13 กันยายน 2547 18:28 น.
พู่กันของหูกวาง
เคยมีคนบอกฉันว่า...คนที่ชอบมองพระจันทร์ เป็นคนขี้เหงา ...ฉันคนนึงด้วยมั๊ง ที่มีความรู้สึกเช่นนั้น..บางวันรู้สึกเหนื่อย ๆ ได้แหงนมองดูพระจันทร์ แสงสีนวลนั้น เหมือนกับจะบอกอะไรฉันสักอย่าง...ฉันพยายามหาความหมายของพระจันทร์...ใคร ๆ อาจหาว่าฉันเพ้อ ฉันไม่เต็ม ...ฉันรู้ตัวดี เพราะเหตุผลที่ฉันจำเป็นต้องหลุดจากวงจรชีวิตของคนบางคน มันทำให้ฉันเหงา...เหงาจนบอกเล่ากับใครไม่ได้ ดูเหมือนมันจะเป็นความรู้สึกที่ทุกคนก็เคยได้รับ...
มันเป็นความรัก...
ใช่...ความรัก หลายคนหาคำตอบให้กับความเหินห่างในความรักไม่ได้..ฉันเองก็ตอบไม่ได้..ฉันจึงมองพระจันทร์ ...มันคงกำลังบอกฉันว่า...
มันก็มีความรัก..แต่เป็นความรักที่หมายถึงการให้ ดูดวงดาวบนท้องฟ้าสิ มันมากกว่าจำนวนคนที่ฉันรักเป็นพัน ๆ เท่า มันถามฉันว่าเคยให้ความรักคนทุกคน เหมือนกับที่มันให้ความรักแก่ดาวทุกดวงหรือเปล่า...สิ่งที่เปลี่ยนไม่ใช่เขา หรือเธอ แต่มันเป็นเวลา...บางคืนมีเพียงพระจันทร์ดวงเดียว ...มันเหงาเหมือนกับคนเรานี่ล่ะ..แต่แสงพระจันทร์ก็ยังคงส่องเหมือนเดิม แม้ไม่มีดาวดวงใดเคียงข้าง
คงไม่ใช่เพราะ ไม่มีใครรักมัน มันเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นต่างหาก ดวงดาวหายไปจากท้องฟ้า ใช่ว่าจะหายไปตลอดกาล..เช่นเดียวกับตัวฉันเอง...
วันที่ฉันเองรู้สึกว่าฉันไม่มีใคร วันที่ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเหงา...มันเป็นเพียงเวลาช่วงนึงเท่านั้น ...ใช่ว่ามันจะต้องเหงาอย่างนี้ไปตลอด...
คนที่ฉันรักเอง ตอนนี้ เขาก็คงมีความรัก ไม่น้อยไปกว่าฉัน เพียงแต่ว่ารักนั้น ฉันไม่ใช่เป็นคนที่ได้รับ...ฉันควรมอบให้เขาไปทั้งใจใช่ไหมพระจันทร์..ฉันไม่ควรหึงหวงเวลาที่มันผ่านไปแล้วใช่ไหม...
สุดท้ายนี้..พระจันทร์คงจะบอกให้ฉันยอมรับกับความเป็นไปของความรู้สึก..สิ่งที่เปลี่ยนไป มันต้องมีสักอย่างที่ดีกับตัวเรา ...ฉันจะรอถึงวันนั้น..จะรอ
ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นพระจันทร์แล้ว มันคงหายลับไปในก้อนเมฆเพื่อร้องไห้ เพราะคืนนั้นไม่มีดาวสักดวง...ใจดีจังนะพระจันทร์ดวงนี้..เก็บความรุ้สึกดีจริง ๆ ฉันจะไม่อ่อนแอเหมือนเธอหรอก เพราะว่าฉันร้องไห้มาแล้ว..และตอนนี้ฉันก็กำลังจะไปนอน ตื่นมาวันพรุ่งนี้ จะไม่มีใครนอกจากฉัน จะไม่มีความรู้สึกใดนอกจากความสุข..
สุขที่เกิดมาเคยได้รัก...และเคยถูกรัก... แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วกระมัง..
คิดถึงนะ..คงสบายดี
23 สิงหาคม 2547 21:17 น.
