน
เพื่อขอพ้นพ้นเหตุแห่งกองทุกข์
จะมากสุขไม่มีเลยคงไม่หวั่น
ขอเพียงดับดับทุกข์ลงทุกวัน
กี่ทางเปลี่ยวก็ไม่หวั่นจะก้าวเดิน