12 ธันวาคม 2546 18:57 น.
พู่กันของหูกวาง
สนธยา...เย็นย่ำ...ใกล้ค่ำแล้ว...
วิหกแจ้ว...โบยบิน...กลับถิ่นถาน
ตรงขอบฟ้า...ลาตะวัน...อันตรธาน
ผ่านช่วงวัน...อันยาวนาน...พลันจากไป
เหล่าผู้คน...บนถนน...ยังล้นอยู่
และไม่รู้...ว่าพวกเขา...ไปแห่งไหน
จุดมุ่งหมาย...ของคน...ต่างปนไป
ตามชีวิต...ลิขิตได้...ด้วยใจตัว
ฉันยังอยู่...ที่มุมหนึ่ง...ของความเหงา
ยังหมองเศร้า...อ่อนไหว...ใจสลัว
ท่ามกลางคืน...ที่หยัดยืน...อย่างมืดมัว
จึงมองตัว...กลัวเดียวดาย...กลางสายทาง
อยากรู้ว่า...เมื่อตะวัน...ลากันแล้ว
เพียงยินแว่ว...ว่าอาทิตย์...คิดถึงบ้าง
อยากจักพบ...ดวงลูกไฟ...ให้ส่องทาง
เดินไปอย่าง...มั่นคง...และตรองรอย
สนธยา...เย็นย่ำ...ยังจำได้...
เจ้าทำให้...ใจฉัน...พลันเหงาหงอย
ถึงตอนเย็น...กลัวหลงทาง...ทั้งตรอกซอย
คงรอคอย...แสงตะวัน...พลันกลับมา...
7 ธันวาคม 2546 11:19 น.
พู่กันของหูกวาง
เพียงคืนหนาว...คืนหนึ่ง...ยังตรึงจิต
หวนขบคิด...ครวญถึง....คะนึงหา
สายลมหนาว...พราวดาวเด่น...เป็นมายา
หลอกลวงตา...ให้มองจันทร์...ไม่มั่นใจ
จันทร์อร่าม...ท่ามกลางเมฆ...เอนกนับ
เหมือนหนึ่งดับ...แสงจันทร์....ให้หวั่นไหว
เงาที่อยู่...เคียงข้าง...ร้างหายไป
แสงจันทรา...ก็ลับไป...ในเมฆน
จึงมืดมิด...มืดสลัว...ใจกลัวนัก
กลัวว่าจัก...มองสิ่งใด...ใคร่ฉงน
เดินตามทาง...อาจหลงทาง...พรางกังวล
กลัวจะชน...ใจตนเอง...วังเวงวอน
เฝ้ารอลม...มาพรมเมฆ...ให้เลือนหาย
ให้หัวใจ...ได้ทักทวง...ดวงสมร
จันทร์เจ้าเอย...อย่างพึ่งเลย...จากเคยจร
อยู่เป็นหมอน...ให้ข้านอน...หลับสบาย
หลับตาลง...ใจยังคง...พะวงคิด
หากหลับสนิท...คงคิดถึง...แสงจันทร์ฉาย
ฤาจะนั่ง...อยู่กับฟ้า...จันทราลัย
อยู่เฝ้าจันทร์...อย่าลับไป...ไกลอีกนา
หากคืนจันทร์...ไม่มีจันทร์...ก็พลันเศร้า
โอ้ความเหงา...จะหาใคร...ระบายหนา
มีจันทร์อยู่...เหมือนมีคู่...ชูชีวา
คอยช่วยซับ...รอยน้ำตา...ในอารมณ์...
6 ธันวาคม 2546 17:11 น.
พู่กันของหูกวาง
พึ่งเสียใจกับความผิดหวัง
นั่งลงอย่างหมดกำลังจะลุกขึ้นไหว...
กวาดสายตามองอย่างกว้างไกล...
พบคนที่เคยมีใจ...ไกลไกลตา...
จึงนั่งมองเขาอยู่อย่างนี้...