พู่กันของหูกวาง
ก๊อปเค้ามาครับ ไม่ได้คิดเอง แต่ดีจนอดเอามาให้เพื่อน ๆ อ่านไม่ได้ ถ้าอ่านแล้วก็ขอโทษทีคับผม
ข้อความ : อ่านให้ถึงบรรทัดสุดท้ายนะ นี่แหละปรัชญาชีวิตที่แท้
>> >>>> อาจารย์สอนปรัชญาเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่าง
>> >>>> เมื่อได้เวลาเรียนก็หยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา
>> >>>> แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
>> >>>> จากนั้นก็ถามบรรดานักศึกษาว่าเหยือกเต็มหรือยัง
>> >>>> นักศึกษาต่างก็ยอมรับว่าเต็มแล้ว
>> >>>>
>> >>>>
>> >>>> แต่แล้วอาจารย์ก็หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา
>> >>>> แล้วเทกรวดลงไปในเหยือก เขย่าเหยือกเบาๆ
>> >>>> กรวดก็เลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิส
>> >>>> เขาถามนักศึกษาว่าเหยือกเต็มหรือยัง
>> >>>> นักศึกษาก็ยอมรับว่าเต็มแล้ว
>> >>>>
>> >>>>
>> >>>> อาจารย์คนเดิมควักเอากล่องทรายขึ้นมาเทใส่ลงไปในเหยือก
>> >>>> และทรายก็ไหลลงไปแทนที่ตามช่องว่างได้อย่างง่ายดาย
>> >>>> เขาถามนักศึกษาอีกครั้งว่าเหยือกเต็มหรือยัง
>> >>>> นักศึกษาตอบอย่างหนักแน่นว่าคราวนี้เต็มแน่แล้ว
>> >>>>
>> >>>>
>> >>>> ถึงตอนนี้อาจารย์หยิบเบียร์สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะ
>> >>>> แล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ
>> >>>> เบียร์ก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด
>> >>>> ทั้งชั้นเรียนหัวเราะกันครืนใหญ่
>> >>>>
>> >>>> เอาล่ะ อาจารย์กล่าวขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะซาลง
>> >>>> ผมอยากให้พวกคุณจำไว้ว่าเหยือกนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
>> >>>> ลูกเทนนิสก็คือสิ่งที่สำคัญในชีวิต
>> >>>> เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต สุขภาพ ลูกๆ เพื่อนฝูง
>> >>>> และสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ
>> >>>> สิ่งที่ถ้าคุณต้องสูญเสียทุกอย่างไป
>> >>>> และเหลือแต่เพียงสิ่งเหล่านี้
>> >>>> ชีวิตคุณก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่
>> >>>>
>> >>>> เม็ดกรวดก็เหมือนสิ่งที่สำคัญรองลงมา
>> >>>> เช่น งาน บ้าน รถยนต์
>> >>>>
>> >>>> ทราย ก็คือ เรื่องอื่นๆที่เหลือ
>> >>>> เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราต้องทำและมักจะหมกมุ่น
>> >>>>
>> >>>> ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
>> >>>> คุณก็จะไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวดและไม่มีที่ใส่ลูกเทนนิสแน่
>> >>>> ชีวิตคุณก็เหมือนกัน
>> >>>> ถ้าคุณใช้เวลาและกำลังให้หมดไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
>> >>>> คุณก็จะไม่มีที่ให้เรื่องที่สำคัญสำหรับคุณ
>> >>>> คุณต้องมุ่งความสนใจไปที่เรื่องที่ทำให้คุณมีความสุข
>> >>>> เล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตไปเต้นรำ
>> >>>> เล่นเทนนิสสักสองสามเซ็ท
>> >>>> คุณยังมีเวลาอีกมากที่จะเอาผ้าไปซัก
>> >>>> ทำความสะอาดบ้าน จัดงานเลี้ยง
>> >>>> ซ่อมแซมอะไรต่อมิอะไร
>> >>>> ดูแลลูกเทนนิสก่อน ดูแลเรื่องที่สำคัญจริงๆ
>> >>>> เรียงลำดับความสำคัญให้ดี เรื่องอื่นๆมันก็แค่เม็ดทราย
>> >>>>
>> >>>> นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถามว่า
>> >>>> แล้วเบียร์หมายถึงอะไร
>> >>>> อาจารย์ยิ้มน้อยๆ
>> >>>> ผมดีใจที่คุณถาม ผมแค่อยากให้คุณเห็นว่า
>> >>>> ไม่ว่าชีวิตคุณจะเต็มแค่ไหน
>> >>>> คุณก็ยังมีที่ว่างพอสำหรับเบียร์เสมอ"
16 เมษายน 2547 18:32 น.
