26 ธันวาคม 2551 14:07 น.
ฟา
คืนเดือนมืดมีเพียงแสงระยิบส่อง
ส่งลงจากผืนท้องนภาใหญ่
แต่ห่างกันเหลือเกินแสงวิบไกล
คงจะไม่อาจทำให้ได้เห็นทาง
ฉันก้าวเดินบนทางที่คว้างเคว้ง
ไม่มีแม้บทเพลงกล่อมระหว่าง
ทั้งความเศร้าความขมโหมตรงกลาง
เต็มทั้งใจอ้างว้างเกือบสุดทน
ไม่อยากอ้อนวอนใครในโลกล้า
จะกราบขอความเมตตาแม้เพียงหน
ยังไม่คิดเพราะทนงในค่าคน
เกิดมาพ้นจนเติบใหญ่ได้มากพอ
ต้องเริ่มต้นตัวเราที่มุ่งมั่น
ต้องกัดฟันเดินไปไม่ย่นย่อ
ไม่หวังใจจากใครไม่คิดรอ
สะสมจากตัวให้ครบพอคงดีได้
เริ่มจากมือเปล่าสองเท้าด้วย
ใช้แรงช่วยสร้างสรรค์วันยิ่งใหญ่
ถึงวันนี้ทุกสายตาของใครใคร
สบประมาทสาดคำไว้ไม่มีวัน
อันคำคนคำใครไหนจะสู้
ใจที่ไม่อดสูไม่ทิ้งฝัน
จะเป็นตายร้ายดีเท่าไรกัน
สู้สักครั้งจนกว่าวันฝันเป็นจริง
ไม่มีทุนทรัพย์ใดยิ่งใหญ่ล้ำ
จะคอยค้ำตัวให้ล่องข้ามทุกสิ่ง
อุปสรรคที่ตรงหน้านี่ของจริง
ต้องทำใจให้นิ่งแล้วก้าวไป
แม้เท้าจักระบมบอบช้ำมาก
จะอดทนยอมลำบากไม่เลิกได้
จะก้าวผ่านขวากหนามทุกกิ่งไป
และสร้างสรรค์ในจุดหมายที่มุ่งมี
หากวันไหนใจท้อจะต่อสู้
จะหันกลับไปดูก่อนวันนี้
ผ่านมาได้อย่างไรสิ่งไม่ดี
จักเป็นแรงขับกายนี้ให้พ้นภัย
สิ่งเลวร้ายที่รายล้อมจากทุกทิศ
อาจปลิดลมแห่งชีวิตไม่สงสัย
แต่เอาเถิดสิ่งที่ตายแค่กายไป
แต่จิตยังเวียนว่ายไม่ดับจน
ถ้าไม่กลัวไม่หวั่นให้ว้าวุ่น
จิตนำใจคอยหนุนคลายสับสน
เดินหน้าต่อไปเถิดวิญญูชน
ทุกแห่งหนทุกสิ่งทำจะนำชัย
24 ธันวาคม 2551 01:09 น.
ฟา
ลำแสงยาววาวจากตะวันออก
อุ่นจากนอกถึงในเกินคาดหมาย
แม้เพียงแผ่วที่พบที่เฉียดกาย
ก็อบอุ่นมากมายกว่าเคยมี
เป็นเพียงแสงที่ส่องลงมาถึง
แต่น่าทึ่งในความมั่นคงที่
แม้จะเป็นรุ่งทิวาหรือราตรี
ยังสดใสไร้ราคีมากล้ำกลาย
แววระยิบระยับวิบวับประทับจิต
แสงแห่งมิตรคอยค่อยย้ำซึ่งความหมาย
ขอเพียงเป็นเศษเล็กอยู่ข้างกาย
จะไม่หายห่างไปจากใจเรา
ถึงจะมองจะมอบสัมพันธ์ไหน
เพื่อนหรือคนทั่วไปก็ไม่เหงา
เพราะเพียงหนึ่งเท่านั้นที่เป็นเงา
หัวใจเขามอบรักมั่นฉันคนเดียว
24 ธันวาคม 2551 00:51 น.
