2 มิถุนายน 2549 09:34 น.
ฟา
ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาด
มองไม่เห็นดาวที่กลาดเกลื่อนฟ้า
มีเพียงแสงนวลลอดผ่านม่านบังตา
กระจายมาทายทักในทุกคืน
คิดถึงดาวฤกษ์ดวงเก่าที่เฝ้ามอง
นอนน้ำในตานองเก็บสะอื้น
เจ้าสุกสกาวทิศไหนใจครางครืน
สองตาชื่นฉ่ำทุกข์มันจุกจม
ยามค่ำคืนห้องว่างร่างชุดขาว
ชายเสื้อกาวน์ไม่ได้เข้ามาผสม
เงียบและเหงากว่าจะเช้าใจสุดตรม
กอดความหนาวที่พร่างพรมไว้แนบกาย
บางคืนเจ็บบางคราวปวดสะดุ้งไหว
ทรมานร้าวรานใจกว่าจักหาย
อีกกี่วันคืนหนอโรคในกาย
จะถึงจุดเบื่อหน่ายจนหายไป
อยากยอมแพ้แก่แกให้รู้รอด
ไม่อยากกอดเก็บแกเข้าใจไหม
ช่างระรานกันได้ไม่อายใจ
ต้องการให้ตายไปรึทรมา
ลืมตามองแสงใหม่ของอีกวัน
ปลงกับความใฝ่ฝันที่อยากคว้า
ท้อเหลือทนกับความจริงในสายตา
คิดและจำไว้เพียงว่าแค่วันวัน
..................
รอแค่เพียงยิ้มกับหมอว่าพอไหว
หนูยังอดทนได้ในเช้านี้
ไม่เจ็บปวดหลับได้สบายดี
อาการมีแต่ไม่มากยังสบาย
หมอใจดียังยิ้มรับอย่างเมตตา
หร้อมมองหาความจริงที่ขาดหาย
ก็ยังยิ้มทำสดใสอย่างหน้าตาย
หมอลับไปถึงถอนใจกับอาการ
เมื่อไหร่หนอเมื่อไหร่หนูจะได้ออก
ไปมองนอกห้องสี่เหลี่ยมที่สดใส
ได้พูดคุยได้พบใครต่อใคร
เพื่อเรียนรู้เก็บในความทรงจำ
คิดฟุ้งซ่านจากเช้าจรดบ่าย
ใจลอยหายหายไปช่างน่าขำ
เจ้าตัวเขาที่เรารักและจดจำ
ไม่เคยนำพากับความรู้สึกใด
เจ็บป่วยกายร้าวใจในทุกส่วน
ชีวิตล้วนเปี่ยมทุกข์ห้ามมิได้
กี่วันหนอคืนไหนทุกข์มากมาย
จะมลายหายหดหมดสิ้นไป
3 กุมภาพันธ์ 2549 17:31 น.
ฟา
ตรงเส้นทางเส้นแรกที่เคยเหยียบ
เคยรู้สึกความเย็นเยียบตรงนั้นไหม
เห็นรึเปล่าร่องรอยความอาลัย
ที่รู้สึกต้องจากไปในวันลา
ทุกเส้นทางที่เป็นทางเส้นเก่า
ปัจจุบันอาจรอเราอย่างเหว่ว้า
ก้าวผ่านกันมาไกลเกินสายตา
จักหมุนตัวกลับมาเพื่อจ้องมอง
ก้าวผ่านพ้นทางสายแรกของชีวิต
กายก็ย้ายเข้าสนิทเส้นทางสอง
ความแปลกใหม่คือสิ่งชอบตามทำนอง
เมื่อผ่านพ้นทางสองก็เสื่อมไป
จักกี่ก้าวต่อกี่ก้าวของวันหน้า
อาจนำพาเราผ่านพบทางสดใส
ทางเส้นนั้นเส้นนี้ล้วนตื่นใจ
อยากให้เราเร่งก้าวไปไม่หยุดยืน
เมื่อผ่านพ้นเส้นทางมากสายเข้า
ร่างกายเราก็คงหย่อนแรงเกินฝืน
ในบางครั้งก่อนจะก้าวคงหยุดยืน
เพื่อพักฟืนกำลังกายให้กลับมา
มีเวลาระหว่างพักพอทวนไหม
ทางเส้นไหนที่เราเดินกลับไปหา
ลองมองดูกันบ้างก่อนเวลา
จักเลยล่วงเกินเยียวยาทางสายเดิม
ยิ่งเราเติบโตแกร่งยิ่งก้าวไกล
ทางเส้นเก่าก็กร่อนไปยากจักเสริม
ลองเถอะนะกลับเยี่ยมเยือนเส้นทางเดิม
อย่าให้ทางสายที่เพิ่มพาหลงไป
ก็คิดดูก็คิดเอาเถอะเราท่าน
ทางสายนั้นมากคุณสักเพียงไหน
หากไร้ทางสายแรกให้ก้าวไป
เราจักก้าวไกลได้ไหมให้คิดดู
3 กุมภาพันธ์ 2549 17:28 น.