พู่กันของหูกวาง
เมื่อไรที่เรารุ้สึกเหงา...ภาพเวลาเก่า ๆ ก็มักจะถามหา
ให้เรานึกย้อนวันก่อนเรื่อยมา..รวมถึงหลั่งน้ำตาให้กับเวลาที่เสียไป
บ่อยครั้งถ้าเวลาใดที่คนเราอยู่กับตัวเอง...
บ่อยครับ...ความเหงา...เดียวดาย ก็จะเกิด...
สิ่งต่าง ๆ และความเป็นตัวเอง ก็จะเริ่มเข้าครองจิตใจ
เราจะจมอยุ่กับอารมณ์เหล่านั้น จนกว่าเราจะร้องไห้...จนกว่าตัวเองจะเจ็บปวดอยู่กับเวลาเก่า ๆ
เหงา...เกินพอดี...เสียแล้วเรา...
คนเรามีความเหงาเป็นเรื่องธรรมดา...
ความเหงา ทำให้เรารุ้ว่าชีวิต ไม่ได้มีเพียงความสุข และเสียงเฮฮา
ความอ้างว้าง วังเวง ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจ
ทบทวนสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่เราเหงา...มันทำให้เรารู้ตัวเราเองดีเหลือเกิน
ใช้ความเหงาให้เป็นประโยชน์...
ความเหงา ไม่ได้มีแต่ส่วนทำให้เราร้องไห้..
แต่มีส่วนทำให้เราหัวเราะเบา ๆ ...คนเดียว.. ยิ้มน้อย ๆ ..คนเดียว..
ความสุขเล็ก ๆ ที่หาไม่ได้จากเพื่อนฝูงมากมาย หรือ งานปาร์ตี้สนุก ๆ
มันคือตัวเรา..เพื่อนที่ดีที่สุดในยามเหงา..
สิ่งที่เราคิดถึง คือคิดถึงตัวเรา..คนที่พร้อมที่สุดที่จะปลอบใจเรา..
ก่อนที่คนเรา..จะเหงาเกินไปกว่านี้...
เปิดมุมมืดของหัวใจที่รกรุงรัง...เอาออกมาเก็บกวาดให้เรีบยบร้อย..
ในเวลาที่ว่าง ๆ ไม่มีใคร ไม่มีอะไร...
บางทีมันอาจจะทำให้ทุกมุมมองของเรา...สว่างขึ้น...
เก็บเวลาที่ต้องเสียใจกับความเหงา..มาปัดเป่าฝุ่นใจดีกว่า...*-*
รักและเป็นห่วง...
พู่กัน...
1 เมษายน 2547 13:59 น.
พู่กันของหูกวาง
เชื่อไหมครับว่าคนเรานั้น มันมีมุมมองที่แคบเหลือเกิน
ยึดติดเพียงแค่ความคิดของตัวเอง ไม่ยอมปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้เป็นไปตามความสามารถของตัวเอง
อันที่จริงแล้ว หากว่าเรามีความมั่นใจ..อะไรก็คงไม่สามารถที่จะเบี่ยงแบนมุมมองของเราได้ แต่ว่า ในบางที โอกาสในการประสบความสำเร็จนั้น มันอาจจะเลื่อนห่างออกไป..จนเราเองก็ไม่สามารถรู้สึกตัวได้ทัน
และเมื่อเราสามารถเข้าใจสถานการณืที่เป็นอยู่ในตอนนั้น..เราอาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ไข..
ชีวิคนตเรามันมีสองด้าน..และคนเราก็มักจะมองประตูด้านที่ปิดอยู่อย่างเสียใจ โดยที่ไม่ยอมหันมามองประตูที่เปิดอยู่..นั่นก็คือโอกาสที่เราอาจจะสูญเสียไปง่าย ๆ
รู้รึเปล่า สามสิ่งที่ไม่อาจกลับคืนมาได้ก็คือ..
