31 ตุลาคม 2547 15:19 น.
ฟา
หยาดเลือดทุกหยดที่ไหลหลั่งริน
มีกี่ชีวินแดดิ้นเสียหาย
กี่ครั้งกี่คราที่ฆ่ากันตาย
สูญหายหมดสิ้นบนแผ่นดินไทย
หากแม้นเพื่อป้องปกปักรักษา
จากภัยศาตราศัตรูนอกไว้
ไม่เสียดายหรอกชีวีเสียไป
เพราะควรค่าแลกให้แผ่นดินมารดา
แต่ทุกหยาดหยดเลือดรดลงดิน
หลายชีวิตสิ้นญาติไห้โหยหา
หมื่นล้านน้ำหยดจากสองนัยตา
มิอาจลบคราบเลือดที่ไทยมาฆ่ากันเอง
เราควรร่วมรวมใจกันให้เป็นหนึ่ง
เพื่อยึดตรึงความมั่นคงไม่ข่มเอง
ไม่แตกกันไม่ฆ่าฟันเลือดละเลง
เพียงคำยุคนบรรเลงเพลงสงคราม
26 ตุลาคม 2547 15:09 น.
ฟา
หัวใจหนึ่งที่เคยซึ้งได้ประจักษ์
ก่อนเทรักถ่ายความอบอุ่นให้
ช่างมั่นคงกว่าขุนคีรีใด
ในอุ่นไอที่รายล้อมรอบรอบกาย
แต่ใจหนึ่งที่ร่อนผ่านไม่นานนัก
กลับทิ้งความรักมอบให้ความหมาย
เธอมาจากฟ้าฝากใจไว้ข้างกาย
สัญญาไม่หน่ายแหนงเมื่อต้องไกล
ใจหนึ่งอีกใจพริ้วไหวเหมือนผ่าน
ห่างกันก็นานนานให้ใจไหว
ลอยกลางนาวาเวียนคิดถึงใคร
ใช่คนที่ฝากรักไว้ไหมหนอ
เพียงหนึ่งหัวใจที่ชายหนึ่งมี
แต่ในพื้นที่หนึ่งหัวใจขอ
มีหลายความรักมิใช่เพื่อยอ
ยกใครมาต่อเพื่อแทนที่กัน
คำจากหัวใจชายย้ำอย่ากลัว
แค่หนึ่งหัวใจข้างในดวงนั้น
หนึ่งรักมั่นคงอาจองค์ราชัน
อีกหนึ่งรักนั่นรักมั่นชาติไทย
ส่วนอีกส่วนหนึ่งที่พึงควรรักษ์
คือศาสนจักรที่จิตยึดไว้
ความรักอีกส่วนที่จะมอบไป
คือรักที่รักสุดใจเพียงคนเดียว
# กลับไปอ่านงานเก่า ๆ ของตัวเอง เลยลองเขียนงานใหม่ที่แฝงกลิ่นไองานเก่าค่ะ #
เขียวขี้ม้าฟ้าอากาศสีสะอาดชาดนาวี
หนักแน่นมั่นคงดุจดั่งภูผา
เคร่งขรึมดั่งพญาราชสีห์
ยึดถืออุดมการณ์ยิ่งชีวี
สมเป็นชายชาตรีศรีนคร
โดดเด่นพริ้วไหวในนภากาศ
ประเปรียวผุดผาดเยี่ยงเหยี่ยวร่อน
รักเถื่อนเรือนถิ่นที่กินนอน
ปกปักรักษ์คอนเท่าชีพมี
นุ่มละมุนดุจละอองเหนือฟองคลื่น
ทั้งชุ่มชื่นหน่วงหนักในศักดิ์ศรี
เฉลียวฉลาดลุ่มลึกเหมาะมี
สมส่วนในศักดิ์ศรีนายเรือไทย
พี่ชายคนหนึ่งคอมเม้นท์ไว้ว่า...