รอยน้ำตาที่ล้นปรี่...จึงเอ่อไหล
จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง...มาซับใจ
ประดุจเหมือนเธอมาห่วงใย...ใกล้ใกล้กัน
แต่เป็นฉันที่ฝันอยู่คนเดียว
เพราะความจริงยังขาดคนแลเหลียว...ตัวฉัน
อยากได้ผ้าเช็ดหน้าของเธอ...ที่ละเมอทุกวัน
หวังเพียงซับความไหวหวั่น...ที่เกิดขึ้นมามากมาย
แล้วใจที่นั่งอยู่ตรงนี้
เธอ...คนที่แสนดีจะรู้บ้างไหม...
คนที่อยากได้ผ้าเช็ดหน้าเธอ...มาซับใจ
แทนผ้าเช็ดหน้าฉันที่เปียกปอนน้ำใส...ใส...ด้วยใจที่ร้าวราน
6 ธันวาคม 2546 16:50 น.
พู่กันของหูกวาง
ปิดประตู...ใส่กลอน
จมอยู่กับความร้าวรอน...สับสน
เหมือนชีวิตที่ขึ้นอยู่กับคนหนึ่งคน
ยังไม่สามารถทน...กับความเดียวดาย
จึงทิ้งตัวลง...บนที่นอน...
ไม่อยากปลอบใจที่อาวรณ์...เพราะทนไม่ไหว
กอดหมอน...ห่มผ้า...ร้องตะโกนเหมือนคนบ้าแทบขาดใจ
หลับตาบีบน้ำใส...ใส ให้มันหลั่งไหล...ออกมา
กรีดร้อง...กัดกรอดฟัน...
ทนทุกข์ทรมาน...ไม่ต่างจากคนหมดคุณค่า
เขวี้ยงปาข้าวของ...จนกองเกลื่อนดาษดา
ซ่อนความอิดโรยภายใต้แววตา...ที่คล้ำแดง
เสียใจ...อย่างหนัก...
เจ็บเกือบกระอัก...ในวันที่รักแตกระแหง
จึงร้องโวยวาย...เพื่อให้ร่างกายอ่อนแรง
ให้ความทุกข์ใจ...ปลิวไปกับลมแล้ง...ที่ผ่านมา
เหมือนใจได้ถ่ายเทความเศร้า...
เมื่อยามที่รู้ตัวเองว่าเหงา...อ่อนเพลียเหนื่อยล้า
สิ่งหนึ่งที่ทำได้...คือร้องไห้ออกมา
เผื่อจะลบลืมผู้สร้างมายา...อย่างใครบางคน
พลิกตัวนอนแผ่หงาย...
เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย...ค่อยหายสับสน
หมดเรี่ยวแรง...กับเสียงที่ตะแบงตะโกน
ซึ่งมันหนักหนาที่จะทน...สำหรับคนหนึ่งคนที่อ่อนแอ
6 ธันวาคม 2546 16:28 น.
พู่กันของหูกวาง
เดินกันมา 3 คน
เป็นฉันที่ต้องทนยิ้มร่าไว้
ไม่อยากให้ 2 คนที่ตามมา...ถามว่า เป็นอะไร
บางสิ่งที่เกิดในใจ...จึงเป็นเรื่องราว
เพราะฉันเป็นเพื่อน
จึงอึดอัดเมื่อเข้ามาเยือน...ที่เธอกับเขา
จิตใจของ...คนกลาง...จึงอ้างว้างซบเซา
เมือจำต้องเดินกับเงา...และเขาที่เป็นแฟนกัน
เหมือนเป็นส่วนเกิน
ทุกก้าวย่างที่เดิน...เขาคงไม่คิดถึงฉัน
อาจชวนเป็นมารยาท...ตามคุณสมบัติของเพื่อนกัน
ไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้น...ฉันเข้าใจ
จะไม่น้อยใจกับสิ่งที่เห็น
ก็เราทั้ง 3 นะเป็น...เพื่อนกันใช่ไหม
แต่ที่ให้เดินมาด้วยกันน่ะ...ฉันเกรงใจ
ถ้างั้นฉันขอตัวแยกไป...ไว้เจอกันใหม่...โชคดี...