13 มกราคม 2547 00:48 น.
พู่กันของหูกวาง
ตั้งแต่เช้า...ที่เราจะต้องไป
ค้นหาสิ่งใหม่-ใหม่ที่ดีกว่าเก่า
เหนื่อยล้า-ที่ซ้ำซัดเข้าหาตัวเรา
ผ่านไปแล้วพร้อมกับรอยเงา...ของแสงตะวัน...
อยู่ตรงนี้...เพียงเราสองคน
จะกล่อมให้เธอคลายหมองหม่นยามนอนหลับฝัน
หลับเถอะนะคนดี...ให้คืนนี้เป็นคืนของพระจันทร์
หลับไหลภายให้ความผูกพัน..ของฉันและเธอ
ยังคงมีหมู่ดาวมากมาย
อยู่บนท้องฟ้ากว้างไกลให้เธอเสมอ
พร้อมวางเรียงรายเอาไว้ให้เธอใด้พบเจอ
ตื่นเช้ามาให้หมดความไหวเพ้อ...พร้อมฝากดาวถึงเพื่อนเกลอ **สักดวง**
เหนื่อยมาทั้งวันหลับเถอะคนดี
อยู่กับฉันคืนนี้เธอไม่ต้องห่วง
เรายังมีพระจันทร์เป็นเพื่อนอยู่อีกทั้งดวง
พร้อมขอพรให้เธออยู่ในห้วง...ของความสุขใจ
จับมือฉันไว้ถ้าหากหนาว
ฉันจะกระซิบบอกเธอเบา-เบา...ว่า*ไม่ไปไหน*
จะอยู่กล่อมเธออยู่ตรงนี้...หลับเถอะคนดี...ปล่อยวางเรื่องราวใดใด
ตื่นมาจะได้พร้อมรับวันใหม่...ด้วยกายและใจที่แข็งแรง
12 มกราคม 2547 19:39 น.
พู่กันของหูกวาง
หอม...ดอกไม้กระดาษในแจกันเคลือบใส
เห็นใจ...กับนาฬิกาตาย และตุ๊กตาเปื้อนฝุ่นหนา
คิดถึง...ความทรงจำที่หยิบมาจากส่วนหนึ่งของวันเวลา
ห่วงหา...ในกำแพงสีขาวกับรุ้งยาวที่พาดฟ้าสู่นภาแสนไกล
อบอ่น...กับอยากไย่และตาข่ายแมงมุมที่ดูเหมือนรอยยิ้ม
ชุ่มชื่น...ด้วยสายน้ำที่ปริ่มออกจากแจกันโถใหญ่
เจ็บช้ำ...เมื่อยามแพ้พ่ายในเวลาที่เธอเดินจากไป
กดดัน...อยู่ในกรอบกระจกของหัวใจที่ปิดตายทั้งน้ำตา
เวียนวน...ชีวิตคนซึ่งหมุนคว้างไม่ต่างจากลูกข่าง
อ้างว้าง...เมื่อผิดหวังจากความรักที่แสนปรารถนา
อาทร...ความรักครั้งสุดท้าย และลมหายใจที่ไม่กลับคืนมา
เสียดาย...ทุก-ทุกวันของกาลเวลาที่ไม่อาจย้อนคืน
เหนื่อยอ่อน...จากแรงเหวี่ยงดั่งไฟฟอนของชะตากรรม
บอบช้ำ...กำคำลาซึ่งยากเกินกว่าใจจะทนฝืน
ปล่อยวาง...จากสิ่งต่าง-ต่างที่ดูว่ามันไม่ยั่งยืน
ยื่นคืน...ความขมขื่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
โลกนี้...ช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน
โลกนี้...ช่างเพลิดเพลินกับชีวิตของคนได้ง่าย-ง่าย
โลกนี้...ช่างมีแต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป
โลกนี้...ก็ยังคงพร้อมที่จะเบื่อหน่าย...และทอดเราทิ้งไป...ในสักวัน...
12 มกราคม 2547 00:08 น.
พู่กันของหูกวาง
เราก็เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน
ต่างแค่ความฝัน...ที่ดึงดันกระเสือกกระสน
บ้างล้มลุกคลุกคลาน...เพื่อสร้างวันของตน
มีชีวิตเพื่อสู้ดิ้นรน...และอดทนกับความเป็นไป
เป็นผู้ร่วมเดินผืนดินนี้ด้วยกัน
ขออย่าแบ่งชนชั้นกันจะได้ไหม
จะรวย-จน-ยาก-แค้น...สักเพียงใด
คนก็มีชีวิต มีจิตใจเหมือน-เหมือนกัน
ผืนดินที่กว้างใหญ่
แย่งชิงกันไปก็เท่านั้น
สุดท้ายสิ้นใจ...ก็ได้เพียงเถ้าควัน
ไม่มีใครได้คิดสักวัน...ว่าเราควรจะหันมาให้น้ำใจ
มันเป็นเพียงฟ้าดินกำหนด
จะยากแค้นรันทดสักเพียงไหน
อย่ารังเกียจเดียจฉันท์คนแคลนความห่วงใย
ขอจงส่งใจเป็นเชือกผูกกำลัง
ให้ผู้ล้มลงได้ลุกขึ้นยืน
ปลุกผู้คนที่หลับไหลให้ตื่น...เพื่อสร้างความหวัง
ร่วมเดินไปบนผืนดินนี้ด้วยกำลัง
ปลุกสร้างพลังความสามัคคีด้วยกัน...ล้างรอยเดียดฉันท์ระหว่างผู้คน...