เวลา..
คำพูด..
และโอกาส..
อย่าปล่อยให้ชีวิตเป็นไปแค่ไหลไปตามการะแสน้ำ..คนเราต้องพยายามทวนน้ำบ้าง ฝ่าฝันอุปสรรคอย่างเข้มแข็ง ..และเชื่อว่าตอ้งมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
ถึงแม้ว่าคนอื่นเขาจะยอมให้ตัวเขาเองลอยไปตามน้ำเพื่อน้ำไปเจอสิ่งที่ดีกว่า..เขาเจอแน่ครับสิ่งที่ดีกว่า..แต่ไม่นานเขาก็จะลอยผ่านสิ่งที่ดีทีว่านั้นไป..เพราะว่าเขาไม่รู้จักการดิ้นรนต่อสู้ไงครับ เขาทวนน้ำไม่เป็น..
เรื่อที่ปลอดภัย..คือเรือที่จอดอยู่กับท่า..แต่นั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายในการสร้างเรือ
คนเราเพียงแค่ทอดสายตามองลงไปในทะเล..เราก็คงไม่สามารถข้ามทะเลกันกว้างใหญ่ได้เช่นกัน
หรือแม้แต่ขั้นบันได..มันไม่ใช่ที่พักระหว่างทาง แต่มันเป็นเพียงแค่ก้าวหนึ่งเพื่อก้าวต่อไปถึงความสำเร็จ..
พลิกความคิดเสียใหม่เถิดครับ ถ้าหากเราคุณในตอนนี้กำลังคิดว่า คงไม่มีอะไรดีในชีวิตแล้ว..คุณอาจะคิดผิดนะครับ..ไม่มีใครที่จะรู้อนาคตได้ดีไปมากกว่าตัวของคุณเอง..
14 มีนาคม 2547 18:59 น.
พู่กันของหูกวาง
วันที่รู้สึว่าตัวเองไม่ไหว มันเป็นวันที่เราเองรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างของชีวิต
วันที่ตัวเองหกล้ม และตอ้งการกำลังใจในการลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับปัญหา
อยากจะไปไกลไกล ไปให้สุดทาง อยากรู้ว่าที่จุดสิ้นสุดนั้นมีอะไรอยู่
และวันที่เราเองพบกับก้าวสุดท้ายของเส้นทาง ปลายทางที่เห็นคงมีอะไรดีดีให้เราพบเจอ
สิ่งหลายอย่างมักเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ทั้งหลาย
ความทุกข์ ความสุข ย่อมมีอยู่ในรายทาง ของทุก ๆ คน
วันนึงอาจร้องไห้ แต่อีกวันนึงอาจสุขใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีฤดูกาล และหตุผล เพียงแต่วันที่เราผิดพลั้ง เราจะยอมอดทนเพื่อวันของเราได้ไหม
เชื่อว่ามันต้องมีสักวัน..วันที่เราเข้มแข็ง วันที่แรงกำลังมีพร้อมที่จะต่อสู่กับสิ่งต่าง ๆ
ไม่อ่อนแอ ไม่หวาดกลัว..
แม้หนทางข้างหน้า รู้ดีว่ามันอาจจะไม่สวยงามเหมือนอย่างคนอื่น เหมือนดังที่ใจเราไฝ่ฝันไว้
แต่มันเป็นหนทางของเรา เราต้องทำมันให้ดีที่สุด ..
ถึงแม้วันนี้ ชีวิตมันได้ดำเนินมาถึงกลางทางแล้ว เราได้ผ่านจุดเริ่มต้น แต่เรายังไม่รู้ที่สิ้นสุด..
ให้วันวานนี้เป็นกำลังใจในการก้าวเดินในวันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันต่อ ๆ ไป
..เราไม่อาจเหปลียนแปลงสิ่งที่ผ่านไปแล้วได้..
แต่เราสามารถปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นปัจจุบันได้..
ในเมื่อมันยังไม่จบสิ้น..ก็คงต้องดิ้นกันเรื่อยไป..
หวังไว้แค่ว่า ..จะยังคงมีจะสุดท้ายของปลายทางให้เราได้จอเมื่อยามไปถึง..ก็เท่านั้นเอง..