ฟา
เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่แทรกอยู่
มิเคยรับเรียนรู้ในคุณค่า
เป็นเพียงก้อนเนื้อหนึ่งเกินสายตา
ที่มองมาจะเห็นว่าเป็นเช่นไร
บ่อยครั้งที่เหนื่อยอ่อนก็ซ่อนเก็บ
เอาความเจ็บส่งสุมมารวมไว้
ทำทั้งหน้าที่หลักมิพักใย
จึงไม่มอบน้ำใจมาเจือจุน
แบกภาระทั้งบีบเข้าและคลายออก
อยากจะตะโกนร้องบอกว่าจะหยุด
แต่พออ่อนแรงลงร่างก็ทรุด
เข้ายื้อยุดฉุดกระตุ้นซะรุนแรง
3 กุมภาพันธ์ 2549 17:27 น.
ฟา
ในความหวาดหวั่นภัยที่อาจเกิด
ดูเอาเถิดเพื่อนสังคมที่ร่วมบ้าน
ความขุ่นเขืองเรื่องไรจึงบันดาล
เอ่ยเรื่องบ้านเมืองเราให้ร้ายไป
ใครใคร่ก่อการใดจรรโลงถิ่น
เพื่อพิทักษ์แดนดินให้สูงได้
ทำเถอะทำเพื่อบ้านเพื่อเมืองไทย
หากด้วยใจยึดในความชอบธรรม
ขอยึดมั่นซื่อตรงในความชอบ
ชอบธรรมกอบเกื้อหนุนแลคมขำ
อย่ายึดสิ่งกูชอบกูจักทำ
สิ่งระยำกับแผ่นดินกวาดสิ้นไป
ดูเอาเถิดเพื่อนพ้องเหล่าน้องพี่
ปัจจุบันวันนี้เป็นแบบไหน
ทั้งสังคม การเมือง เรื่องอะไร
ปล่อยทุนนำหนุนไปจวนลงคลอง
ยิ่งเพ่งพิศคิดอ่านในบ้านเก่า
แสนจะเศร้าเขาเขลาทำเพื่อสนอง
กิเลสโลภหลงตนลากลำพอง
ก่อความหม่นและหมองให้บ้านเมือง
กี่เรื่องความตามเกิดเห็นเป็นเบา
หนักแค่เพียงกระเป๋าเปล่าปลดเปลื้อง
ความยึดถือโลภหลงกิเลสเรือง
ปล่อยให้โตฟุ้งเฟื่องเต็มหัวใจ
หลากหลายสิ่งกำลังดำเนินอยู่
กี่ล้านคนมองดูอย่างสงสัย
บ้างตรวจสอบตามกระบวนตัวเองไป
บางกลุ่มร่วมเคลื่อนไหวเพื่อต้านทาน
สำหรับความตามกลอนที่กล่าว
ขออภัยหากไม่ดีก็ว่าขาน
เขียนด้วยความรู้น้อยช่วยทำทาน
อย่าโกรธเคืองจนบึ้มบ้านของฉันเลย
1 กุมภาพันธ์ 2549 17:24 น.
ฟา
จวนเวลาอาทิตย์อัสดง
แสงสาดส่งเศร้าลงกว่าคราไหน
จักมืดมิดอีกคราคืนยาวไกล
ลมค่ำพัดสะบัดไหวไล่นกกา
ก้มมองเท้าก้าวเหยียบ ณ ทางเก่า
อีกวันเราสิ้นลงเสียแล้วหนา
ช่างเร็วรวดวิ่งกวดติดจิตวิญญา
ภาวนาก่อนกดตัวตรงฟูกนอน
พริ้มตาหลับกับอารมณ์ที่บ่มก่อ
น้ำตาคลอไหลซอนซึมซุกกับหมอน
สิ้นแล้วหรือเสียงกล่อมเคยเว้าวอน
จิตสะทนทุกข์สะท้อนกว่าค่อนคืน
วิตกจิตคิดพลันใจสั่นไหว
ร้าวฤทัยร่ำไห้ได้อีกหน
อ่อนจริงเจ้าใจเขารึรู้ตน
ความเศร้าหม่นที่ล้นใจทุกราตรี
จากพลบค่ำย่ำรุ่งรับวันใหม่
คราบน้ำตาจากใจสองแก้มนี้
บ่งร่องรอยให้เห็นเช่นทุกที
..แต่วันที่พี่พรากจากกันไป
ยิ้มแย้มตามความสดของวันรุ่ง
กอบเก็บโศกหมองจากลุงแอบซ่อนไว้
อายเหลือจิตหากจักเอื้อนกับผู้ใด
ใจหนอใจรักไปได้ไม่รักดี
ก้าววันใหม่อย่างสดใสไม่มีส่อ
ตาที่คลอน้ำหล่อไว้จากคนนี้
เก็บไว้ก่อนซ่อนเอาไว้ที่ยังมี
ยิ้มกลบทีรอยใจรอยน้ำตา
จงนิ่งเสียนิ่งไว้ใครจะรู้
คนเขามองดูเราผาดหรอกหนา
มิมีหรอกจ้องลึกในแววตา
เพื่อค้นหาความโศกาอันอาดูร