เป็นแม่บ้านทหารหาญชาญฉลาด
ยืนทนงองอาจดั่งราชสีห์
ถึงจะอยู่แนวหลังพลังดี
ร้องเชียร์สีเครื่องแบบได้แสบทรวง
อิอิสงสัยมีแฟนทั้งสามเหล่าทัพเลย
...ขอแก้ข่าวว่าไม่ใช่ก่ะเจ้า...
24 ตุลาคม 2547 18:40 น.
ฟา
อันดามันบ่รู้ เห็นใจ พี่เลย
ยามห่างจากเจ้าไกล เร่งร้าง
ทั้งหวงห่วงจอมใจ ของพี่
รอนเร่เรือแรมร้าง ห่างเจ้าแสนไกล
เหงาหวั่นไหวกู่ก้อง นาวา
ใจคลั่งคือห่วงหา ไป่แสร้ง
นางอยู่รักษ์ตัวนา นวลนิ่ม เนื้อทอง
วันพี่คืนอย่าต้อง ใส่ร้ายสู่ใจ
22 ตุลาคม 2547 09:14 น.
ฟา
เสียงคำใครว่าไว้ วันจาก เจ้ามา
น้องพี่จักต้องพราก ห่างแท้
ใยคิดปล่อยมิฝาก ฝังต่อ สิ่งใด
ตัวพี่คืนคงแพ้ พ่ายให้ใครครอง
น้องเอยน้องพี่เศร้า ทรวงนัก
ยามห่างนุชที่รัก ปล่อยไว้
อยู่บนฝั่งฤาจัก แจกจ่าย หัวใจ
คงมั่นรักไหมไร้ เรื่องร้าวหวั่นจริง
หญิงเอยใจพี่ต้อง ตรอมตรม
กลัวว่ากลับมาขม ขื่นเศร้า
เรือลอยผ่านคลื่นจม ใจพี่
ใครเล่าจักบอกเจ้า ที่นี้ชายตรม
ข่มใจเอาเพื่อหน้า ที่งาน ทหาร
มิส่อในอาการ กึ่งเศร้า
ตั้งใจเพื่อสืบสาน งานเหล่า นาวี
หวังมั่นใจตัวเจ้า บ่ร้างเมื่อคืน
* * * * * * * * *
22 ตุลาคม 2547 09:03 น.
ฟา
เสี้ยวหนึ่งของมิตรภาพ
ทุกคนรู้ว่า
โลกใบนี้มีผู้คนมากมายแค่ไหน สามารถที่จะหาจำนวนประชากรเป็นตัวเลขได้ค่อนข้างชัดเจน
แต่
ทุกคนจะรู้ไหมว่า บนโลกใบนี้ เราจะได้พบเจอใครบ้าง ชีวิตของเราจะมีเพื่อนมากน้อยกี่คน ในแต่ละวันเราจะพบกับคนกี่คนใครบ้าง ในคนเหล่านั้นเราจะพบกับมิตรบ้างไหม ถ้าพบเราจะพบกี่คนกันล่ะ แน่หละในคนมากมายที่เราต้องพบทุกวันนั้นน้อยคนนักที่จะต้องการให้เขาหรือใครเหล่านั้นปฎิบัติต่อเราอย่างอมิตร
เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนมากกระหายจะได้พบแน่ แต่ก่อนที่เราจะได้รู้ว่าคนมากมายที่ได้พบกันนั้นจะเป็นแค่เพียงคนรู้จักหรือมิตร เขาเหล่านั้นก็เริ่มต้นกับเราจากการเป็นคนไม่รู้จักกันทั้งนั้น บางครั้งบางคนที่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกับเขาเพียงแค่ผ่านกันไปมา อาจแค่คุ้นสายตากัน เขาอาจเป็นมิตรที่ดีกับเราก็ได้ถ้าเราหยิบยื่นไมตรีต่อกัน หากในไมตรีที่ยื่นไปได้รับการตอบรับมา มิตรภาพก็จะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น แล้วสถานการณ์และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นไประหว่างมิตรภาพของทั้งสองฝ่าย ในทางตรงข้ามหากไมตรีนั้นไม่ได้รับการตอบรับหรือถูกปฏิเสธ เราก็ไม่เซ้าซี้หรือยัดเยียดในไมตรีนั้น
แต่
ทำไมหนอ.. ถึงมีคนมองข้ามคนแปลกหน้าไป มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรกับการทำเช่นนั้น พอ ๆ กับการยื่นความเป็นอมิตรให้กับคนที่เราไม่รู้จัก มันเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้