ฟา
นาฬิกาเวียนวนพ้นวันเก่า
เสียงหนึ่งเร้าอารมณ์สนั่นไหว
ตื่นจากฝันพลันเอียงฟังเสียงไป
นกหวีดลั่นสนั่นใครทำไรกัน
ชะโงกชะเง้อเฮ้ออีกแล้วหนอคืนค่ำ
หลังดื่มด่ำน้ำมึนกึ่งตื่นฝัน
ก็เหยียบปร๋อห้อแนบกันเร็วพลัน
เสียงสนั่นสะเก็ดไฟกระดอนกระเด็น
มองอีกนิดไกลอีกหน่อยอะไรบ้าง
มีใครเจ็บนอนคว้างก็ไม่เห็น
ค่อยยังชั่วไม่งั้นคงเกิดเป็น
อาชญากรรมไม่อยากเห็นให้เกิดมี
เอนกายลงตรงจุดที่ผุดลุก
หวังจะหลับอย่างเปี่ยมสุขต่อตรงนี้
อนิจจาผ่านไปแล้วสิบนาที
ก็ยังข่มตานี้ไม่หลับเลย
22 ธันวาคม 2551 22:14 น.
ฟา
ฉันรู้คนดีว่าเธอเหนื่อย
ค่อยค่อยเรื่อยเรื่อยอย่าหักโหม
อย่าไปสนใส่ใจให้ครึกโครม
มองไปที่แสงจากโคมนั่นไงไฟ
ฉันจุดไว้ให้เธอนะที่รัก
จงประจักษ์ถึงแสงที่สุกใส
นั่นแหละคือชีวิตอย่าคิดไกล
ทำนาทีนี้เต็มที่ไว้แล้วดีเอง
โรคมันไม่ร้ายแรงอะไรหรอก
อย่าไปเชื่อคำใครหลอกนะคนเก่ง
กำลังที่มากล้นจากตนเอง
จะบรรเลงทำนองรักให้พักใจ
จะกี่ปีเดือนวันที่จะอยู่
มันไม่สู้อยู่อย่างมีความหาย
เชื่อในตัวของจิตไม่เคยตาย
หากแต่ยังคงแหวกว่ายในวังวน
แม้ว่าเธอเหลือลมที่หล่อเลี้ยง
ให้หายใจเข้าเพียงแค่หนึ่งหน
แต่ถ้าไม่ย่อท้อรู้ค่าตน
ก็ไม่เสียชาติแห่งคนที่เกิดมา
จงระลึกนึกถึงคุณความดี
ที่เคยมีเคยทำไว้ทั่วหล้า
ระลึกคุณบิดรและมารดา
จบด้วยองค์ศาสดาประจำใจ
เพียงเท่านี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
ใจที่เคยกรอบแกร่วกลัวหวั่นไหว
จะมลายหายไปสิ้นเพียงอึดใจ
สงบไว้แล้วไปดีเถิดที่รัก
22 ธันวาคม 2551 22:00 น.
ฟา
ไม่ใช่เพราะเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง
กับการที่ใจผูกพันลึกซึ้งนี้
ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบอิสตรี
หรือหลงใหลใคร่มีไว้ครอบครอง
อาจมีบางเวลาสัมพันธ์ชื่น
บ้างไม่ราบรื่นหม่นหมอง
บางทีแอบมีน้ำตานอง
แต่ใช่จะล่องลอยหายไป
ความสุขความเศร้าที่อยู่
คอยมองดูไม่ละเลยทิ้งที่ไหน
ความรักเคยหวังกำลังใจ
อาจดูเห็นแก่ตัวเกินไปเคยมี
ผ่านวันเวลาหลายหลากอารมณ์
ผ่านขื่นและขมตรมเต็มทุกที่
ผ่านสุขสนุกรักรื่นฤดี
กับคุณที่รักคนนี้ไม่ลืมเลือน
เคยวาดเคยฝันหวานไว้ครั้งใหญ่
อยากเป็นคนสำคัญเกินใครกว่าเพื่อน
เพราะน้ำใจในน้ำคำที่จุนเจือน
เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ
จนวันนี้ผ่านเวลาเพิ่มมาอีก
ใจยังคงไม่หลีกหนีไปไหน
แต่ความจริงคือตัวเราห่างกันไกล
เพียงหัวใจมีเท่านั้นที่มั่นยืน
ถึงได้รู้รู้ดีว่าตัวรัก
ยากจะหักหัวใจตนรักล้นฝืน
แต่ว่าที่ที่เราต่างคนยืน
ไม่อาจเป็นอย่างวันคืนที่เคยมี
ทั้งที่รักรักคุณอุ่นซึ้งจิต
เกินกว่าคิดคาดไว้กับใจนี้
แต่ความจริงคุณไม่รู้หัวใจดี
ทุกวันนี้ที่ยังรักฉันนี้ไง
ไม่ว่าวันเวลาแห่งความจริง
จะต่างจากทุกสิ่งที่ฝันไว้
และไม่ว่าอีกเนิ่นนานสักเท่าไร
ความศรัทธาทั้งหัวใจมีให้คุณ