ไม่ว่าที่ใดย่อมเหลือทางเดิน
คงหมดผู้คนหมางเมินทุกแห่งหน
เพราะเราเริ่มเข้าใจ...ในความเป็นคน
คนรวยก็เคยดิ้นรน...คงเข้าใจ...
วันนี้...พรุ่งนี้...และวันข้างหน้า
ฉุดมือผู้อ่อนล้าให้ลุกขึ้นใหม่
รักษาเขา...อย่าให้เขาเป็นอะไร...
เพราะนั่นก็คือชีวิตคนหนึ่งคนนั้นไง(อย่างน้อยที่อยู่ใกล้-ใกล้ ก็เพื่อนเรา)
11 มกราคม 2547 18:06 น.
พู่กันของหูกวาง
หรือบุญกรรมที่ทำมาแต่ปางก่อน
ดลให้เราได้จรมาพบกันใหม่
ร่วมร้อยเรียงเรื่องราวให้เป็นไป
ต่างคนนั้นไซร้...ก็ต่างที่มา...
ชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไว้
ได้เจอวันที่สดใส หรือทั้งใจอ่อนล้า
พานพบเรื่องราว...ทำให้เราเสียน้ำตา
สุข-ทุกข์ตามกฎแห่งกรรมที่ทำมา...แต่ปางไกล
ฤาจะฝืนเส้นทางที่ย่างก้าว
แต่ว่าเราก็ไม่อาจทำได้
สำนึก และ ยอมรับในสิ่งที่เป็นไป
แม้มันจะเหนื่อยเกินทนไหว...ก็ตามที
เหมือนล่องไปในแนวทางของชีวิต
ที่ซึ่งถูกลิขิต...และไม่อาจหลบหนี
ไม่อาจล่วงรู้ว่าเมื่อไรจะสิ้นสุดสักที
จนตราบใดที่ชีวิตเรายังมี...ก็คงต้องดิ้นรน
จุดจบที่เที่ยงแท้
อาจเหลือเพียงแต่...แค่ความหมองหม่น
สิ่งที่คนเราทำลงไป...ใช่ว่าไม่มีตัวตน
ใครเศร้า-ใครทุกข์ทน...คือกฎที่อยู่บนการกระทำ
หากแต่เราทำดีไว้
สิ่งที่ได้กระทำลงไป...คงคลายหมองช้ำ
มุ่งมั่นทำแต่ความดี...ลบรอยราคี-ด่างดำ
สิ่งเหล่านี้มันเป็นสำนึกของผู้กระทำ...ที่ตั้งใจ
ให้บุญญาที่สร้างมาคุ้มครอง
ให้เรา และ รักทั้งผองจงสุขสดใส
*อาญาแห่งความรัก* อาจจักมลายสิ้นไป
อภัยโทษแด่ผู้สำนึกใจ...และเริ่มต้นรักใหม่...ด้วยความดี
10 มกราคม 2547 15:27 น.
พู่กันของหูกวาง
เมื่อชีวิตที่ยังต้องก้าวเดินไป
ยังเหลือเส้นทางมากมายให้เลือกสรร
ค้นหาสิ่งใหม่ที่ใจต้องการ
อาจมีบ้างที่ล้มคลาน...เมื่อพบพานกับเรื่องราวใดใด
แต่กว่าชีวิตจะพ้นผ่าน
การไขว่คว้าดินรนแข่งขัน...ที่แทบทนทานไม่ไหว
เฝ้ารอช่วงเวลา...ที่คิดว่าจะปลอดภัย
แต่แล้วคงไม่มีในทางใด...ให้เราก้าวเดิน
โลกแห่งความจริงมันช่างแสนหนักหน่วง
จึงอยากเข้าสู่ห้วงแห่งความห่างเหิน
โลกแห่งความฝัน...ที่ฉันต้องการก้าวเดิน
พร้อมยินดีกับสิ่งที่เผชิญ...ด้วยความสุขใจ
พยายามมองสิ่งต่าง-ต่างในโลกแห่งความฝัน
มองทุกสิ่งที่ก้าวเดินผ่าน...ว่ามันจะสดใส
วันนี้ฉันขอจมอยู่กับความเพ้อฝัน...ของฉันเรื่อยไป
ไม่อยากกลับออกไป...สู่โลกแห่งความจริง
แต่กว่าจะรู้เรื่องราวของชีวิตคนเรา
ก็แทบล้มไม่เหลือร่องรอยเงาของทุกสิ่ง
ชีวิต...มันถูกลิขิตอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
ไม่อาจติดอยู่กับบางสิ่ง...ที่ไม่มีรูปกาย
เฝ้ารอความฝันที่ขุ่นมัว
ทนรอเงาสลัว...ให้มันจางหาย
จึงรู้ว่าโลกแห่งความฝัน...คือสิ่งที่ฉันสร้างด้วยความอ่อนล้าในใจ
ความฝัน...มันไม่มีจริงใช่ไหม...ชีวิตคนเรา
กว่าจะรู้ว่าชีวิตคืออะไรในโลกความเป็นจริง
ที่ทุ่มให้ทุกสิ่ง...กับความฝันมากมายก็ล้าเศร้า
เข้าใจว่าโลกแห่งความฝัน...มันคงเป็นเพียงแค่รอยเงา
คอยติดตามเวลาใดที่ฉันเหงา...และมันจะเข้ามาอีกครา