แต่
สิ่งที่ทำนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกันเล่า ก็ถ้าเมื่อเราไม่ต้องการจะผูกมิตร มองเขาเพียงผ่านตา แค่คนผ่านมาเท่านั้นไม่ดีกว่าหรือ เหตุผลใดที่ต้องสร้างเรื่องราวให้ขุ่นข้องขวางไมตรีต่อกันเช่นนั้น
ทุกคนมีความขัดแย้งกัน แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างมิตรแท้กับมิตรแท้ ก็มิใช่จะมีแต่ความลงตัวไปซะทุกเรื่อง ถึงตัวของเราเองก็ตามยังมีความขัดแย้งอยู่ภายในด้วยซ้ำไป แต่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ถ้าเราไม่ทำให้มันใหญ่เกินกว่าที่เราจะควบคุมมันได้ แล้วประสาอะไรกับคนที่เพิ่งเริ่มเดินสู่ถนนสายมิตรภาพด้วยกัน หรือคนที่ยังไม่ก้าวเข้าไปสู่ถนนเส้นนั้นด้วยกัน
บางครั้งบางคนเริ่มต้นด้วยความขัดแย้งกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งชี้ขาดว่าระหว่างเขาหรือเธอทั้งคู่จะไม่สามารถเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ ความขัดแย้งกัน ไม่พอใจกัน ความรู้สึกที่เป็นลบที่เกิดขึ้นนั้น เราต้องทราบว่ามันเกิดจากอะไร เพราะเมื่อมีผลเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเหตุ แล้วเมื่อเราพบเหตุนั้นแล้วเรามีส่วนร่วมแห่งเหตุนั้นก็ควรจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขมันบ้าง ถึงจะมีความคิดที่ว่า ฉันไม่เห็นแคร์ ถึงจะไม่อยากสร้างมิตรภาพต่อกัน
และถึงแม้จะไม่ใส่ใจว่าใครจะคิดมองเราแง่ลบอย่างไรบ้าง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องไปทำให้ความรู้สึกของคนอื่นขุ่นข้อง แม้จะเป็นคนที่เราไม่รู้จักก็ตาม เพราะไม่มีอะไรประกันได้บนโลกกลม ๆ ใบนี้ว่าเราจะไม่ถูกแรงเหวี่ยงของมันพาให้เราได้กลับมาเจอกันอีกตลอดกาล
การเอ่ยคำขอโทษ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
คำขอโทษเพียงประโยคเดียวอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
การที่เรารู้ข้อบกพร่อง หรือสิ่งที่กระทำล่วงเกินผู้อื่นแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องของการเสียฟอร์ม
ถ้าเราเป็นคนมีอีโก้สูง และยอมรับในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้
ก็พยามอย่าทำอะไรที่ทำให้ต้องกลับมาแก้ทีหลัง
คนเราหลงลืม พลาดพลั้งกันได้
แล้วเมื่อรู้เราควรจะทำเช่นไร
คำตอบมันมีอยู่
เพียงแต่เรา
จะกล้าพอไหม
ที่จะใช้มัน!
~~ ขุ่นข้องหมองหมางเรื่องใดมิ่งมิตร
โปรดจงคิดใคร่ครวญอย่าด่วนหาย
ยังอยากเห็นเธออยู่จนชีพวาย
แล้วจะหายห่างไปไม่ว่ากัน
อย่าให้เป็นเพราะความไม่เข้าใจ
ทำให้ใจของมิตรขาดสะบั้น
มีสิ่งใดพลาดผิดทำต่อกัน
ต่างขอโทษฉับพลันเพื่อไมตรี~~